Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป – ตอนที่ 94

ตอนที่ 94

ตอนที่ 94 หลังจากการต่อสู้

มู่อี้ไม่ได้เคลื่อนไหวและชิวเยวี่ยถงก็ไม่ได้ออกคำสั่งอะไรเช่นกัน ส่วนคนที่อยู่รอบๆนั้นทำได้เพียงจ้องมองมาที่ทั้งสองคนด้วยความตกตะลึงเท่านั้น การต่อสู้ดูเหมือนจะหยุดชะงักไปในตอนนี้

มู่อี้ยืนขึ้นมาและเลือดก็ไหลออกมาจากบาดแผลของเขาหยดลงมาบนพื้นดิน

ชิวเยวี่ยถงหลังจากพักหายใจอยู่ครู่หนึ่งก็พยายามยืนขึ้นมาด้วยเช่นกัน แม้ว่านางจะดูทุลักทุเลเล็กน้อยแต่ก็สามารถยืนขึ้นมาได้

“นายหญิงเจ้าคะ!”

เมื่อเห็นเช่นนี้ชิวจูก็รีบวิ่งออกไปทันที ดูเหมือนนางอยากจะเข้าไปช่วยเหลือแต่ชิวเยวี่ยถงก็ยังคงปฏิเสธ

“เจ้าไปได้แล้ว” ชิวเยวี่ยถงพูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

“นายหญิง” ชิวจูรู้สึกกังวลเพราะในความคิดของนางนั้นมู่อี้ได้รับบาดเจ็บในตอนนี้ ตราบใดที่พวกนางร่วมมือกันย่อมสามารถสังหารมู่อี้ได้อย่างแน่นอนและในตอนนี้การปล่อยให้มู่อี้รอดออกไปได้นั้นก็คงไม่ต่างอะไรกับการปล่อยเสือเข้าไปในป่า

ในอนาคตข้างหน้าคงไม่มีโอกาสดีๆแบบนี้อีกแน่นอน

“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแล้ว” ชิวเยวี่ยถงสั่งให้ชิวจูหยุดก่อนและจากนั้นนางก็จ้องมองไปที่มู่อี้ “ข้าไม่อาจเอาชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้และท่านก็ไม่ได้แพ้ ท่านจะยอมรับผลการต่อสู้ครั้งนี้หรือไม่?”

มู่อี้พยักหน้า ความประทับใจที่เขามีต่อชิวเยวี่ยถงก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน “ได้สิขอรับ”

“แต่ความแค้นระหว่างท่านกับข้านั้นยังไม่จบในวันนี้และข้าจะประลองกับท่านอีกครั้งหนึ่งในภายภาคหน้า เมื่อถึงวันนั้นข้าจะใช้ชีวิตของข้าเป็นเดิมพัน” ชิวเยวี่ยถงพูดต่อไป

“ได้สิ ข้าจะรอวันนั้นขอรับ” แม้ว่าชิวเยวี่ยถงจะเดินทางในเส้นทางที่แตกต่างจากเขา แต่นางก็เป็นคู่ต่อสู้ที่หาได้ยากมากคนหนึ่ง

หลังจากมู่อี้พูดจบเขาก็ออกจากที่นี่ไปทันทีแต่ก่อนที่เขาจะจากไปดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นเขาก็หันกลับมาหาชิวเยวี่ยถงอีกครั้งหนึ่งและยื่นยันต์สะกดวิญญาณมาให้ “สำหรับหญิงสาวคนนั้น”

ก่อนหน้านี้ชิวเหม่ยได้รับบาดเจ็บจากตะเกียงทองแดงของมู่อี้ การบาดเจ็บของนางนั้นเป็นการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณและวิชาการแพทย์ปกติย่อมไม่อาจรักษาได้ มีเพียงยันต์สะกดวิญญาณที่สามารถรักษาดวงวิญญาณได้เท่านั้นถึงจะได้ผล

มู่อี้เห็นสัญญาณบางอย่างจากร่างกายของชิวจูดังนั้นเขาจึงทิ้งยันต์สะกดวิญญาณเอาไว้ที่นี่ก่อนที่จะจากไป

นี่ไม่ใช่เพราะว่ามู่อี้รู้สึกกลัว แต่เป็นเพราะท่าทีของชิวเยวี่ยถงในตอนนี้ ถ้าหากหญิงสาวคนนี้คิดจะสังหารเขาจริงๆเขาจะรอดจากที่นี่ไปได้ยังไงกัน?

