ตอนที่ 68 ความสิ้นหวัง
“ก็มากพอที่จะฆ่าเจ้าได้” มู่อี้ตอบกลับมาอย่างเย็นชา สายตาและจิตใจของเขาจดจ่ออยู่กับฉือกุยในตอนนี้และยันต์สายฟ้าที่อยู่ในมือของเขาก็เตรียมพร้อมทุกเมื่อ
แม้ว่าฉือกุยจะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิงและแม้แต่ลมหายใจที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขาก็รุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้แต่มู่อี้ก็เชื่อว่าเขาไม่มีทางรับยันต์สายฟ้าในตอนนี้ได้อย่างแน่นอน
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องความปลอดภัยของซูจินหลุน เขาอาจจะฆ่าฉือกุยไปตั้งนานแล้ว
“ฮ่าฮ่า ข้ายังไม่แก่ยังมีพลังอีกมาก ไม่ต้องกังวลไปหรอกข้าจะไม่ฆ่าเจ้าแน่นอน ข้าอยากจะเฝ้ามองตัวเจ้าค่อยๆกลายเป็นวิญญาณซากศพเหมือนกับเจิ้งสือซง กรีดร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวดและความทรมาน ไม่ว่าเจิ้งสือซงจะเกลียดชังข้ามากเท่าไหร่แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ต้องฟังคำสั่งของข้าไม่ใช่หรือ?” ฉือกุยมองมาที่มู่อี้ด้วยสายตาที่เป็นประกาย
ในตอนนี้มู่อี้ได้กลายเป็นวัตถุดิบที่ดีที่สุดในสายตาของเขา
“ถือว่าเจิ้งสือซงได้ช่วยเจ้าเอาไว้ครั้งหนึ่งแล้ว” มู่อี้รู้ดีว่าฉือกุยคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
“ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาข้าคงจะตายไปแล้ว แต่แล้วมันยังไงล่ะ? ใครบอกกันว่าเขาช่วยชีวิตข้าไว้แล้วข้าจะไม่ฆ่าเขา?” ฉือกุยหัวเราะออกมาทันที เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้นเป็นเรื่องที่ผิด
“ไม่ใช่สิ ข้าไม่ได้ฆ่าเขาแต่เป็นเจ้าต่างหาก ข้าก็แค่มอบชีวิตที่เป็นอมตะให้กับเขา” หลังจากฉือกุยพูดจบเขาก็ส่ายศีรษะปฏิเสธทันทีราวกับว่าสิ่งที่เขาทำนั้นคือเรื่องที่ถูกต้อง
เมื่อมองมาที่ฉือกุยในตอนนี้ มู่อี้ก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้อีกฝ่ายกลับมาเป็นคนที่มีจิตใจปกติและนั่นคือเหตุผลที่เขาไม่อยากเสียเวลาปล่อยให้อีกฝ่ายพูดอะไรมากนัก
แต่เมื่อเห็นว่าฉือกุยไม่ได้ดูรีบร้อนอะไรในตอนนี้เขาก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที
อีกฝ่ายจะยืดเวลาออกไปเพื่อให้เขาได้พักหายใจทำไม หรือว่าฉือกุยก็กำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่?
ต้องรู้ก่อนว่าฉือกุยนั้นเกลียดเขาเข้ากระดูกดำและยังคิดว่าเขาในตอนนี้ได้ใช้พลังแห่งจิตใจไปจนหมดแล้ว การที่อีกฝ่ายไม่ได้รีบลงมือในตอนนี้ถือเป็นเรื่องผิดปกติอย่างแน่นอน พูดให้ถูกต้องก็คือฉือกุยกำลังรอคอยเวลาเพื่ออะไรบางอย่างอยู่?
เมื่อคิดได้แบบนี้มู่อี้ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีและสิ่งที่ทำให้ฉือกุยสามารถยับยั้งความเกลียดชังในใจที่มีต่อเขาได้ มันต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน
อาจจะมีคนอื่นอีกที่เข้ามาช่วยในการสังหารเขาหรือ…
มู่อี้ตัวสั่นขึ้นมาในตอนนี้ เขานึกถึงเนี่ยนหนิวเอ้อร์ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของประตู
ห้องโถงแห่งนี้เห็นได้ชัดว่าสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ มีวิญญาณอยู่ภายในห้องนี้เป็นจำนวนนับร้อยตน น่ากลัวว่าทุกๆพื้นที่ใต้กำแพงและใต้พื้นของห้องนี้จะต้องดัดแปลงและปรับเปลี่ยนเป็นพิเศษอย่างแน่นอนแม้แต่ประตูก็ด้วยเช่นกัน. .
บางทีมู่อี้อาจจะสามารถพังประตูออกไปได้ด้วยพละกำลังของเขาแต่สำหรับเนี่ยนหนิวเอ้อร์ที่ถูกขังเอาไว้ข้างนอกนั้นมันยากมากที่นางจะเข้ามาที่นี่ด้วยตัวของนางเอง
เห็นได้ชัดว่าศัตรูของเขามีอยู่ 2 คนแต่ในตอนนี้มีเพียงฉือกุยเท่านั้นที่ปรากฏตัวออกมา ผู้พิทักษ์วิญญาณยังไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็นเลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าในตอนนี้เขาจะรู้แล้วว่าผู้พิทักษ์วิญญาณนั้นหายไปไหน
เมื่อมู่อี้มองกลับมาที่ฉือกุยอีกครั้ง ฉือกุยก็แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาทันที “เจ้าเข้าใจเรื่องทุกอย่างได้รวดเร็วเพียงนี้เลยหรือ? แต่น่าเสียดายที่มันก็สายเกินไปแล้ว”
“เจ้าอยากจะตายมากนักหรือไง” มู่อี้ตะโกนกลับมาและทันใดนั้นเขาก็ใช้ยันต์สายฟ้าที่อยู่ในมือออกไปทันที ตอนนี้เพื่อความปลอดภัยของเนี่ยนหนิวเอ้อร์เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้วและเขาต้องฆ่าฉือกุยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“ตู้ม!”
แม้ว่าจะอยู่ภายในห้องโถงที่ปิดทึบยันต์สายฟ้าก็ยังเปล่งแสงสีขาวที่สว่างจ้าออกมาแต่เมื่อเทียบกับตอนที่เขาใช้ยันต์สายฟ้าสังหารเจิ้งสือซงแล้วพลังของมันลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด
ยันต์สายฟ้าทุกๆแผ่นล้วนเป็นสิ่งที่มู่อี้เขียนขึ้นมาด้วยตนเองทั้งสิ้น แม้ว่ามันจะไม่ได้สมบูรณ์แบบมากนักแต่ก็พูดได้เลยว่าพลังของมันก็มหาศาลอย่างแน่นอน ดังนั้นที่พลังของมันลดลงไปนั้นต้องเป็นเพราะสิ่งที่อยู่ภายในห้องนี้อย่างแน่นอน
เห็นได้ชัดว่าห้องโถงแห่งนี้ยังมีความลับมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้
บางทีอาจเป็นเพราะว่าฉือกุยรู้ดีว่าเขามียันต์สายฟ้าที่ทรงพลังและอีกฝ่ายยังกล้าออกมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา
ยันต์สายฟ้าพุ่งไปที่ร่างกายของฉือกุยทันที ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะหลบแต่เขาไม่อาจหลบยันต์สายฟ้าพี่กำลังเข้ามาได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยันต์สายฟ้าของมู่อี้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากรับการโจมตีครั้งนี้เท่านั้น
นี่คือความได้เปรียบของศาสตร์แห่งยันต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยันต์สายฟ้า
แน่นอนว่าการกระทำแบบนี้ได้นั้นมู่อี้จะต้องสามารถระบุเป้าหมายอย่างชัดเจนด้วยพลังแห่งจิตใจของเขา ไม่อย่างนั้นแล้วทุกๆสิ่งย่อมไม่มีความหมาย
แม้ว่าฉือกุยจะทรงพลังมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถหลบหนีจากการระบุเป้าหมายของมู่อี้ไปได้ เว้นแต่ว่าเขาจะสามารถยกระดับตนเองได้อย่างรวดเร็วในตอนนี้และก้าวเข้าสู่ความยากแห่งการฝึกฝนจิตใจขั้นที่ 2
แต่ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นฉือกุยคงไม่ต้อง ‘ถ่วงเวลา’ เขาให้เสียเวลาไปมากขนาดนี้หรือไม่ก็เขาก็คงตรงไปที่ภูเขาฟุเนียวและฆ่ามู่อี้ในทันที
ดังนั้นด้วยความจริงข้อนี้ยันต์สายฟ้าถึงไม่สามารถหลบหนีได้เลย ฉือกุยทำได้เพียงต้องรับการโจมตีครั้งนี้เท่านั้น
หลังจากที่ยันต์สายฟ้าพุ่งออกไปนั้นชุดคลุมสีดำของฉือกุยก็ขาดกระจายออกทันที ราวกับว่ามันไม่สามารถทนรับการโจมตีของยันต์สายฟ้าได้
และในเวลาเดียวกันฉือกุยก็ร้องตะโกนออกมาและร่างกายของเขาก็หดตัวลงไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับกลายเป็นสีดำไม่แตกต่างไปจากมือข้างขวาของเขาเลย
