*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
——————————————————————————————–
ชายวัยกลางคนนั้นค่อนข้างดีใจมากและรีบวิ่งมาที่ด้านนอกประตูพร้อมกับกระดาษ.
“ใช่แล้วครับ, สีแบบนี้วรรคแบบนี้, นี่แหละครับจดหมาย! ท่านลอร์ดครับหลักฐานอยู่นี่แล้วเชิญดูเลยครับ!”
ชายวัยกลางคนวิ่งเข้ามาหาชายแก่อ้วนอย่างดีใจแล้วพูดอธิบายจากนั้นก็ส่งกระดาษไปในมือของเขา.
“ช่างไร้มารยาทจริงๆ ท่านลอร์ดซาตานโปรดถอยไปด้วย!”
ชายแก่อ้วนเองก็ดีใจมากเช่นกัน. หลักฐานมาอยู่ในมือเขาแล้ว ความมั่นใจก็สูงขึ้นเช่นกัน. เขาถึงกับกล้าท้าทายเย่เทียนพร้อมกับคิดหาวิธีทำให้ตระกูลจูเลียสอับอายเพื่อสุละ.
“โทษทีนะให้ข้าดูจดหมายนั่นหน่อยได้มั้ย…”
เย่เทียนถามด้วยสีหน้าเย้ยหยัน.
“ไม่ต้องให้ท่านอ่านหรอกครับ เดี๋ยวข้าอ่านให้เอง!”
ชายแก่อ้วนยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วกระแอมออกมาสองที, กางกระดาษออกแล้วอ่าน “ถึงซาตาน เย่ เทียน, พระอาทิตย์ของข้า….”
“เดี๋ยวนะ, ซาตาน เย่เทียน….”
หน้าของชายแก่อ้วนเหวอขึ้นมาทันที. มันจะเป็นชื่อซาตาน เย่เทียนได้ยังไง? ความรู้สึกว่าเรื่องร้ายๆจะเกิดขึ้นก็ผุดมาในหัวเขา เขาจึงหยุดอ่านเสียงดังแล้วอ่านดูใหม่อีกทีดีๆ.
“เป็นไปไม่ได้, ลายมือมันจะจู่ๆโผล่ออกมาไม่ได้แน่ แถมไม่ใช่จดหมายอันใหม่ด้วย. นี่มันของจาก2ปีก่อนแน่ๆ. มันไม่ได้เพิ่งเขียนวันนี้จริงๆ…..เป็นไปได้ยังไง?”
เหงื่อเริ่มไหลออกมาจากหน้าผากเขา, เขาติดกับเขาแล้วแล้วเขาก็รู้สึกว่าติดร่างแหไปแล้วด้วย.
“ซาตาน? ทำไมเป็นชื่อข้าล่ะ, ท่าน “ชนชั้นสูง”, ท่านลอร์ดช่วยอ่านให้ฟังต่อหน่อยสิครับ, ดูเหมือนมันจะเป็นจดหมายรักให้ข้านะ ทำไมมันถึงไปอยู่ในมือท่านได้?”
เย่เทียนยิ้มอย่างเยือกเย็นขณะค่อยๆเดินไปด้านหน้าเขาแล้วถามอย่างเย็นชา.
“เจ้าแน่ใจนะว่าจดหมายที่เจ้าเห็นก่อนหน้านี้เป็นจดหมายที่ติดต่อกับพวกศัตรูน่ะ?”
ชายแก่อ้วนถามชายวัยกลางคนอย่างเยือกเย็นแล้วส่งจดหมายให้เขาไป.
“ใช่ครับ, อันนี้แหละ….ไม่สิ….เป็นไปไม่ได้, มันเกิดอะไรขึ้นกับชื่อของลอร์ดซาตาน, ไม่สิ…ข้าคงสับสน…..”
ตอนเขาได้จดหมายมา, ชายวัยกลางคนคนนั้นก็มั่นใจมากๆแต่พอเขาได้อ่านเนื้อความจดหมายเขาก็เหงื่อแตกพลั่กออกมาจนถึงกับคิดว่าตัวเองเข้าใจผิดไปอย่างใหญ่หลวงซะแล้ว.
“เพี๊ยะ!”