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมู่อี้ถึงยอมมอบยันต์สะกดวิญญาณของเขาให้กับอีกฝ่าย ส่วนวิธีการใช้ยันต์นั้นเขาเชื่อว่าชิวเยวี่ยถงคงหาวิธีได้แน่นอน เพราะเขาเองก็รู้สึกได้ถึงพลังแห่งจิตใจในร่างกายของชิวเยวี่ยถงด้วยเช่นกัน แม้ว่ามันจะมีไม่มากนักแต่ก็มากพอที่จะใช้ยันต์สะกดวิญญาณได้อย่างแน่นอน

หลังจากได้ยินคำพูดของมู่อี้และเห็นยันต์ที่อยู่ในมือของเขา ดวงตาของชิวจูก็เบิกกว้างขึ้นมาทันทีเพราะในตอนนี้ผู้ที่นางรู้สึกเป็นห่วงมากที่สุดก็คือน้องสาวของนาง ส่วนเรื่องของมู่อี้นางเชื่อว่านายหญิงของตนเองจะต้องวางแผนเรื่องนี้เอาไว้อยู่แล้ว

ชิวจูมองมาที่ชิวเยวี่ยถงจากนั้นชิวเยวี่ยถงก็พยักหน้าให้นางเล็กน้อย จากนั้นนางจึงเดินมารับยันต์สะกดวิญญาณจากมือของมู่อี้ไป

ในตอนนี้กระดาษแผ่นบางๆที่อยู่ในมือของชิวจูคือสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในสายตาของนาง

“ขอบคุณมาก ขอบคุณท่านมาก” หลังจากได้รับยันต์สะกดวิญญาณไปแล้ว ชิวจูก็รู้สึกประทับใจในตัวมู่อี้มากยิ่งขึ้น อย่างน้อยที่สุดนางก็ไม่ได้มองเขาเป็นศัตรูเหมือนกับก่อนหน้านี้และนางยังกล่าวขอบคุณมู่อี้อีกด้วย

มู่อี้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้นก็ออกจากที่นี่ไปทันที แต่เพราะแขนซ้ายของเขาได้รับบาดเจ็บท่วงท่าการเดินของเขาจึงดูผิดปกติไปเล็กน้อยด้วยเช่นกัน

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน” เมื่อเห็นว่ามู่อี้จะลงจากภูเขาแห่งนี้ไปแล้วจริงๆ ชายชราที่ยืนอยู่ข้างๆชิวเยวี่ยถงก็พูดขึ้นมาเบาๆ

ชิวเยวี่ยถงย่อมเข้าใจว่าเขาต้องการสื่อถึงเรื่องใดแต่นางก็ส่ายศีรษะตอบกลับมา

เมื่อเห็นเช่นนี้ชายชราก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่สายตาของเขาจ้องมองมาที่ร่างของมู่อี้จนอีกฝ่ายหายลับสายตาไป

สำหรับพวกคนที่ซุ่มรออยู่รอบๆบริเวณนี้นั้น เมื่อไม่มีคำสั่งของชิวเยวี่ยถงก็ไม่มีใครกล้าลงมือแม้แต่คนเดียว

มู่อี้เดินลงมาจากภูเขาอย่างง่ายดาย เมื่อเขาผ่านมาที่หลุมศพที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวเขาก็เรียกเนี่ยนหนิวเอ้อร์ที่กำลังต่อสู้อยู่ให้กลับมาและจากนั้นดวงวิญญาณขนาดใหญ่และดวงวิญญาณขนาดเล็กที่กำลังปะทะกันอยู่ในตอนนี้ก็แยกออกจากกันทันที