แม้ว่ายันต์สายฟ้าโจมตีลงไปที่ฉือกุยแต่ร่างกายของเขาก็แค่สั่นเล็กน้อยและไม่ได้ล้มลงไป แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพเปลือยกายในตอนนี้แต่มู่อี้ก็รู้สึกได้ว่ามีเพียงลมหายใจของฉือกุยเท่านั้นที่ดูเบาบางลงไป ร่างกายของเขาแทบไม่มีการบาดเจ็บที่รุนแรงเลย
“นี่มันอะไรกัน” มู่อี้รู้สึกหวั่นวิตกขึ้นมาทันที ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้มีบางส่วนที่เขาคาดคิดเอาไว้อยู่แล้วและบางส่วนที่เกินการคาดคิดของเขาออกไปอีก แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันของฉือกุยนั้นคืออะไร แต่เขาก็คิดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ย่อมต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนแน่นอน
และด้วยการเปลี่ยนแปลงในตอนนี้ทำให้ร่างกายของเขาดูไม่ใช่มนุษย์ปกติอีกต่อไปและเหมาะสมที่จะเรียกว่าสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง
เมื่อเห็นเช่นนี้มู่อี้ก็ไม่ได้รีบใช้ยันต์สายฟ้าแผ่นสุดท้ายออกไปทันที เมื่ออยู่ในห้องโถงแห่งนี้พลังของยันต์สายฟ้าจะถูกลดน้อยลงไปมาก แม้ว่าเขาจะใช้ยันต์สายฟ้าอีกแผ่นออกไปตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอย่างแน่นอน
และฉือกุยในตอนนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถจัดการได้ด้วยยันต์สายฟ้า กลับกันมันคงจะดีกว่าถ้าหากเขาหาทางหนีออกไปจากที่นี่ก่อนและค่อยหาโอกาสที่เหมาะสมอีกหลังจากนี้
แม้ว่ายันต์สายฟ้าจะไม่ได้ถูกใช้ออกไปอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามู่อี้จะไม่โจมตีอีก ตอนนี้ฉือกุยยังคงยืนนิ่งไม่มีการตอบสนองใดๆซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เขาจะโจมตีอีกฝ่าย
มู่อี้ยกมือของเขาขึ้นมาและสะบัดยันต์ปราบปีศาจออกไปอีก 2 แผ่นทันที
แม้ว่ายันต์สายฟ้าจะเป็นยันต์ที่ต้องใช้พลังแห่งสวรรค์และโลกในการเปิดใช้งานไม่ได้ใช้งานได้อย่างอิสระเหมือนกับยันต์ปราบปีศาจและยันต์สะกดวิญญาณ แต่มันก็ถือเป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขาไม่อย่างนั้นมู่อี้คงไม่เก็บเอาไว้เป็นท่าไม้ตายอย่างแน่นอน
ยันต์ปราบปีศาจทั้ง 2 แผ่นพุ่งเข้าไปบนร่างกายของฉือกุยอย่างรวดเร็วและทำให้อีกฝ่ายต้องถอยหลังออกไป 2 ก้าว เห็นได้ชัดว่าร่างกายของฉือกุยแข็งแกร่งมากเพียงใดในตอนนี้
ในเมื่อยันต์สายฟ้าที่เหลืออยู่แผ่นสุดท้ายไม่ควรใช้ตอนนี้และยันต์ปราบปีศาจก็ไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้มากนัก มู่อี้ก็หยุดโจมตีทันทีเพราะในตอนนี้ไม่ต้องลองเขาก็รู้แล้วว่าการเผชิญหน้ากับฉือกุยตอนนี้นั้นยันต์ปราบปีศาจและยันต์สะกดวิญญาณย่อมใช้ไม่ได้ผลอย่างแน่นอน
ส่วนตะเกียงทองแดงนั้นมู่อี้ก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผลหรือไม่ แต่ด้วยพลังแห่งจิตใจที่เหลืออยู่ของเขาในตอนนี้ถ้าหากเปิดใช้งานตะเกียงทองแดงอีกครั้งเขากลัวว่าพลังแห่งจิตใจจะถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงตอนนั้นแม้ว่าเขาจะฆ่าฉือกุยได้แต่มู่อี้ก็คงไม่กล้าทำแบบนั้น เพราะในตอนนี้นอกจากฉือกุยแล้วยังมีผู้พิทักษ์วิญญาณอีกตนหนึ่งที่ยังไม่ปรากฏตัวออกมาและไม่รู้ว่ามีพลังมากเพียงใด
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้วดูเหมือนว่ามู่อี้จะตกอยู่ในความสิ้นหวังแล้ว