Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป – ตอนที่ 71

ตอนที่ 71

ตอนที่ 71 ความตายของฉือกุย

ร่างของฉือกุยสูญเสียการทรงตัวและล้มลงไปที่พื้นในทันที แต่มู่อี้ก็พุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายในทันที

ฉือกุยพ่ายแพ้และมันก็เป็นความพ่ายแพ้ที่น่าสะพรึงกลัว

เขาไม่คิดว่าความพ่ายแพ้ของตนเองจะมาถึงได้รวดเร็วเพียงนี้ แม้แต่ในวินาทีก่อนหน้านี้เขาก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชนะมาโดยตลอด

อันที่จริงแล้วความคิดของเขาก็อาจจะเป็นความจริง ถ้าหากมู่อี้ไม่อาจหาจุดอ่อนของเขาพบหรือเขาสามารถรักษาร่างกายสีดำที่เหมือนกับรากไม้นั้นเอาไว้ได้จนถึงตอนนี้ ชัยชนะที่เกิดขึ้นย่อมเป็นของเขาอย่างแน่นอน

แต่น่าเสียดายที่เขาไม่อาจทำได้ มู่อี้ได้ค้นพบหนทางของตนเองและความมั่นใจก็เพิ่มมากขึ้น กลับกันฉือกุยกำลังหลงอยู่ในความโกรธแค้นและคิดเพียงว่าตนเองจะต้องชนะเท่านั้น

ดังนั้นดูเหมือนว่ามู่อี้จะสามารถเอาชนะสถานการณ์ที่สิ้นหวังของตัวเองมาได้

นอกจากนี้ยันต์สายฟ้าแผ่นสุดท้ายนั้นมู่อี้ยังใส่พลังแห่งจิตใจของตนเองเกือบทั้งหมดลงไปภายในนั้น เขาพยายามทำให้พลังของยันต์สายฟ้าเพิ่มขึ้นมาจากก่อนหน้านี้แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะแตกต่างกันหรือไม่

นอกจากนี้ยันต์สายฟ้ายังโจมตีไปที่แขนข้างที่ขาดไปของฉือกุยซึ่งก็ถือเป็นจุดอ่อนของเขา จนเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสองเท่า ที่ฉือกุยพ่ายแพ้นั้นย่อมไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย

มู่อี้มองลงไปยังฉือกุยที่พยายามลุกขึ้นมา สายตาของเขาไร้ซึ่งความหยิ่งผยองหรือความสงสารใดๆทั้งสิ้น ฉือกุยเป็นเพียงแค่คนคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาเท่านั้น เขาควรจะขอบคุณฉือกุยด้วยซ้ำ

เพราะการที่ฉือกุยปรากฏตัวมาทำให้การฝึกฝนของเขารวดเร็วขึ้นมาก ถ้าหากเขาไม่ได้พบกับความผิดหวังในตอนนั้นเขาก็คงไม่สามารถทำลายกำแพงที่อยู่ภายในใจไปได้อย่างแน่นอนและเขาคงไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กว่าเขาจะได้ไปถึงความยากขั้นที่ 2 ของการฝึกฝนจิตใจ

แม้ว่าฉือกุยจะวางกับดักเพื่อล่อลวงเขามาที่นี่ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังอีกฝ่ายมากนัก

เพราะเรื่องแบบนี้เขาเคยพบเจอมามากมายในตอนที่เดินทางไปยังที่ต่างๆพร้อมกับท่านปู่

ทุกๆคนต่างก็พูดเพียงความคับข้องใจขุ่นเคืองใจของตนเองเท่านั้น แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถมองผ่านคำพูดของพวกเขาไปได้ทะลุปรุโปร่งว่าจริงๆแล้วเรื่องราวมันเป็นยังไง?

ไม่ว่าจะเจี่ยเหรินหรือฉือกุยในตอนนี้ พวกเขาต่างก็เป็นคนน่าสงสารที่ถูกความโกรธแค้นบดบังสายตาเท่านั้น

“เจ้าพ่ายแพ้แล้ว” มู่อี้พูดออกไปเบาๆ

เมื่อฉือกุยได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายร่างกายของเขาก็นิ่งไปทันทีและในที่สุดเขาก็นอนลงไปที่พื้นไม่ได้พยายามลุกขึ้นมาอีกต่อไป เพราะร่างกายอีกครึ่งหนึ่งของเขาไม่อาจเคลื่อนไหวอีกต่อไปได้แล้ว ส่วนเหตุผลที่ทำไมเขายังมีชีวิตอยู่นั่นก็เพราะว่าร่างกายอีกครึ่งหนึ่งของเขายังคงอยู่ในสภาพรากไม้สีดำและค่อยๆกลับมาเป็นปกติช้าๆ

แต่มู่อี้ก็รู้สึกได้ว่าลมหายใจของอีกฝ่ายนั้นแผ่วเบาลงไปอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการหายใจเช่นนี้คงอีกไม่นานหรอกที่อีกฝ่ายจะตายไปอย่างสมบูรณ์

“ไม่ ข้ายังไม่แพ้” ฉือกุยกัดฟันและพยายามส่งเสียงออกมาจากลำคอของเขา เห็นได้ชัดว่าแม้ว่าเขาจะตายไปแต่ก็คงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อศัตรูของเขาคือมู่อี้

“จงพูดมา ซูจินหลุนอยู่ที่ใด ข้าจะปล่อยเจ้าให้จากไปอย่างสงบ” มู่อี้จ้องมองมาที่ฉือกุยและพูดต่อไป ในตอนนี้ฉือกุยไม่ได้กังวลว่าศัตรูจะลงมือทำอะไรเขาแต่เขารู้สึกกังวลว่าทำไมผู้พิทักษ์วิญญาณยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีก

“ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า เจ้าไม่มีทางหาเขาได้เจอหรอก แม้ว่าข้าจะตายไปตระกูลซูและเจ้าก็คงไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน” ฉือกุยจ้องมองกลับมาราวกับว่านี่คือการตอบโต้ครั้งสุดท้ายของเขา ทันทีที่เขากล่าวจบลมหายใจของเขาก็หายไปทันที

มู่อี้มองมาที่ฉือกุยที่หยุดหายใจไปแล้วและขมวดคิ้วขึ้นมา จากคำพูดของฉือกุยเขาก็รู้สึกได้ว่าเรื่องในตอนนี้คงไม่จบลงง่ายๆเสียแล้ว

“ไม่ว่าเจ้าจะพาตัวเขาไปที่ไหน ข้าก็จะตามหาให้เจอ” หลังจากพูดจบมู่อี้ก็หันหลังกลับและก้าวเดินออกจากห้องโถงแห่งนี้อย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างของเขาผลักประตูที่ถูกปิดเอาไว้อย่างหนาแน่นทันที

“ปัง!”

ด้วยพละกำลังของมู่อี้ประตูทั้ง 2 บานก็ค่อยๆเปิดออกช้าๆ

ลมเย็นพัดเข้ามาจากภายนอกและทำให้เสื้อคลุมของมู่อี้สะบัดออกไปทันที แต่ในตอนนี้มู่อี้ไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นสายตาของเขาจับจ้องไปที่เงาทั้งสองที่มีการเคลื่อนไหวอยู่บริเวณภายนอก

เงาแรกนั้นคือเนี่ยนหนิวเอ้อร์อย่างแน่นอนและเงาที่สองนั้นเป็นหญิงชราหลังค่อมคนหนึ่ง

ในมือของหญิงชราคนนั้นถือไม้เท้าเอาไว้และนางพยายามจะใช้ไม้เท้าของตนเองฟาดไปที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์ ตรงกลางไม้เท้าสีดำของหญิงชรานั้นมีแสงสีเงินเป็นประกายขึ้นมาซึ่งนั่นทำให้เนี่ยนหนิวเอ้อร์ต้องรู้สึกหวาดกลัว

