“น่าสงสารจริง!”
เย่เทียนรู้สึกผิดเล็กน้อย, ถ้ามาโคเนียไม่ได้พูดแบบนั้นออกมาล่ะก็ เขาคงไม่ได้มาลงโทษปอมปีย์อย่างงี้แน่.
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
มาโคเนียเฆี่ยนปอมปีย์อย่างแรงไปอีก3ครั้งที่เหลือ แล้วโยนแส้ทิ้งไป. เขารู้สึกโล่งใจมาก.
“ขอบพระคุณครับนายน้อยแห่งสุละที่รักษาความยุติธรรมให้ข้าและปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ของข้า. เพื่อที่จะแสดงความขอบคุณ, ข้าจะป่าวประกาศความยุติธรรมของท่านเพื่อท่านลอร์ด!”
เย่เทียนพูดกับมาโคเนียด้วยรอยยิ้ม.
“ข้ารักษาความยุติธรรมให้เจ้ารึ?”
มาโคเนียรู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก.
“ใช่ครับ, นายน้อยผู้ยิ่งใหญ่แห่งสุละ, ท่านคือผู้ที่พิพากษานายน้อยปอมปีย์และจัดการโทษสุดท้ายให้เขา. โปรดอย่าสงสัยความยิ่งใหญ่ของท่านเลย!”
เย่เทียนพูดด้วยรอยยิ้ม.
“ไอ้ชาติชั่ว, เจ้าล้อข้าเล่นงั้นหรอ?”
มาร์โคเนียโกรธเพราะที่เย่เทียนพูด, เขาเป็นคนที่คอยชักใยทุกอย่างในสถานการณ์ตอนนี้, เพราะเขารู้กฏหมายแล้วก็พยายามแสร้งทำตาม.
หลังจากโล่งใจจากความกังวลของตัวเอง, สมองของเขาก็เริ่มเย็นลง. และตอนนั้นเขาก็ได้รู้ว่าตัวเองได้ติดกับที่เย่เทียนวางเอาไว้และค่อยๆกลายเป็นตุ๊กตาให้เขาไปแล้ว. จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าเย่เทียนนั้นเป็นคนที่น่ากลัวมาก.
มันไม่ใช่เพราะเขาโง่แต่เพราะเขาแค่หัวอ่อนและหลงเชื่อคำพูดของเย่เทียนไปและสภาพจิตใจของเขาก็ค่อนข้างแย่.
“ไม่ครับ, ข้าไม่ได้แสดงหนทางแห่งความยุติธรรมให้ท่านเห็นกระจ่างรึ?”
เย่เทียนส่ายหัวแล้วพูดกับมาโคเนียจริงจังมาก.
“ซาตาน, มาโคเนีย, ข้าจะจดจำครั้งนี้ไว้! ข้าจะลากพวกเจ้าขึ้นศาลให้ได้! ต่อให้ข้าต้องละเมิดกฏหมายก็ตาม, ข้านี่แหละบุตรแห่งปอมปีย์, ข้าเองก็จะต้องได้รับความเป็นธรรม, เจ้าไม่มีสิทธิ์มาตัดสินข้า!”
ปอมปีย์รู้สึกอับอายและพูดอย่างเย็นชามากๆกับเย่เทียนและมาโคเนีย “อีกอย่างนึง, ข้าแค่โยนเหรียญทองของเจ้าเท่านั้น มันไม่ได้ละเมิด “กฏ12โต๊ะ”เลย, รอก่อนเถอะ, เจ้าจะต้องถูกลงทัณฑ์!”
หลังจากถูกเฆี่ยนเสร็จ ปอมปีย์ก็ดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและหนักแน่นด้วย.