ชายแก่อ้วนตัวสั่นไปด้วยความโกรธ พอรู้ว่าตัวเองโดนหลอกเขาก็ตบหน้าชายวัยกลางคนนั้นอย่างแรง.
“เพี๊ยะ!”
เช่นเดียวกัน, เย่เทียนเองก็ตบหน้าชายแก่อ้วนนั้นอย่างแรง, เขาปลิวไปไกลและฟันก็หลุดออกมาบางซี่.
“ขออภัยครับท่านลอร์ดซาตานผู้ยิ่งใหญ่, เห็นแก่ที่ข้าถูกหลอกเช่นกันโปรดอภัยความผิดของข้าด้วยครับ!”
ชายแก่อ้วนที่ปลิวไปเพราะเย่เทียนไม่กล้าโกรธขึ้นมาเลย, เขารู้สึกหวาดกลัวหน่อยๆแล้วคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตาจากเย่เทียน.
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะหลักฐานที่มาริน่าเขียนหาศัตรูคือความจริงเขาเลยกล้าท้าทายอำนาจเย่เทียน แต่ตอนนี้หลักฐานที่ว่านั้นไม่มีจริงแล้วเท่ากับเมื่อตะกี้เขาได้หมิ่นอำนาจเย่เทียนชนชั้นสูงตัวจริงเข้าไปจังๆ.
“เจ้ารู้รึป่าวว่าโทษของการดูหมิ่นชนชั้นสูงคืออะไร?”
เย่เทียนถามอย่างเย็นชา.
“ข้าทราบดีว่าใครก็ตามที่ใช้คำดูหมิ่นชนชั้นสูงหรือผู้อื่นหรือร้องเพลงที่มีเนื้อร้องดูหมิ่นผู้อื่นอย่างจงใจจะต้องถูกตัดสินโทษตาย. ท่านลอร์ดครับข้ามิได้จะดูหมิ่นท่านด้วยคำพูดนะครับ ข้าแค่ถูกมันหลอกและเข้าใจคำตัดสินของท่านลอร์ดผิดไปตามกฏหมายของโรมัน….”
ชายแก่อ้วนอธิบายให้เย่เทียนฟังด้วยความกลัว.
“เจ้าจำ “กฏ12โต๊ะ” ได้เป็นอย่างดีหนิ! แน่นอนว่าข้าไม่มีสิทธิ์จะประหารเจ้าแต่ข้าสามารถตบเจ้าได้ จริงมั้ย?”
เย่เทียนถามด้วยความเย้ยหยัน.
“เป็นเกียรติของข้าที่สามารถช่วยให้ท่านลอร์ดสงบสติลงได้ครับ….”
ชายแก่อ้วนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วแต่เขาก็ยังพูดยอเย่เทียนอยู่.
“เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ….”
เย่เทียนไม่แคร์เขาเลยแม้แต่น้อย, เขาจับชายคนนั้นขึ้นมาแล้วตบหน้าไปสองสามที. ใบหน้าของเขาบวมพร้อมเปื้อนเลือดทันที. จากนั้นเย่เทียนก็ปล่อยเขาไปไม่งั้นแล้วเขาคงได้ตายจริงๆถ้าตบอีกที.
หมอนี่ไม่ควรจะตายและเย่เทียนเองก็ไม่อยากฆ่ามันง่ายๆแบบนี้.
“ขอบพระคุณครับท่านลอร์ด…การอภัย….”
กว่าชายแก่อ้วนจะได้สติกลับมาก็นานโขและความขุ่นเคืองในใจของเขาก็ต้องเก็บซ่อนไว้ลึกๆ.
“บอกมา, ข้าควรทำยังไงกับความเท็จนี้?”
เย่เทียนค่อยๆถาม, เขามองเห็นความขุ่นเคืองแว่บขึ้นมาในตาของชายแก่อ้วนแต่ก็ไม่แยแส. เขากล้าสู้กับสุละ, ครึ่งสิงโตครึ่งจิ้งจอกได้แน่นอนว่าเขาไม่กลัวหมาของสุละแน่.
“ตามบรรทัดที่23 มาตราที่8ของกฏ12โต๊ะ, ใครก็ตามที่กล่าวหาโดยความเท็จจะต้องถูกโยนลงไปใต้ผาเทปิโอจนถึงแก่ความตายครับ…..”