ที่ปลายไม้เท้าของหญิงชรานั้นมีกระดิ่งอันหนึ่งผูกติดเอาไว้อยู่ ทุกๆครั้งที่นางฟาดไม้เท้าของตนเองออกไปเสียงกระดิ่งก็จะดังขึ้นมาและทุกๆครั้งที่เสียงกระดิ่งดังขึ้นมานั้นก็จะเห็นได้เลยว่าร่างของเนี่ยนหนิวเอ้อร์จะต้องหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง

และในบางครั้งด้วยการหยุดนิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เนี่ยนหนิวเอ้อร์เกือบจะโดนไม้เท้าของหญิงชราฟาดเข้าอย่างจังแล้ว

หญิงชรายืนขวางอยู่ที่หน้าประตูแต่เนี่ยนหนิวเอ้อร์พยายามที่จะฝ่าเข้าไปให้ได้ เห็นได้ชัดว่านางก็รู้ดีว่ามู่อี้นั้นตกอยู่ในอันตรายและพยายามจนถึงที่สุดเพื่อที่จะเข้าไปช่วยเหลือมู่อี้ให้ได้

ไม่อย่างนั้นแล้วด้วยความเร็วของนางไม่ว่าหญิงชราผู้นี้จะทรงพลังมากแค่ไหน ตราบใดที่นางตั้งใจหลบการโจมตีก็ไม่มีทางที่หญิงชราจะสัมผัสได้แม้แต่เงาของนาง

เนี่ยนหนิวเอ้อร์สนใจเพียงแค่สิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องโถงแห่งนั้นเท่านั้น ในตอนนี้เมื่อประตูที่ถูกปิดไปเปิดออกมาอีกครั้งนางก็รีบหันไปมองทันที นอกจากนี้กระดิ่งของหญิงชรายังส่งเสียงดังออกมาด้วยเช่นกันทำให้ร่างของนางต้องแข็งค้างอยู่กลางอากาศ

หญิงชราผู้นี้ไร้ซึ่งความปราณีใดๆ ไม้เท้าในมือของนางฟาดตรงไปที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์ทันที

“เจ้ากล้า!”

เมื่อเห็นเช่นนี้มู่อี้ก็ตะโกนออกมาอย่างโหดเหี้ยมทันที เขาใช้พลังแห่งจิตใจที่เหลืออยู่ของตนเองส่งยันต์ปราบปีศาจออกไปอย่างรวดเร็ว

แสงสีขาวระเบิดขึ้นระหว่างนิ้วมือของมู่อี้ จากนั้นก็พุ่งเข้าไปปะทะกับหญิงชราอย่างรวดเร็ว

เห็นได้ชัดว่าหญิงชราผู้นี้ก็คือผู้พิทักษ์วิญญาณและเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือฉือกุย แต่นางก็มีความสามารถแค่การควบคุมวิญญาณเท่านั้นร่างกายของนางไร้ซึ่งการป้องกันใดๆ

ฉือกุยสามารถทนต่อยันต์ปราบปีศาจได้เมื่อเขาเปลี่ยนแปลงร่างกายไป แต่หญิงชราที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ย่อมทำไม่ได้อย่างแน่นอน

ถ้าหากนางยังจะโจมตีเนี่ยนหนิวเอ้อร์ต่อไปอีกก็อาจจะเสี่ยงต่อชีวิตของนางด้วยเช่นกัน ดังนั้นในตอนนี้นางต้องเลือกที่จะปกป้องชีวิตของตนเองเอาไว้ก่อน

ในช่วงเวลาที่สำคัญมากที่สุดนั้นหญิงชราเลือกที่จะดึงไม้เท้าของนางกลับมาอีกครั้ง จากนั้นก็หันหลังกลับไปใช้ไม้เท้าในมือป้องกันแสงสีขาวที่กำลังพุ่งเข้ามาหานาง

ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในเวลาช่วงพริบตาเดียวเท่านั้น

“ตู้ม!”