เหนือหลุมศพนั้นมีดวงวิญญาณของชายคนหนึ่งที่ยังคงจ้องมองมาที่มู่อี้และเนี่ยนหนิวเอ้อร์เมื่อพวกเขาลงจากภูเขาลูกนี้ไป

ตลอดทางนั้นเนี่ยนหนิวเอ้อร์ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่มู่อี้ก็รู้สึกได้ว่านางไม่พอใจมากในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเนี่ยนหนิวเอ้อร์รู้สึกไม่พอใจเพราะว่านางไม่อาจช่วยอะไรมู่อี้ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเห็นว่ามู่อี้ได้รับบาดเจ็บก็ทำให้นางรู้สึกผิดยิ่งขึ้นไปอีก นางเอาชนะไม่ได้แม้แต่วิญญาณอาฆาตที่ไร้ซึ่งสติปัญญาด้วยซ้ำ

ตอนนี้มู่อี้ไม่ได้ปลอบโยนเนี่ยนหนิวเอ้อร์แต่อย่างใดเพราะในบางครั้งการปล่อยให้นางเข้าใจเรื่องต่างๆด้วยตนเองย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าและสภาพของเขาในตอนนี้ก็ทำได้เพียงรีบลงไปจากภูเขาเท่านั้น เขาไม่เหลือเวลามาคอยปลอบโยนเนี่ยนหนิวเอ้อร์อีกแล้ว

ในระหว่างทางนั้นเขาต้องหลบเลี่ยงกับดักมากมายด้วยความยากลำบาก เมื่อมู่อี้ลงมาถึงตีนเขาแล้วเขาก็หมดแรงจนแทบลงไปนอนกับพื้นเลยทีเดียวและบาดแผลบนไหล่ซ้ายของเขาก็ยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

“ท่านนักพรตเต๋า ท่านเป็นอะไรหรือไม่?” ในตอนนี้ฉีต้าที่รอคอยอยู่บริเวณตีนเขาก็ปรากฏตัวออกมาทันที เมื่อเขาเห็นว่ามู่อี้ได้รับบาดเจ็บเขาก็รู้สึกตกตะลึงขึ้นมาเพราะมู่อี้ในสายตาของเขานั้นเป็นเหมือนกับเทพเจ้าองค์หนึ่งเลย ใครกันที่สามารถทำร้ายท่านนักพรตเต๋าผู้นี้ได้?

“คงต้องขอให้ท่านช่วยพันแผลให้ข้าแล้วขอรับ” มู่อี้พูดกับฉีต้าอย่างสุภาพ

“ได้สิ ได้สิ ท่านรอสักหน่อยนะ” ฉีต้าพูดพร้อมกับฉีกเสื้อของตนเอง เขาเลือกฉีกเสื้อบริเวณที่สะอาดมากที่สุดและจากนั้นก็ค่อยเดินเข้ามาหามู่อี้พร้อมกับผ้าในมือที่เอาไว้พันแผลบริเวณไหล่ข้างซ้ายของมู่อี้

หลังจากได้เห็นบาดแผลฉีต้าก็รู้สึกตกตะลึงยิ่งขึ้นไปอีกจากนั้นเขาก็มองมาที่มู่อี้ด้วยสายตาที่มีเพียงความชื่นชมเท่านั้น

“ท่านนักพรตเต๋า อดทนหน่อยนะขอรับ” เมื่อเขาพูดจบก็ไม่รู้ว่านำขวดกระเบื้องเคลือบออกมาจากที่ใดกัน

เขาย่อมพกยารักษาบาดแผลติดตัวเอาไว้อยู่แล้วเพราะร่างกายของเขานั้นมีบาดแผลเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน

“เดี๋ยวก่อนขอรับ” ในตอนที่ฉีต้ากำลังเตรียมยาของตนเองนั้น มู่อี้ก็ยื่นมือของเขาออกไปเพื่อหยุดการกระทำของอีกฝ่าย จากนั้นก็ใช้มือขวาของเขานำยันต์สะกดวิญญาณออกมาและวางเอาไว้เหนือบาดแผล