ชายแก่อ้วนพูดด้วยความลำบาก, ตาของเขาชายไปมองชายวัยกลางคนนั้นอย่างขุ่นเคือง.
“โปรดอภัยให้ข้าด้วย ท่านลอร์ด….”
ชายวัยกลางคนคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตาสุดชีวิต.
“เจ้าไปจัดการเองแล้วกันจากนั้นเอาคนของเจ้ากลับไปด้วย!”
เย่เทียนพูดด้วยรอยยิ้มแสยะ.
“ขอบพระคุณครับท่านลอร์ดซาตาน…..”
“ขอบพระคุณเจ้านาย………”
…..
หลังจากชนชั้นสูงกำมะลอกลับไปพร้อมกับชายวัยกลางคนที่กำลังโอดครวญ, แม็กซ์กับครอบครัวของภรรยาของเขาก็แสดงความซาบซึ้งแก่เย่เทียน.
โดยเฉพาะแม็กซ์, ความยกย่องของเขาที่มีต่อเย่เทียนได้ไปถึงจุดที่ยอมได้ทุกอย่างแล้ว.
เพราะเขาเห็นด้วยตาตัวเองตอนที่เย่เทียนเล่นกับศัตรูของเขาด้วยฝ่ามือคู่นั้น, มันเปรียบดังหายนะสำหรับพวกนั้นเลย, เย่เทียนแสดงให้เขาเห็นชัดๆตอนที่ยกมือนั้นแล้วตบไปมาอย่างรุนแรง.
ชนชั้นสูงเยี่ยงนี้ย่อมน่ากลัวแน่หากเป็นใหญ่ขึ้นมา….
ด้วยเหตุนี้เขาจึงตั้งปณิธานอย่างแรงกล้าว่าจะภักดีต่อเย่เทียน.
…
“มาริน่า เจ้ากลับพร้อมข้าแล้วกัน, เจ้ารู้วิธีอ่านออกเขียนได้ด้วย, หายากนัก!”
ในที่สุดหลังจากกล่าวอำลา เย่เทียนก็พาทาสหญิงตัวน้อยแสนภักดีกลับไป.
พอกลับมาถึงบ้านแล้ว เย่เทียนก็แนะนำมาริน่าให้ไดอาน่าและคนอื่นๆฟัง, พวกเธอจะได้รู้จักกันให้ไวที่สุด.
ธุรกิจและการงานในอนาคตของตระกูลเย่เทียนจะต้องใหญ่มากๆแน่ ฉะนั้นเขาคงจะมือพันมากถ้าต้องทำงานคนเดียว. พวกทาสหญิงที่ภักดีเหล่านี้คือผู้ช่วยที่ดีที่สุดของเขาดังนั้นเย่เทียนจึงเริ่มฝึกฝนความสามารถในการจัดการสิ่งต่างๆ เมื่อเขามีเวลา.
พอถึงช่วงบ่ายของขวัญของแม็กซ์ก็มาถึงในที่สุด – ทาสหญิงสปาตั้น2คน!
ทั้งสวย, เซ็กซี่, ฟิตมากๆด้วย!
พวกเธอมีผมยาวสีดำและผิวสวยๆสีรวงข้าว. พวกเธอมีรูปร่างที่สูงและฟิตมาก, ขายาวเรียว, เอวเล็กและลายกล้ามบนตัวก็ชัดมากโดยเฉพาะช่วงลำตัว.
พวกเธอเป็นนักรบหญิง. อกของพวกเธอมีเกราะบร๊อนซ์ปิดเอาไว้และที่ขาของพวกเธอเองก็สวมรองเท้าพร้อมศึกและเกราะ. ช่วงล่างเองก็ใส่เกราะบร๊อนซ์ไว้.
ทาสนักรบหญิงสปาตั้น!
แม็กซ์เก่งจริงๆที่หานักรบแบบนี้ได้!
เมื่อพวกเธอเห็นเย่เทียนความรู้สึกขยะแขยงก็แว่บขึ้นมาในสายตาของเด็กสาวทั้งสองคน.
“ไม่เลวนี่! หญิงแห่งเผ่าสปาต้า, เยี่ยมจริงๆ!”
เย่เทียนพยักหน้าแล้วพูดอย่างพอใจ.