สายสีขาวระเบิดออกทันทีและหญิงชราคนนั้นก็ถอยหลังกลับไปหลายก้าว แม้แต่ไม้เท้าในมือของนางก็กระเด็นหลุดออกจากมือด้วยเช่นกัน

“เป็นเจ้าได้ยังไงกัน?” หญิงชรารู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีเมื่อนางได้เห็นมู่อี้ เพราะในความคิดของนางนั้นมู่อี้น่าจะตายไปแล้ว หรือว่าฉือกุยจะล้มเหลว?

เมื่อคิดแบบนี้หญิงชราก็ไม่สนใจไม้เท้าของตนเองที่กระเด็นออกไปอีกต่อไป ร่างของหญิงชรานั้นแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นที่แตกต่างจากมนุษย์อย่างสิ้นเชิง จากนั้นเมื่อหญิงชราหันกลับมาอีกครั้งนางก็หายเข้าไปในระเบียงบ้านอย่างรวดเร็วทันที

เมื่อเห็นเช่นนี้เนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็อยากเข้าไปหยุดหญิงชราเอาไว้แต่มู่อี้ก็ห้ามนางเอาไว้ก่อน

“ไม่จำเป็นต้องไปตาม” มู่อี้ส่ายศีรษะและพูดขึ้นมา เพราะว่าในตอนนี้พลังแห่งจิตใจของเขาใกล้จะหมดลงแล้วดังนั้นเขาจึงรู้สึกวิงเวียนศีรษะเป็นอย่างยิ่ง ในศีรษะของเขาเหมือนกับมีเสียงพึมพำมากมาย

เมื่อปราศจากพลังแห่งจิตใจก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเอาชนะหญิงชราคนนั้น และเนี่ยนหนิวเอ้อร์เพียงคนเดียวก็คงยากมากที่จะเอาชนะหญิงชราคนนั้นได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือใช้ประโยชน์จากการที่หญิงชราคนนั้นรู้สึกกลัวจนหนีไป พวกเขาควรจะรีบออกจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด ส่วนซูจินหลุนนั้น มู่อี้ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้อย่างแน่นอน แต่เขาจะอยู่ที่ใดนั้นมู่อี้รู้สึกได้ว่ามีคำตอบในใจของเขาอยู่แล้ว. .

สำหรับหญิงชราที่หนีไปก่อนหน้านี้มู่อี้เชื่อว่านางจะกลับมาแน่นอน แต่มู่อี้ก็ไม่ได้รู้สึกกลัวนางเลยแม้แต่น้อย ตราบใดที่เขาได้ฟื้นฟูพลังแห่งจิตใจของตนเองกลับมาเขาเชื่อว่าจะสามารถเอาชนะหญิงชราได้อย่างง่ายดาย

และก่อนจะจากที่นี่ไปมู่อี้ก็ไม่ลืมที่จะหยิบไม้เท้าของหญิงชราไปด้วย

Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป

Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป

Status: Ongoing

โลกใบนี้ที่แสนโกลาหลวุ่นวายแต่ก็ถือว่ามีความสุขได้ถูกทำลายลงไปแล้ว ข้าเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่งเท่านั้น

หากไม่ใช่เพราะท่านปู่ชีวิตของข้าคงจบสิ้นไปตั้งนานแล้ว แม้ว่าข้าจะต้องเข้าสู่ลัทธิเต๋า แม้ว่าข้าจะต้องอดมื้อกินมื้อ

แม้ว่าข้าจะต้องเดินทางไปยังที่ต่างๆอยู่เสมอ แต่เมื่ออยู่กับท่านปู่ข้าก็รู้สึกมีความสุขอย่างแท้จริง ข้าเคยได้ฟังเรื่องราวของกองทัพวิญญาณ

ผีดิบที่น่าสะพรึงกลัว และความชั่วร้ายในจิตใจของมนุษย์ แต่สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงแค่ชีวิตที่สงบสุขเท่านั้น เหตุใดสวรรค์ถึงไม่เคยเมตตาข้าเลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท