หนึ่งเดือนที่แล้ว ณ สนามบินนานาชาติอาบูดาบี
ชายหนุ่มชาวเอเชียคนหนึ่งเดินออกจากห้องโถงขาออกของสนามบิน ชายหนุ่มคนนี้แต่งตัวอยู่ในชุดสูทสีดำและสวมแว่นกันแดดสีดำ เขาสูงหล่อและเท่ห์มาก
ชายหนุ่มชาวเอเชียคนหนึ่งเดินออกจากสนามบินและขึ้นรถแท็กซี่ยี่ห้อ Lamborghini เขาบอกคนขับเป็นภาษาอาหรับว่าเขาจะไปที่โรงแรมอาบูดาบีพาเลซ
ใช้เวลาผ่านไปหลายนาที รถแท็กซี่ก็ขับมาจอดอยู่หน้าโรงแรมอาบูดาบีพาเลซ ขณะเดียวกันนั้นชายหนุ่มคนเดิมก็ก้าวลงมาจากรถก่อนจะเดินเข้าโรงแรม แต่จังหวะเดียวกับที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมหยุดเขาเอาไว้ก่อนตรงประตูทางเข้าของโรงแรม ชายหนุ่มคนนั้นพูดภาษาอาหรับกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่กี่คำ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็โทรศัพท์เข้าที่ล็อบบี้เพื่อยืนยันอะไรบางอย่าง ไม่กี่วินาทีต่อมาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นก็ปลอ่ยให้ชายหนุ่มชาวเอเชียคนนั้นเดินผ่านเข้าประตูโรงแรมไป
โรงแรมอาบูดาบีพาเลซไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับโรงแรมดูไบก็จริงแต่โรงแรมแห่งนี้ก็ถือว่าเป็นโรงแรมระดับแปดดาวซึ่งอยู่เหนือกว่าโรงแรมทั่วไป ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าใครจะสามารถเดินเข้าออกที่นี่ได้ตามใจชอบ เพราะพวกเขาต้อนรับแต่แขกวีไอพีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ชายหนุ่มชาวเอเชียคนนี้สามารถผ่านประตูเข้าไปได้นั่นก็เพราะเขาได้นัดกับเจ้าชายคาลิฟาเอาไว้ที่นี่
ขณะที่ชายหนุ่มชาวเอเชียเดินเข้าไปที่ล็อบบี้ของโรงแรมก็มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวผ้าคลุมศีรษะสีขาวรอเขาอยู่ที่ล็อบบี้ ดูจากการแต่งตัวก็รู้ว่าคนๆนี้เป็นชาวอาหรับ ชายคนนั้นก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางที่เป็นมิตรก่อนจะพูดว่า คุณมาจากประเทศจีนใช่มั้ย?
ชายหนุ่มชาวเอเชียพยักหน้า
หืม? ชายชาวอาหรับมองดูใบหน้าของชายชาวเอเชียอย่างละเอียดก่อนจะอุทานออกมาพร้อมพูดอย่างสงสัยว่า คุณไม่ใช่เซี่ยเหล่ย พนักงานของเราได้ไปที่โรงงานผลิตอาวุธของเขาและถ่ายรูปของเขากลับมาแล้ว แต่คุณไม่ใช่เขานี่ คุณคือใคร?
ชายหนุ่มชาวเอเชียเงยหน้าขึ้นมองกล้องวงจรปิดก่อนจะหันกลับมาพร้อมพูดเป็นภาษาอาหรับว่า นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เราควรจะคุยกัน เราสามารถย้ายไปที่อื่นในที่ที่เป็นส่วนตัวมากกว่านี้ได้ไหม?
ชายชาวตะวันออกกลางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้าพร้อมพูดขึ้นว่า โอเค ตามผมมา
ชายหนุ่มชาวเอเชียเดินตามชายชาวอาหรับผ่านล็อบบี้และเข้าไปหลบมุมอยู่มุมหนึ่งก่อนเอื้อมมือไปที่ใต้คางพร้อมดึงผิวหนังที่เป็นหน้ากากออกก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
ชายชาวเอเชียคนนี้คือเซี่ยเหล่ย
นี่…คุณเซี่ย คุณ… ชายชาวอาหรับอ้าปากค้างที่เห็นชายชาวเอเชียคนเมื่อกี้นี้กลายเป็นเซี่ยเหล่ยไปต่อหน้าต่อตา
ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะปกปิดตัวตนของผมแต่ชีวิตของผมมีคนคอยจ้องแต่จะติดตามตลอดเวลาดังนั้นผมจึงต้องระมัดระวังตัวเวลาออกมาในที่สาธารณะ ว่าแต่เมื่อไหร่ผมจะได้พบกับ เจ้าชายคาลิฟา? เซี่ยเหล่ยพูด
ขออภัย ผมขอยืนยันอีกครั้งว่าคุณเป็นตัวจริงและไม่มีหน้ากากซ่อนอยู่อีกชั้น ชายชาวอาหรับพูด
เซี่ยเหล่ยยักไหล่และพยักหน้า
ชายชาวอาหรับแตะไปที่แก้มพร้อมกับจับไปจับมาบริเวณหน้าอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากยืนยันได้แล้วว่าใบหน้านี้คือใบหน้าที่แท้จริงและเป็นของเซี่ยเหล่ยเขาก็พูดขึ้นว่า มากับผม เจ้าชายของเรากำลังรอพบคุณอยู่ อ้อใช่…ผมชื่อว่า อลี คาน เป็นผู้จัดการของดีเสริชส์กาเดี้ยน ผมดีใจอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับคุณ
เซี่ยเหล่ยจับมือทักทายกับเขาอย่างเป็นทางการ ก่อนจะเดินตามหลังเขาขึ้นไปชั้นสอง พวกเขาเดินไปซักพักก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่งที่มีบอดี้การ์ดยืนคุมอยู่ เซี่ยเหล่ยโดนตรวจร่างกายทันทีที่มาถึง ไม่จำเป็นต้องบอกว่าห้องนี้เป็นห้องของใคร ห้องนี้คือห้องของเจ้าชายคาลิฟา เมื่อพบว่าไม่มีอาวุธซ่อนอยู่ เซี่ยเหล่ยก็ได้รับอนุญาติให้เข้าไปในห้องได้
เซี่ยเหล่ยเดินผ่านประตูเข้าไปก็มองเห็นสาวสุดเซ็กซี่ในชุดบิกินี่ และชายหนุ่มชาวตะวันออกกลางที่หล่อเหลานั่งอยู่บนโซฟา ด้านหน้าของเขาก็มีสิงโตตัวหนึ่งนอนอยู่แทบเท้า
ผู้คนที่มีฐานะหรือชนชั้นมักจะมีสัตว์ป่าเช่นสิงโตหรือเสือเป็นสัตว์เลี้ยง เจ้าชายคาลิฟา คนนี้เป็นหนึ่งในนั้น
สิงโตที่นอนอยู่แทบเท้าของเจ้าชายคาลิฟาลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าเซี่ยเหล่ยก้าวเข้ามาในห้อง มันค่อยๆลุกขึ้นและจ้องหน้าเซี่ยเหล่ยก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ
เจ้าชายคาลิฟาจ้องไปที่เซี่ยเหล่ยตลอดเวลาเพื่อดูปฏิกิริยาตอบสนองจากตัวเขา
อย่างไรก็ตามใบหน้าของเซี่ยเหล่ยไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย สิงโตค่อยๆเดินเข้าไปเรื่อยๆจนใกล้กับเซี่ยเหล่ยมากแล้วแต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่มีท่าทีตื่นกลัวว่าจะโดนขย้ำแม้แต่น้อย นอกจากนี้เขายังเอื้อมมือออกไปข้างหน้าเพื่อลูบหัวมันพร้อมกับพูดขึ้นว่า ฉันไม่มีเนื้อให้แก้หรอกนะ เจ้าตัวเล็ก
สิงโตผู้ยิ่งใหญ่ มันได้รับการขนานนามและเป็นที่ยอมรับว่าเป็นเจ้าป่าแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทำร้ายเซี่ยเหล่ยแต่อย่างใด นอกจากนี้มันยังสนุกกับการที่โดนเซี่ยเหล่ยลูบหัวอีกต่างหาก
เจ้าชายคาลิฟามองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความประหลาดใจ เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าเขาจะเห็นภาพแบบนี้ สิงโตของเขานั้นถูกฝึกให้เชื่อง มันจะไม่โจมตีถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากเจ้าชายคาลิฟาซึ่งเรื่องนี้เซี่ยเหล่ยไม่รู้อย่างแน่นอนแต่แม้ว่าเขาจะไม่รู้เขาก็ไม่มีท่าทีตื่นกลัวและกลับเข้าไปเล่นกับมันอย่างกล้าหาญ ด้วยสิ่งนี้ทำให้เจ้าชายคาลิฟา รู้สึกประทับกับใจในตัวเซี่ยเหล่ยมาก!
อย่างไรก็มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าชายคาลิฟายังไม่รู้ นั้นก็คือแม้ว่าเขาจะสั่งให้มันโจมตีเซี่ยเหล่ย มันก็จะไม่ทำตามคำสั่งแน่นอนนั่นก็เพราะว่าผู้อ่อนแอที่ฉลาดจะไม่ต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่ง สิงโตตัวนี้รับรู้ได้ถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี
เรื่องนี้ก็ทำให้อลี คานตกตะลึงเช่นกัน
อย่างไรก็ตามอลี คาน ดึงสติกลับมาก่อนจะพูดขึ้นว่า ชายผู้นี้คือคุณเซี่ยเหล่ยแห่งโรงงานผลิตอาวุธของประเทศจีน
เจ้าชายคาลิฟาลุกขึ้นยืนจากโซฟาก่อนจะเดินไปหาเซี่ยเหล่ยพร้อมยื่นมือออกไปจับกับเขาและพูดออกไปว่า ผมดีใจที่ได้พบคุณ คุณเซี่ยและความกล้าหาญเมื่อครู่นี้ของคุณน่าประทับใจเหลือเกิน
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปทันทีว่า เจ้าชาย ถือเป็นเกียรติของผมจริงๆที่ได้พบคุณ
คุณเป็นคนที่นอบน้อมจริงๆ มา…เราไปนั่งกันก่อนดีกว่า เจ้าชายคาลิฟาเชิญเซี่ยเหล่ยให้นั่งลง
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในชุดบิกินี่เดินเข้ามาพร้อมกับยื่นถ้วยกาแฟให้กับเซี่ยเหล่ย ขณะที่กำลังเสิร์ฟนั้น สายตาของเธอก็มองไปที่เซี่ยเหล่ยตลอดเวลา ดูเหมือนเธอจะสนใจเขาไม่ใช่น้อย
ผมต้องการความร่วมมือจากคุณ เซี่ยเหล่ยพูด
ความร่วมมืองั้นเหรอ? เจ้าชายคาลิฟาหัวเราะก่อนจะพูดต่อว่า ผมคือเจ้าของดีเสริชส์กาเดี้ยน ผมต้องการเพียงแค่ซื้ออาวุธจากคุณแต่เนื่องจากผมไม่สามารถซื้อได้ตามจำนวนที่ต้องการ ดังนั้นจึงเกิดการพบกันครั้งนี้ขึ้นเพราะผมต้องการจะเจรจากับคุณแต่ถึงอย่างนั้นคุณกลับต้องการความร่วมมือจากผมคุณคิดว่าการเจอกันครั้งนี้เป็นเรื่องตลกอย่างนั้นใช่มั้ย?
ปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 นั้นมีไว้เพื่อกองทัพของประเทศจีนเป็นหลัก ผู้ซื้อที่เป็นชาวต่างชาติจะได้รับอนุญาตเพียงบางส่วนเท่านั้นแต่ที่ผมมาในวันนี้ก็ไม่ใช่ความต้องการของคุณเพียงฝ่ายเดียว แต่ผมเองก็ต้องการพบเพื่อต้องการความร่วมมือจากคุณแลกกับข้อเสนอในจำนวนการสั่งซื้อปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 เพิ่มอีก 200 กระบอกให้โดยไม่มีข้อแม้ นอกจากนี้คุณยังสามารถสั่งซื้อปืนไรเฟิลจู่โจม Gust จากเราได้อีกด้วย
ปืนไรเฟิลจู่โจม Gust งั้นเหรอ? เจ้าชายคาลิฟาส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า ไม่ เรามีปืนไรเฟิลจู่โจมที่ทันสมัยที่สุดจากทวีปยุโรปและอเมริกาอยู่แล้ว
ปืนไรเฟิลจู่โจมที่ทันสมัยที่สุดจากทวีปยุโรปและอเมริกางั้นเหรอ? นั่นแสดงว่าคุณยังไม่เคยเห็นประสิทธิภาพปืนไรเฟิลจู่โจม Gust ของผมยังงั้นสินะ เซี่ยเหล่ยพูดจบก็หยิบแท็บเล็ต Apple ออกจากกระเป๋าก่อนจะเปิดวีดีโอแล้วก็ส่งมันให้กับเจ้าชายคาลิฟาดู
วีดีโอในแท็บเล็ตที่เซี่ยเหล่ยส่งให้นั้นคือวิดีโอแนะนำปืนไรเฟิลจู่โจม Gust
วิดีโอไม่เพียงแต่แสดงตัวอย่างของปืนไรเฟิลจู่โจม Gust แต่มันยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับปืนรวมถึงการทดสอบอีกด้วย
แม้ว่าวิดีโอจะยาวเพียงไม่กี่นาทีแต่เจ้าชายคาลิฟาดูเพียงหนึ่งนาทีก็มีท่าทางตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
นี่เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ…คุณเซี่ย เจ้าชายคาลิฟาพูดด้วยความประหลาดใจก่อนจะพูดต่อว่า ระยะการยิงหวังผลไกลถึง 1,000 เมตรและนอกจากนี้มันยังไม่มีแรงถีบกลับอีกด้วย
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า คุณเองก็เห็นถึงประสิทธิภาพของปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 ไปแล้ว นอกจากนี้คุณเองก็ยังต้องการสั่งซื้อจากเราจำนวนมากอีกด้วย ดังนั้นผมจึงคิดว่าคุณมีความไว้วางใจในความสามารถของโรงงานผลิตอาวุธของผม ผมเดิมพันด้วยชีวิตของผมเลยว่าสิ่งที่คุณได้เห็นไปจากวีดีโอเมื่อสักครู่นี้คือความจริงทั้งหมดแต่อย่างไรก็ตาม…มันน่าเสียดายที่ผมไม่สามารถนำมันมาที่นี่ด้วยได้ ผมจึงไม่มีโอกาสแสดงประสิทธิภาพของมันให้เจ้าชายได้เห็นกับตา
เจ้าชายคาลิฟาอดไม่ได้ที่จะหันไปสบตากับอาลีข่าน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงความตื่นเต้นซึ่งกันและกันจากสิ่งที่ได้ยินเลย
คุณเซี่ย ถ้าปืนไรเฟิลจู่โจม Gust ของคุณสุดยอดและดีที่สุดในโลกจริง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณจะมียอดขายที่มากมายขนาดไหน คุณไม่จำเป็นจะต้องกังวลกับเรื่องนี้จนถึงกับต้องมาพบผมและยังต้องการความร่วมมือจากผมอีกเลยก็ได้นี่ ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณทำเลย บอกเหตุผลกับผมหน่อยได้มั้ย? เจ้าชายคาลิฟามองตรงไปที่เซี่ยเหล่ยราวกับว่าต้องการคำตอบจากเขาจริงๆ
เซี่ยเหล่ยเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า เจ้าชายคาลิฟา ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณผมมองว่าในอนาคตเราน่าจะมีประโยชน์ซึ่งกันและกัน ดังนั้นผมในตอนนี้จึงต้องการความร่วมมือจากคุณ
คุณต้องการอะไร? เจ้าชายคาลิฟาถาม
ผมต้องการยืมชื่อบริษัท ดีเสริชส์กาเดี้ยน ของคุณเพื่อทำการสั่งซื้ออาวุธปืนจากบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่นเป็นจำนวนเงิน 200,000,000 เหรียญสหรัฐ
ว่าไงนะ? เจ้าชายคาลิฟา พูดด้วยความประหลาดใจก่อนจะพูดต่อว่า คุณจะทำแบบนั้นไปทำไม? ผมต้องการซื้อปืนจากคุณแต่คุณกลับบอกให้ผมไปสั่งซื้อปืนจากบริษัทอื่น นอกจากนี้ยังเป็นจำนวนเงินมากถึง 200,000,000 ดอลล่าสหรัฐอีกด้วย คุณเซี่ย…ผมเคารพในความสามารถของคุณนะ แต่อย่ามาล้อเล่นกับผมแบบนี้
ผมจะทำการสั่งซื้อภายใต้ชื่อของคาโตะ ทาคาซึเกะ ซึ่งเป็นพนักงานระดับสูงจาก บริษัทดีเสริชส์กาเดี้ยนของคุณ ผมขอให้คุณสร้างไฟล์และให้เอกสารที่สามารถตรวจสอบประวัติได้ว่าบริษัทของคุณมีพนักงานระดับสูงที่ชื่อคาโตะ ทาคาซึเกะเป็นพนักงานของคุณจริง ส่วนคุณเองก็ไม่ต้องทำอะไรมากเพียงแค่ไปแสดงตัวนิดหน่อยที่ประเทศจีนก็เท่านั้น นี่คือสิ่งที่ผมต้องการ
เจ้าชายคาลิฟาไม่เข้าใจในสิ่งที่เซี่ยเหล่ยต้องการ นอกจากนี้เขาเริ่มที่จะโกรธแล้วด้วย
อลี คานเองก็ไม่พอใจเช่นกัน เขาจึงพูดขึ้นว่า คุณเซี่ย ท่านที่อยู่ตรงหน้าคุณตอนนี้เป็นถึงเจ้าชาย แค่เจ้าชายยอมมาพบคุณนั้นก็นับว่าเป็นเกียรติของคุณมากแล้ว ทำไมคุณถึงยังมาล้อเล่นแบบนี้อีก คุณกำลังดูหมื่นเจ้าชายอยูอย่างนั้นเหรอ? ถ้าคุณยังจะพูดอะไรไร้สาระแบบนี้อยู่อีกผมจะเชิญคุณออกไปเดี๋ยวนี้เลย
เซี่ยเหล่ยไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน เขาตอบกลับไปอย่างเรียบง่ายว่า ผมเองก็มีความความเคารพต่อเจ้าชาย สิ่งที่ผมพูดไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ผมพูดจริง นอกจากนี้ผมเองก็อยากที่จะเป็นเพื่อนกับพวกคุณด้วย
แล้วเพื่อนอย่างคุณจะมีประโยชน์อะไรต่อเราบ้าง? เจ้าชายคาลิฟา พูดขึ้นอย่างอย่างเยือกเย็น
ประโยชน์ของการมีเพื่อนอย่างผม คือผมสามารถช่วยให้กองกำลังของคุณแข็งแกร่งขึ้นและไม่มีใครในตะวันออกกลางสามารถเอาชนะกองกำลังของคุณได้ เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเคร่งขรึม
งั้นก็บอกเหตุผลที่แท้จริงกับผมมา? เจ้าชายคาลิฟาถาม
เอาล่ะ ผมจะพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยก็แล้วกัน ผมต้องการจะบดขยี้คู่แข่งของผมซึ่งก็คือบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่น เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมมองไปที่เจ้าชายคาลิฟา
เจ้าชายคาลิฟาและอลี คานหันหน้ามาสบตากันก่อนที่ เจ้าชายคาลิฟาจะหัวเราะและพูดขึ้นว่า นั่นคือเหตุผลที่แท้จริงอย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหาหรอกเพื่อน ผมจะตอบสนองความต้องการของคุณให้เอง
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะตอบว่า ขอบคุณ เพื่อนของผม
ทั้งสามคนเริ่มพูดรายละเอียดกันทันที …
หนึ่งเดือนต่อมาก็คือเวลาในตอนนี้
เจ้าชายคาลิฟาแสดงท่าทางโมโหก่อนจะพูดอย่างไม่พอใจว่า ปืนไรเฟิลจู่โจมของคุณมีปัญหาด้านเสถียรภาพอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์อีกด้วย คุณยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้แล้วยังมีหน้ามาหลอกขายอาวุธที่ไร้ประโยชน์และให้ผมชำระเงินอีกอย่างนั้นเหรอ? คุณคิดว่าผมโง่ใช่มั้ย? ผมจะไปที่สถานทูตและเอกอัครราชทูตของเราเพื่อดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เราจะได้เจอกันในศาลระหว่างประเทศ!
หลังจากนั้นอลี คานก็ตีความในสิ่งที่เจ้าชายคาลิฟาพูดออกมาให้ทุกคนในห้องได้ฟัง
ใบหน้าของมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนซีดลงอย่างเห็นได้ชัดทันที…