ทันใดนั้นแสงสีขาวก็ห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้ทันที

ฉีต้าที่อยู่ข้างๆนั้นก็ต้องตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ในครั้งนี้เขาคิดว่ามู่อี้คือเทพเจ้าแล้วจริงๆ

หลังจากแสงสีขาวหายไปแล้วมู่อี้ก็รู้สึกได้ว่าเจตจำนงแห่งดาบที่หลงเหลืออยู่ในบาดแผลของเขานั้นได้หายไปแล้วด้วยเช่นกันจากนั้นเขาก็พยักหน้าให้กับฉีต้า

ฉีต้าไม่ลังเลอีกต่อไปและรีบนำยาในมือของตนเองทาลงไปบนบาดแผลของมู่อี้ทันที จากนั้นก็ใช้ผ้าพันแผลเอาไว้ ฝีมือในการปฐมพยาบาลของเขาถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

“ขอบคุณมากขอรับ” มู่อี้มองไปยังบาดแผลของตนเองที่ได้รับการพันแผลแล้วและกล่าวขอบคุณออกมา

“ข้าไม่กล้ารับการขอบคุณของท่านขอรับ” ฉีต้ารีบพูดขึ้นมาทันที

“พกยันต์แผ่นนี้ติดตัวไว้ตลอดเวลา มันจะช่วยชีวิตของท่านได้ในอนาคต” มู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็นำยันต์แผ่นหนึ่งออกมาแล้วมอบให้กับฉีต้าที่ยังคงรีบปฏิเสธในตอนนี้

แต่ในท้ายที่สุดนั้นเขาก็ไม่อาจทนการรบเร้าของมู่อี้ได้และรับยันต์แผ่นนั้นไปเก็บไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กล่าวขอบคุณมู่อี้อยู่หลายครั้ง

แม้ว่าที่นี่คือเขตภูเขาแต่การที่เขาพาฉีต้ามาที่นี่ด้วยก็ถือว่าเป็นประโยชน์มาก ไม่นานหลังจากนั้นก็มีเกวียนวัวมารับมู่อี้ทันทีเพื่อไม่ให้เขาต้องเจ็บปวดบาดแผลมากยิ่งขึ้น

เมื่อได้นั่งลงบนเกวียนวัวนั้นมู่อี้ก็รู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าจากร่างกายของตนเอง ไม่นานเขาก็หลับสนิทไปทันทีและเนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็ยังคงอยู่เคียงข้างมู่อี้ในตอนนี้ ส่วนฉีต้านั้นเขาไม่มีทางรู้เลยว่าบนเกวียนวัวเล่นนี้นอกจากเขากับมู่อี้แล้วก็ยังมีดวงวิญญาณอีกตนหนึ่งด้วยเช่นกัน

Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป

Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป

Status: Ongoing

โลกใบนี้ที่แสนโกลาหลวุ่นวายแต่ก็ถือว่ามีความสุขได้ถูกทำลายลงไปแล้ว ข้าเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่งเท่านั้น

หากไม่ใช่เพราะท่านปู่ชีวิตของข้าคงจบสิ้นไปตั้งนานแล้ว แม้ว่าข้าจะต้องเข้าสู่ลัทธิเต๋า แม้ว่าข้าจะต้องอดมื้อกินมื้อ

แม้ว่าข้าจะต้องเดินทางไปยังที่ต่างๆอยู่เสมอ แต่เมื่ออยู่กับท่านปู่ข้าก็รู้สึกมีความสุขอย่างแท้จริง ข้าเคยได้ฟังเรื่องราวของกองทัพวิญญาณ

ผีดิบที่น่าสะพรึงกลัว และความชั่วร้ายในจิตใจของมนุษย์ แต่สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงแค่ชีวิตที่สงบสุขเท่านั้น เหตุใดสวรรค์ถึงไม่เคยเมตตาข้าเลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท