ตอนที่ 84 ความตั้งใจของแต่ละคน
หลังจากซุนยี่จากไป สวนเล็กๆของชิวเยวี่ยถงแห่งนี้ก็ถูกปิดประตูอย่างแน่นหนาทันทีและไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาที่นี่ก็จะโดนชิวจูขวางทางเอาไว้เสมอ
ในวันรุ่งขึ้นข่าวเรื่องการบาดเจ็บสาหัสของชิวเยวี่ยถงก็กระจายออกไปทันทีและทั่วทั้งหมู่บ้านต่างก็ตกอยู่ในความตื่นตระหนก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญที่ต้องตัดสินใจเช่นนี้
มู่อี้ได้สังหารผู้คนไปเป็นจำนวนมากเมื่อคืนนี้ แม้แต่ชิวเยวี่ยถงก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเช่นกันและผู้ที่มีส่วนผิดในเรื่องนี้มากที่สุดก็คือหลีหู่
แน่นอนว่าปัญหาเรื่องนี้นั้นทัศนคติของคนในหมู่บ้านได้แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง
ฝั่งแรกคือฝ่ายที่ต่อต้านอย่างเด็ดขาด ใครที่เป็นคนกระทำความผิดก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่ตนเองกระทำลงไป
อีกฝ่ายคือผู้ที่คิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทุกๆคนต้องผ่านพ้นมันไปด้วยกันและพวกเขาต้องร่วมมือกันเพื่อเอาชนะมู่อี้ให้ได้
ทั้งสองฝ่ายต่างก็โต้เถียงกันแต่ก็ยังไม่มีการลงไม้ลงมือกัน เมื่อเป็นแบบนี้แล้วชิวเยวี่ยถงก็ควรเป็นผู้ตัดสินใจและทำให้สถานการณ์ในหมู่บ้านกลับมาสงบอีกครั้ง แต่ในตอนนี้ชิวเยวี่ยถงยังไม่ปรากฏตัวออกมาเลย ไม่มีแม้แต่การตัดสินใจของนางที่บอกกล่าวออกมา
สวนเล็กๆที่นางอาศัยอยู่ดูเหมือนจะถูกปิดตายไปแล้ว
เมื่อไม่มีผู้นำ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ข้อสรุปเสียที
ส่วนหลีหู่นั้นแม้ว่าเขาจะเป็นถึงรองหัวหน้าของหมู่บ้านแห่งนี้และก่อนหน้านี้เขายังได้ใจผู้คนในหมู่บ้านไปมากมาย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทำให้หลายๆคนต้องมองเขาใหม่อีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าชิวเยวี่ยถงจะยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรแต่ก็ไม่มีใครฟังเขาพูดของเขาอีกแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องการให้เขาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้และนั่นคือพวกคนที่หลีหู่รู้สึกเกลียดชังมากที่สุด
เขาไม่คิดว่าตัวเองจะรอดไปได้แน่นอนถ้าหากเขาออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้ เขาเข้าใจคำพูดของมู่อี้และเขาไม่ได้เป็นคนโง่ แต่ในตอนนี้เขายังไม่อยากตาย
“ท่านรองหัวหน้าตอนนี้ท่านหัวหน้ายังไม่ปรากฏตัวออกมาเลย พวกเราควรทำยังไงกันดี?” ชายที่เป็นลูกน้องของหลีหู่ถามขึ้นมาทันที
“เจ้าอยากจะพูดอะไร? หรือเจ้าต้องการให้ข้าแสดงความรับผิดชอบและตายไป?” หลีหู่ตอบกลับมาและจ้องมองชายคนนั้นด้วยความโกรธ
“ข้าย่อมไม่กล้าคิดเช่นนั้น” ชายคนที่พูดก่อนหน้านี้รีบยืนขึ้นมาทันทีและตอบกลับมาด้วยความกลัว
“หึ ด้วยนิสัยของหญิงสาวผู้นี้ถ้าหากว่านางยังไม่ปรากฏตัวออกมาจริงๆนั่นก็หมายความว่านางได้รับบาดเจ็บหนักจริงๆ ถ้าหากไม่มีนางออกหน้าช่วยเหลือพวกเราต้องโดนนักพรตเต๋านั่นฆ่าตายแน่นอน เราต้องหาวิธีอื่น” หลีหู่ยืนขึ้นและเดินออกไปจากห้องทันที
ชายที่อยู่ข้างๆนั้นเป็นลูกน้องคนสนิทของตนเองดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลว่าเรื่องที่พูดคุยกันในวันนี้จะเล็ดรอดออกไป
“วิธีอื่น หรือว่าพวกเราควรจะหนีไปดี?” ทันใดนั้นก็มีอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมาทันที
คำพูดของเขาเป็นเหมือนตัวจุดประกายความคิดของคนที่อยู่ภายในห้องนี้ทั้งหมดทันที ทุกๆคนต่างก็หันมาวางแผนกันว่าจะหนีไปที่ไหนดี
ส่วนความคิดที่จะร่วมมือกันเพื่อเอาชนะศัตรูนั้นไม่ได้อยู่ในสมองของพวกเขาเลย
เหตุผลนั้นก็เพราะทุกๆคนต่างก็อยู่ในความหวาดกลัว พวกเขาต่างก็ได้เห็นพี่น้องที่ตายไปเป็นจำนวนมากและยังมีเรื่องลึกลับที่น่าสะพรึงกลัวอีกมากมายที่พวกเขายังไม่รู้ แม้แต่หัวหน้าของหมู่บ้านแห่งนี้ก็ยังไม่อาจเอาชนะศัตรูคนนี้ได้หากพวกเขาคิดจะสู้ก็มีเพียงแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่
ไม่ใช่ว่าทุกคนหวาดกลัวความตายหรือยังไง และถ้าพวกเขายังรอดไปได้ทำไมต้องเลือกที่จะตายด้วย?
ดังนั้นในตอนนี้การหนีจึงเป็นคำตอบเดียวของพวกเขา
หลีหู่นั่งฟังทุกๆคนที่อยู่ในห้องพูดคุยกันโดยไม่ได้เข้าไปขัดจังหวะ คนที่เสนอความคิดนี้ออกมาเป็นคนแรกนั้นก็เป็นคนที่เขาได้เตรียมเอาไว้อยู่แล้ว การที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของทุกๆคน มันจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าใครที่ยังคงจงรักภักดีกับเขาและใครที่ไม่เห็นด้วยกับเขา
แต่ในตอนนี้เขารู้สึกพึงพอใจมาก แม้ว่าจะมีหลายคนที่ยังคงลังเลใจอยู่แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
และยิ่งในตอนนี้เมื่อได้ทราบว่าชิวเยวี่ยถงได้รับบาดเจ็บหนัก เขาก็ตัดสินใจหนีออกไปจากภูเขาแห่งนี้ทันที
ความจริงแล้วหลีหู่ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักกับหมู่บ้านแห่งนี้ ในตอนแรกเขาคิดว่าตำแหน่งหัวหน้าของหมู่บ้านแห่งนี้นั้นจะถูกส่งมอบให้กับเขา หัวหน้าคนก่อนนั้นมีทายาทเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวและเขาจะต้องได้เป็นหัวหน้าคนต่อไปอย่างแน่นอน
แม้ว่าหัวหน้าคนก่อนจะแต่งตั้งให้เขาเป็นรองหัวหน้าแต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายเลย กลับกันเขากลับคิดเสมอว่าชิวเยวี่ยถงได้แย่งชิงตำแหน่งของเขาไป
ตลอดปีที่ผ่านมาเขาพยายามทำทุกๆอย่างเพื่อเอาชนะจิตใจของพี่น้องทุกๆคนในหมู่บ้านและหลังจากได้เรียนรู้อุปนิสัยของชิวเยวี่ยถงแล้ว เขาก็พยายามแย่งชิงตำแหน่งจากนางทุกวิถีทาง เพราะไม่ว่ายังไงชิวเยวี่ยถงก็ถือเป็นหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่ง หลีหู่วางแผนที่จะเอาชนะหญิงสาวคนนี้และได้ครอบครองร่างกายของนาง เขาคิดว่ารอจนกว่าตนเองได้เป็นหัวหน้าของหมู่บ้านแห่งนี้ก่อนและเมื่อถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครกล้าต่อต้านเขาอีก
แต่ในตอนนี้ชิวเยวี่ยถงกลับได้รับบาดเจ็บหนักโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลย
เขารู้สึกได้ทันทีว่าตนเองได้ไปล่วงเกินบุคคลที่ไม่สมควรล่วงเกินเข้าให้แล้ว และแม้แต่ยอดฝีมืออย่างชิวเยวี่ยถงก็ยังไม่อาจเอาชนะศัตรูผู้นี้ได้และมันยังเกี่ยวพันถึงชีวิตของเขาด้วยเช่นกัน
ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนี้เขาก็ย่อมเลือกชีวิตของตนเองไว้ก่อน สำหรับเรื่องของหญิงสาวนั้นเขาเชื่อว่าตราบใดที่ตนเองกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งได้ เขาจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการ
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกไม่พอใจความคิดบางอย่างของชิวเยวี่ยถงมานานแล้วและการหนีไปของเขาในครั้งนี้จะเป็นเหมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
เมื่อมู่อี้ตามหาเขาไม่เจอก็ต้องระบายความโกรธใส่หมู่บ้านแห่งนี้อย่างแน่นอน แต่นั่นคงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว
แต่เมื่อคิดถึงชิวเยวี่ยถงและหญิงสาวที่งดงามคนอื่นๆที่ต้องตายไป เขาก็รู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย
“เอาล่ะ ทุกๆท่านโปรดเงียบก่อน” หลังจากได้ทดสอบเบื้องต้นเสร็จแล้วหลีหู่ก็พูดขึ้นมาทันที
ทุกๆคนที่พูดคุยกันอยู่ก่อนหน้านี้ก็เงียบไปทันทีและหันมาจ้องมองหลีหู่พร้อมๆกัน
หลีหู่ชื่นชอบความรู้สึกเช่นนี้มาก ตั้งแต่เขาได้รู้ว่าพลังอำนาจคืออะไรความทะเยอทะยานของเขาก็ไม่มีที่สิ้นสุดอีกต่อไป
“แม้ว่าเรื่องทุกอย่างนี้จะเกิดขึ้นก็เพราะข้า แต่ที่ข้าทำลงไปก่อนหน้านี้นั้นก็เพื่อทุกๆคนเพื่อหมู่บ้านของพวกเราทั้งสิ้น”
“ตั้งแต่ชิวเยวี่ยถงได้กลายมาเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน พวกเราก็เหมือนกับโดนผูกติดอยู่ที่นี่และไม่อาจออกไปพบเจอกับโลกภายนอกได้อีก ข้าเชื่อว่าหลายปีที่ผ่านมาพี่น้องเราคงลำบากมามากพอแล้ว”
เมื่อพูดเช่นนี้หลีหู่ก็หันไปมองทุกๆคนที่อยู่ในห้องและพูดต่อไปว่า “แต่อย่าลืมว่าพวกเราคือโจรภูเขา หน้าที่และชีวิตของพวกเราคือการปล้นชิงสมบัติจากพวกคนรวยเพื่อช่วยเหลือคนจน กินข้าวหม้อเดียวกัน ดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ตายด้วยกัน อยู่ด้วยกัน พี่น้องเราทุกๆคนย่อมมีครอบครัวที่ต้องดูแล นี่มันคือชีวิตของพวกเราไม่ใช่หรือไงพี่น้องทุกๆท่าน? “
ถ้าหากเป็นเรื่องการชักจูงจิตใจของผู้คนนั้นหลีหู่ถือว่าทำได้ดีเลย
“ใช่แล้วท่านรองหัวหน้าพูดถูก พวกเราคือกลุ่มโจรภูเขาและพวกเราก็ควรทำหน้าที่ของโจรภูเขา”
“ข้าเห็นด้วยกับที่ท่านรองหัวหน้าพูดมา”
“พวกเราพร้อมที่จะเชื่อฟังท่านรองหัวหน้า”
ทุกๆคนที่อยู่ในห้องตะโกนออกมาพร้อมๆกันและสีหน้าของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“บอกข้ามา ท่านต้องการเงินทองหรือไม่?” หลีหู่พูดออกมาเสียงดังจากนั้นก็ยกเท้าข้างหนึ่งของเขาไปวางไว้บนเก้าอี้
“ต้องการ!”
“ท่านต้องการกินข้าวหม้อเดียวกัน ดื่มน้ำแก้วเดียวกันหรือไม่?”
“ต้องการ!”
“ท่านต้องการให้ลูกหลานของเราได้เติบโตอย่างสุขสบายหรือไม่?”
“ต้องการ!”
เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำก็ทำให้อารมณ์ของทุกๆคนที่อยู่ในห้องนี้ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด ในตอนนี้แม้ว่าหลีหู่จะสั่งให้พวกเขาหยิบมีดขึ้นมาและลงจากภูเขาเพื่อไปปล้นชิง คนเหล่านี้คงทำตามโดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน
ในตอนที่หลีหู่ตะโกนออกไปนั้นเขาไม่รู้ว่ามีคนคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่เงาของมุมห้องอยู่ แม้แต่ยามที่เฝ้าประตูก็ไม่รู้เลยว่ามีคนนอกที่อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้นร่างที่ยืนอยู่ในมุมมืดก็ส่ายศีรษะเบาๆและก็หายไปทันทีราวกับว่าไม่เคยมีใครยืนอยู่ตรงนั้นมาก่อน