“ฮะฮะ….เจ้าใจเย็นลงได้ซักทีสินะ! แต่ขอข้าบอกเจ้าอะไรอย่าง, เรื่องที่เจ้าละเมิดน่ะ, นายน้อยแห่งสุละจะเฆี่ยนเจ้ามากกว่านี้ก็ได้แต่เขาไม่ทำ. อย่างที่สอง, ข้าบอกได้เลยว่าที่เจ้าโยนเหรียญทองของข้าและเหยียบย่ำมัน คือความจริง. ส่วนเรื่องที่ว่าดูหมิ่นหรือเหยียดหยามนั้นมันไม่ตายตัว, ฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับข้า! แต่ข้าบอกได้เลยว่ารูปในเหรียญทองนั้นคือหนึ่งในพระเป็นเจ้า, เจ้ากล้าหมิ่นพระเป็นเจ้างั้นรึ? ข้าไม่รังเกียจที่จะเรียกนักบวชจากวิหารพระเจ้ามาเอาเรื่องเจ้าเลยนะ. สุดท้าย,ถ้าข้าได้ไปขึ้นศาล ข้าจะบอกให้ท่านผู้พิพากษาเผาเจ้าตอนเสียบซะ! ฉะนั้นจงคิดดีๆ!”
เย่เทียนไม่เกรงกลัวปอมปีย์เลยแล้วก็อธิบายให้ปอมปีย์ฟังพร้อมรอยยิ้ม.
ถ้าเขาไม่มั่นใจพอที่จะใช้ “กฏ12โต๊ะ” ล่ะก็ เย่เทียนคงไม่กล้าจับปอมปีย์มัดหรอก.
ปอมปีย์จะถูกฆ่าไม่ได้. เย่เทียนเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมัดเขาไว้แล้วจัดการเขา. ถ้าหากเขาไม่ทำให้หมอนั่นกลัว, เขากับมาโคเนียก็จะจ้องหาโอกาสปั่นป่วนเย่เทียนแน่. แล้วเย่เทียนจะตั้งหน้าตั้งตาหาเงินอย่างสงบสุขได้อย่างไร?
“มาโคเนียท่านลอร์ด, ข้าพูดถูกมั้ย?”
เย่เทียนถามมาร์โคเนีย เพราะตอนนี้เขาก็เป็นเหมือนผู้ชักใยและมาร์โคเนียก็คือตุ๊กตาของเขาไปแล้ว.
“ปอมปีย์, เจ้าหลอกใช้ข้าก่อนนะ, อย่ามาว่าแบบนี้สิ! เราหายกันแล้ว, ถ้าหากเจ้าไม่ทำเรื่องให้มันใหญ่โตไปกว่านี้ เราก็ยังจะเป็นสหายกันได้, ถ้าเราได้ไปขึ้นศาลจริงๆ เจ้าจะถูกประหารแน่, เจ้าลืมแล้วหรอว่าผู้พิพากษาเป็นใคร?!”
มาโคเนียพูดด้วยเสียงทุ้มเพราะเขาไม่อยากทำให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้อีกแล้วและเขาก็ไม่อยากให้ปอมปีย์เอาเรื่องเขาหรือแม้แต่เย่เทียนด้วย.
เพราะเขารู้ว่าถ้าปอมปีย์เอาเรื่องเย่เทียนจริงๆ, เย่เทียนก็จะลากเขาลงไปด้วยเช่นกัน.
“ไอ้บ้าเอ๊ย! เวร!”
ปอมปีย์ใจร้อนขึ้นมาอีกครั้ง. เพราะผู้พิพากษา ณ ตอนนี้มาจากตระกูลสุละ. ถ้าหากเขาจะเอาเรื่องจริงๆ เขานั่นแหละจะเจ็บแทน.
และเขาเองก็เอาเรื่องเย่เทียนไม่ได้ด้วยเพราะเย่เทียนจะดึงมาโคเนียมาเป็นโล่ป้องกัน.
“ขอบคุณสำหรับเหรียญทองของเจ้านะ. ข้าหวังว่าเจ้าจะได้บทเรียน. อย่ามาก่อกวนข้าเพราะรอบหน้าเจ้าจะไม่โชคดีแบบนี้แน่!”
เย่เทียนหยิบเหรียญทองที่เก็บมา, ขณะยั่วยุปอมปีย์ครั้งสุดท้ายและในเวลาเดียวกันเขาก็มองไปทางมาโคเนียพร้อมสายตาเตือน แล้วก็พานักรบสปาตั้นของเขากลับไปในบ้าน.
เงินดอกเบี้ยจาก1ทาเลนตั้มทองทำให้เย่เทียนยิ่งร่ำรวยขึ้นไปอีกจนเขาสามารถลงทุนเพิ่มและทำโปรเจ็คใหม่ได้.
“ไอ้เวรซาตาน, เจ้าทำกับข้าเช่นนี้. ถ้าไม่เจ้าตายก็ข้าตาย. วันนึงข้าจะเซ่นสังเวยหัวใจ, ตับ, หัว, เลือด, ทุกๆอย่างของเจ้าให้เทพธิดาแห่งการล้างแค้น จะให้เจ้าลงนรกและรับความเจ็บปวดไปชั่วนิรันด์ให้ได้!”
ปอมปีย์ที่เดือดดาลก่นด่าสาปแช่งเย่เทียนขณะเขาเดินจากไป.
“ในฐานะสหายเจ้า, ข้าขอแนะนำว่าอย่าไปยั่วยุเจ้าปีศาจนี่, เขาเป็นคนทุเรศและยังเป็นคนของฝ่ายกาอิอุส มาเรียสอีกด้วย. อย่าให้พวกมันจับเจ้าได้อีก, มันอาจจะนำมาซึ่งหายนะแก่ตระกูลของเจ้าได้นะ. ถ้าเจ้าโรคจิตสองคนนั่นรวมพลังกันล่ะก็ มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่!”
มาโคเนียคิ้วขมวดแล้วพูดเบาๆกับปอมปีย์.
การพบกันครั้งแรกของเขาทำให้เขาได้รู้ถึงความโหดร้ายและสยดสยองที่เย่เทียนนั้นสามารถทำได้.
“ไปไกลๆ*ีนเลย! ข้าไม่มีสหายเยี่ยงเจ้า! นี่ข้าถูกเฆี่ยนไปเพื่ออะไร?” ปอมปีย์ตะคอกใส่มาโคเนีย.
“ไอ้โง่เอ้ย, เจ้ายังกล้ามาตะโกนใส่ข้าอีกนะ. เจ้ามาหลอกใช้ข้าก่อนแล้วยังเกือบทำให้ข้าทำชื่อเสียงปู่ข้าอับอายไม่พอยังเจ้ายังจะเกือบฆ่าข้าอีกเหรอ. เ*ี้ย, ไม่ต้องมามองข้าเลย, ข้าอยากจะส่งเจ้าไปพิพากษานัก…”
มาโคเนียนั้นโกรธยิ่งกว่า, เขากระตุกปอมปีย์อย่างกับกระตุกปลอกคอหมา, เขย่าปลอกคอเขาขณะด่าทอแล้วปล่อยให้ปอมปีย์อยู่กับความเสื่อมเสีย.
“ซาตาน….”
ผ่านไปพักหนึ่งปอมปีย์ก็เงยหัวขึ้นแล้วพูดชื่อของเย่เทียนด้วยเสียงขมขื่นแล้วก็ขึ้นรถม้าไปด้วยความช่วยเหลือจากพวกทหาร.
สำหรับเขาแล้วเจ็บกายนั้นไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจเพราะความอับอายนี่สิคือของจริง. ครั้งนี้เขาเสียหน้าจริงๆ.
“รู้สึกดีไหมล่ะที่ได้เฆี่ยนชนชั้นสูง?”
เมื่อเย่เทียนกลับมาที่ลานหน้าบ้าน เขาหันกลับไปถามนักรบสปาตั้นที่เดินตามเขาอยู่.
“ดีมากๆครับ!”
“มันเยี่ยมมากครับ, รู้สึกดีกว่าได้นอนกับสตรีเสียอีก….”
นักรบสปาตั้นหัวเราะแล้วตอบ.
พวกเขาสามารถอัดชนชั้นสูงโดยไม่มีความผิดได้ นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่กล้าคิดฝันมาก่อนยิ่งพวกเขาได้ลงมือเองด้วยแล้วนั่น. ณ ตอนนั้นพวกเขากำลัง งงๆอยู่ ใจของพวกเขาเต้นรัวและมือที่จับแส้อยู่ก็เหงื่อแตกพลั่ก.
เอาจริงๆพวกเขาไม่กล้าจะทำเลยถ้าหากพวกเขาไม่ศรัทธาและยึดมั่นในตัวเย่เทียนมากพอ.
แต่มันก็ตื่นเต้นมากๆ, เจ๋งมากๆ!
พวกเขาได้ทำสิ่งที่ชนชั้นสูงผู้อื่นไม่กล้าจะทำ.