เซี่ยเหล่ย ชื่อนี้เป็นชื่อที่ถูกพูดถึงกันมากและเป็นวงกว้าง ยอดคำค้นหายอดนิยมในช่วงเวลานี้จะมี ‘เซี่ยเหล่ยและปืนไรเฟิลจู่โจม’ ‘ไรเฟิลซุ่มยิงXL2500′ นอกจากนี้ภาพของเขาและอาวุธของเขาต่างก็เผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วผ่านผู้สื่อข่าวและสื่อออนไลน์
บิดาแห่งอาวุธปืน นี่คือชื่อกิตติมศักดิ์ที่ประเทศจีนมอบให้แก่เขาและชื่อนี้ก็ถือเป็นที่ยอมรับและถูกใช้อ้างอิงมากที่สุดจากสื่อในการจะกล่าวถึงตัวเขา
การรายงานข่าวเกี่ยวกับการประสบความสำเร็จของเซี่ยเหล่ยนั้นทำให้มีผู้ที่สนใจในประวัติภูมิหลังของเขา มันจึงมีการสืบและขุดค้นข้อมูลตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นเด็กจนถึงปัจจุบัน แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาพบนั้นชวนให้ตกตะลึงและประหลาดใจ เนื่องจากในตอนที่เริ่มต้นเซี่ยเหล่ยนั้นไม่มีอะไรเลย
ด้วยเหตุนี้ ชีวิตของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคนได้ดีทีเดียว
การเปิดตัวปืนไรเฟิลจู่โจม Gust นั้น ดูเหมือนจะทำให้เซี่ยเหล่ยและโรงงานผลิตอาวุธของเขาขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดที่ไม่อาจจะมีใครเอาชนะได้แต่อย่างไรก็ตามการเดินทางของเขาเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังไม่รู้ด้วยว่าจุดสิ้นสุดของปลายทางนี้จะเป็นอย่างไร
ณ สำนักงานลับ 101 ห้องทำงานของฉือโบเหยิยน
ฮ่าฮ่า! ฉือโบเหยิยนหัวเราะเสียงดังก่อนจะโผเข้าไปกอดเซี่ยเหล่ยอย่างมีความสุขพร้อมกับพูดขึ้นว่า เฮ้! ผมไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาบรรยายถึงความสุดยอดของคุณได้เลย ประเทศของเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่มีคนมีความสามารถแบบคุณอยู่!
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะพูดว่า คุณก็พูดยกย่องผมเกินไปผู้บริหารฉือ อันที่จริงผมเองก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับใช้และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติเช่นกัน แต่ก่อนอื่นปล่อยผมก่อนได้มั้ย ผมหายใจไม่ออก
โอ๊ะ…โอเคๆ! ฉือโบเหยิยนพูดพร้อมกับปล่อยเซี่ยเหล่ย
นอกจากเซี่ยเหล่ยและฉือโบเหยิยนแล้ว ภายในห้องทำงานก็ยังมีหลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยอีกที่นั่นอีกด้วย
เอาหล่ะ ฉือโบเหยิยนพูดก่อนจะพูดต่อว่า ตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าเย่คุนขโมยเทคนิคและการออกแบบของคุณไปพร้อมกับลอกเลียนแบบจนสร้างมันขึ้นมาใหม่โดยใช้ชื่อว่าปืนไรเฟิลจู่โจมเฉิงหวู่มันแตกต่างจากปืนไรเฟิลจู่โจม Gust อย่างไร?
ผมออกแบบให้มีการถีบกลับของปืนไรเฟิลจู่โจม Gust น้อยมากจนแทบไม่รู้สึกอะไรเลยแม้ว่าจะลั่นกระสุนรัวๆเลยก็ตาม เซี่ยเหล่ยพูด
คุณนี่อัจฉริยะจริงๆ ฉือโบเหยิยนพูดชม ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นว่า เอ่อ เซี่ยเหล่ยถ้าอย่างนั้นแม่แบบที่คุณให้กับเย่คุนไปนั้น มันไม่มีส่วนของการลดการถีบกลับใช่มั้ย?
เซี่ยเหล่ยหัวเราะก่อนจะพูดว่า ให้เหรอ? อย่าพูดแบบนั้นดีกว่า ผมถูกขโมยไปนะ พูดจบก็ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
ถ่างหยู่เหยี่ยเม้มริมฝีปากก่อนจะพูดว่า เฉินตูเทียนหยินสอนนิสัยที่ไม่ดีให้กับคุณสินะ เธอเป็นคนเสนอเรื่องนี้ให้กับคุณใช่มั้ย?
ถ่างหยู่เหยี่ยที่ดูจะไม่ชอบเฉินตูเทียนหยินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอจึงเชื่อมโยงสิ่งที่ไม่ดีทั้งหมดให้เป็นของเฉินตูเทียนหยิน อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยไม่ได้คิดอะไรมากกับคำพูดของเธอ
แต่จะว่าไปชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไรถ้าเขาเลือกถ่างหยู่เหยี่ย?
เซี่ยเหล่ยอดที่จะคิดเกี่ยวกับคำถามนี้ไม่ได้เลย เนื่องจากเวลาที่เขาเจอเธอทุกครั้ง ในใจของเขาก็จะคิดถึงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันในประเทศอัฟกานิสถานหรือแม้แต่ที่กรุงมอสโกก็ตาม
แต่มันก็ไม่แปลกที่จะเป็นแบบนั้น เพราะการที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมันใม่ใช่การอยู่ด้วยกันแบบคนปกติแต่พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วต้องผ่านเรื่องราวที่เสี่ยงอันตรายซึ่งเป็นและตายเท่ากัน ดังนั้นมันจึงเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน
แม้ว่าจะมีผู้ชายบางคนลืมเรื่องราวเหล่านั้นได้ แต่ก็ไม่ใช่กับผู้ชายอย่างเซี่ยเหล่ย
เฮ้ หยุดพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว หลงบิงพูดขึ้นก่อนจะส่งซองเอกสารที่อยู่ในมือให้กับเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดต่อว่า ทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมแล้ว ลองเปิดดู นี่คือสิ่งที่คุณต้องการสำหรับการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น
เซี่ยเหล่ยเปิดซองเอกสารก่อนจะหยิบใบรับประกันสุขภาพ ใบขับขี่ พวงกุญแจและบัตรเครดิตอีกสองใบซึ่งหนึ่งใบเป็นของธนาคารกลางของประเทศญี่ปุ่น ส่วนอีกใบหนึ่งเป็นของโตเกียวมิตซูบิชิยูเอฟเจเจ
ชื่อในเอกสารเหล่านี้ล้วนระบุชื่อผู้เป็นเจ้าของคือ ‘คาโตะ ทาคาซึเกะ’ นอกจากนี้ใบหน้าที่แสดงในเอกสารก็ไม่ใช่ใบหน้าของเซี่ยเหล่ย แต่เป็นใบหน้าที่เขาปลอมแปลงขึ้นมา
เซี่ยเหล่ยดูเอกสารอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า โอเค ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ ผมจะใช้เวลาที่เหลือนี้สำหรับเตรียมการเดินทาง
ฉือโบเหยิยนหัวเราะก่อนจะพูดว่า ผมไม่จำเป็นจะต้องกังวลอะไรเลยเมื่อปล่อยให้คุณทำงาน ผมจะรอเลี้ยงฉลองความสำเร็จเมื่อคุณกลับมาก็แล้วกัน
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างร่าเริงก่อนจะพูดว่า ว่าแต่ผู้บริหารฉือ คุณแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าญี่ปุ่นตอนนี้ปลอดภัย เพราะการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้จะอันตรายมากกว่าครั้งที่ไปเมืองเยรูซาเล็มอีกนะ
แน่นอน นอกจากนี้ผมไม่กังวลอะไรเลยด้วยเพราะผมเชื่อในตัวคุณ ฉือโบเหยิยนพูดพร้อมใช้มือตบไหล่ของเซี่ยเหล่ยเบาๆ ก่อนจะพูดต่ออีกว่า ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ที่จะออกเดินทาง ดังนั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่คุณตัดสินใจว่าจะให้ใครเป็นผู้ช่วยของคุณในครั้งนี้ ถ่างหยู่เหยี่ยหรือหลงบิง?
หลังจากที่ฉือโบเหยิยนพูดจบ ถ่างหยู่เหยี่ยและหลงบิงก็หันไปมองเซี่ยเหล่ยด้วยสายตาแห่งความคาดหวังทันที
เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า ผมต้องตัดสินใจตอนนี้เลยอย่างนั้นเหรอ?
ใช่ เพราะจะได้ให้คนๆนั้นเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ฉือโบเหยิยนตอบ
ถ้าอย่างนั้นผมจะ… เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมมองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยก่อนจะมองไปที่หลงบิงก่อนที่จะพูดขึ้นว่า ผมจะเลือกหลงบิง
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหลงบิงทันที
นี่ คุณจงใจไม่เลือกฉันใช่มั้ย? ถ่างหยู่เหยี่ยถามอย่างหงุดหงิด
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตอบเธอไป เขาหลบตาเธอ
อันที่จริงเหตุผลก็ง่ายๆเลยที่เซี่ยเหล่ยจะไม่เลือกถ่างหยู่เหยี่ยเพราะในตอนนี้เธอยังคงต้องการให้เขาเป็นผู้ชายของเธอ ดังนั้นการที่จะต้องไปอยู่ด้วยกันแบบนั้นเขาไม่รู้เลยว่าถ่างหยู่เหยี่ยจะนึกทำอะไรบ้างเพราะถ้าเกิดมีเรื่องอะไรที่ผิดพลาด คนแรกที่จะรู้คือเฉินตูเทียนหยิน เขาไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจึงเลือกหลงบิงเพราะมันจะไม่มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน
หลงบิงที่เงียบอยู่ครู่หนึ่งก็ได้พูดขึ้นมาว่า คุณหมายความว่ายังไงถ่างหยู่เหยี่ย เธอหมายความว่าเซี่ยเหล่ยต้องเลือกเธออย่างนั้นเหรอ?
เงียบไป ฉันกำลังพูดกับเซี่ยเหล่ยหรือเธออยากจะมีเรื่องกับฉันงั้นเหรอ? ถ่างหยู่เหยี่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์
ฉือโบเหยิยนกระแอมก่อนจะพูดว่า พวกคุณเข้าใจอะไรผิดกันไปหรือเปล่า สิ่งที่เรากำลังจะทำมันคือการทำภารกิจไม่ใช่การไปฮันนีมูน พวกคุณจะสู้กันไปทำไม ผมหล่ะเบื่อกับพวกคุณจริงๆ ออกไปให้หมด ผมไม่ต้องการเห็นพวกคุณแล้ว
ทุกคนออกจากห้องทำงานของฉือโบเหยิยนทันทีเมื่อออกมาแล้ว ถ่างหยู่เหยี่ยก็คว้ามือของเซี่ยเหล่ยทันทีพร้อมกับพูดว่า โอเค ไม่เลือกฉันก็ไม่เป็นไร แต่คุณต้องมอบปืนไรเฟิลจู่โจม Gust ให้ฉันหนึ่งกระบอก ไม่สิ สองกระบอกเลย
เซี่ยเหล่ยถึงกับพูดไม่ออกทันทีที่ได้ยิน
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเซี่ยเหล่ยก็เดินทางกลับไปที่บ้านของเฉินตูเทียนหยิน
ในเวลานี้เฉินตูเทียนหยินเข้านอนแล้ว เซี่ยเหล่ยจึงแอบเข้าห้องไปเงียบๆ ก่อนจะวางถุงผ้าบางอย่างไว้บนโต๊ะข้างเตียง แต่จังหวะเดียวกันนั้นเฉินตูเทียนหยินก็รู้สึกตัวขึ้นมา ก่อนจะเปิดโคมไฟพร้อมกับพูดขึ้นว่า เจ้านายของคุณต้องคุยกับคุณถึงตอนนี้เลยอย่างนั้นเหรอ? ไว้ไปคุยกันพรุ่งนี้ก็ไม่ได้งั้นเหรอ?
สำนักงานลับ 101 ไม่ใช่สำนักงานปกติทั่วไป ดังนั้นมันจึงไม่มีชั่วโมงการทำงานที่ตายตัว เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมเลื่อนตัวเองเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่ม
มันทั้งอบอุ่นและได้กลิ่นหอมจากกายของเฉินตูเทียนหยิน
ขณะเดียวกันนี้เซี่ยเหล่ยก็นำถุงผ้าที่วางไว้บนโต๊ะมาวางไว้บนผ้าห่มตรงด้านหน้าของเฉินตูเทียนหยินแทน
เฉินตูเทียนหยินยื่นมือออกไปจับก่อนถามว่า อะไรแข็งๆหน่ะ มันคืออะไรงั้นเหรอ?
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะพูดว่า คุณลองเดาดูสิว่ามันคืออะไร?
เฉินตูเทียนหยินลุกขึ้นมานั่งก่อนจะพูดว่า นี่คุณอย่าบอกนะว่า…
เซี่ยเหล่ยแกะถุงผ้าออกก่อนจะเทสิ่งที่อยู่ภายในออกมา
มันเป็นสร้อยคอพลอย อัญมณีทองคำและหยกต่างๆมากมายทยอยออกมาจากถุงผ้าเมื่อกระทบกับแสงจากโคมไฟ มันส่องแสงระยิบระยับทำให้มันดูสวยงามอย่างมาก
ว้าว… เฉินตูเทียนหยินอุทานออกมาทันที แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงทีร่ำรวยที่สุดในประเทศจีนแล้วก็ตามแต่เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอ พวกมันก็ยังสามารถทำให้เธอตกตะลึงได้ สายตาของเธอดูเป็นประกายทันทีที่มองไปที่สร้อยคอล้ำค่าเหล่านั้น
ตอนนี้พวกมันทั้งหมดเป็นของคุณแล้ว เซี่ยเหล่ยพูด
เฉินตูเทียนหยินอดที่จะหัวเราะไม่ได้ก่อนจะพูดติดตลกขึ้นว่า ฉันคงไม่จำเป็นต้องซื้อสร้อยคอไปตลอดชีวิตเลยหล่ะมั้ง…ฮ่าฮ่าฮ่า โอ๊ะ…สร้อยเส้นนี้ฉันว่ามันเหมาะกับเสวี่ยมากๆเลย ใช่แล้ว…ฉันจะเก็บมันเอาไว้เพื่อมอบมันให้กับลูกสาวของเราและจะมอบมันให้กับลูกชายของเราเมื่อเขาต้องไปสู่ขอผู้หญิงที่เขารักแต่งงาน…
เซี่ยเหล่ยมองไปที่เฉินตูเทียนหยินเงียบๆในขณะที่เธอพูด เขารู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขอย่างมากที่เห็นท่าทีของเธอเป็นแบบนี้