Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป – ตอนที่ 134

ตอนที่ 134

ตอนที่ 134 ท่านแพ้แล้ว

ตัวตนของมู่อี้นั้นดูลึกลับ อย่างน้อยก็สําหรับชวีหยาง บวกกับความแข็งแกร่งของเขาทําให้ชว์หยางต้องยิ่งคิดมากยิ่งขึ้นไปอีก

เส้นทางบรรพกาลแห่งแม่น้ําเหลืองไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับสําหรับบางคน ดังนั้นเมื่อเขาสามารถรู้ได้ว่าพ่อค้าสมุนไพรคนนี้มีกุญแจในครอบครอง คนอื่นๆก็อาจจะทราบเรื่องนี้ได้ด้วยเช่นกันซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมเขาถึงไม่ออกมาปล้นชิงด้วยตนเองตั้งแต่แรก

หนึ่งในเหตุผลนั้นก็คือเขายังรู้สึกสงสัยและไม่อยากให้คนจํานวนมากได้ทราบเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าหากมีคนรู้ว่ากุญแจอยู่ในมือของเขาแม้แต่ชวี่ยจวงที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ไม่อาจหยุดดั้งศัตรูที่เข้ามาได้แน่นอน ดังนั้นเขาจึงทําเรื่องนี้อย่างรัดกุมและเลือกที่จะสังหารพ่อค้าสมุนไพรเป็นคนแรก

เหตุผลอีกข้อหนึ่งนั่นก็คือเพื่อตรวจสอบดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครทราบข่าวเรื่องนี้นอกจากเขา ถ้า หากว่ามีเขาจะได้กําจัดออกไปทั้งหมดในครั้งเดียว บางทีเขาอาจจะได้รับกุญแจจากคนเหล่านั้นเพิ่มขึ้นด้วย หรือแม้ว่าจะไม่มีใครที่รู้เรื่องนี้เขาก็ถือว่าเสียเวลาไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

การที่คนที่แข็งแกร่งอย่างม่อี้อยู่ที่นี่ด้วยนั้น ชวีหยางคิดว่าเขาคือผู้ที่น่าสงสัยมากที่สุด

เปยหมิงซ่อนตัวอยู่ในรถม้าตลอดเวลาเพื่อจับตามองมู่อื้อยู่เสมอ เขาไม่คิดเลยว่ามู่อี้ไม่เปิดเผยพลังใดๆออกมาเลยในระหว่างเดินทาง

จนท้ายที่สุดชวีหยางก็เริ่มการทดสอบที่เขาได้วางแผนเอาไว้ เริ่มจากการปะทะกับผีดิบในคืนแรก จากนั้นก็กลุ่มโจรขี่ม้า จนสุดท้ายก็ค่ําคืนนี้ เป้าหมายของเขาก็มีเพียงแค่การทดสอบว่ามู่อี้ทราบเรื่องเส้นทางบรรพกาลแห่งแม่น้ําเหลืองและรู้ว่ากุญแจอยู่ที่นี่หรือไม่เท่านั้น

แม้ว่าในระหว่างการตรวจสอบนั้นจะมีเรื่องที่ชวีหยางไม่คาดคิดเกิดขึ้น แต่อย่างน้อยเขาก็ยังเอาชนะมาได้และได้ทราบเรื่องที่ตัวเองต้องการ

หลังจากคิดขึ้นมาเช่นนี้อี้ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอีกต่อไปและเขาก็ยังรู้สึกชื่นชมชวีหยาง ในยุทธภพแห่งนี้ผู้ที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองได้นั้นย่อมไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วยอย่างแน่นอน

แต่แม้ว่าเป้าหมายของชวีหยางจะสําเร็จตามที่เขาต้องการ เป้าหมายของมู่อี้ก็สําเร็จตามที่ต้องการด้วยเช่นกัน สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ก็คือการถ่วงเวลาให้มากที่สุด

“ขอบคุณที่ท่านบอกเรื่องนี้กับข้า” มู่ลี้ยิ้มให้ชวีหยาง

เมื่อได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของมู่ลี้ ชวีหยางก็รู้สึกตกตะลึงขึ้นมาทันทีจากนั้นเขาก็รีบใช้มือของตนเองพุ่งเข้าไปคว้าร่างกายของมู่อี้เอาไว้อย่างรวดเร็ว

ในช่วงเวลาที่วิกฤตนี้ม่อี้ปิดตาของเขาลงทันที

“เปลวเพลิง!”

ปากมู่อี้กระซิบออกมาเบาๆและจากนั้นชวีหยางก็เห็นว่าทั่วร่างกายของมู่อี้มีเปลวเพลิงที่ระเบิดออกมาทันทีจนทําให้พื้นที่โดยรอบสว่างขึ้นมา

“อะไรกัน!”

ฝ่ามือของชวีหยางทุ่งฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปทันทีโดยไม่มีความหวาดกลัว แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะถอยกลับมาแล้วแต่เปลวเพลิงก็ยังลามขึ้น มาบนแขนของเขาและกําลังลามต่อไปยังร่างกายของเขา

“เปยหมิง!”

ในตอนที่เขาถอยออกมานั้นชวีหยางก็ตะโกนออกมาทันทีและจากนั้นหญิงสาวที่สวมหน้ากากก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างๆเขาทันที แขนขวาของเขาที่มีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ในตอนนี้ถูกตัดออกมาตั้งแต่บริเวณหัวไหล่

เปยหมิงรีบเข้ามาช่วยเหลือชวีหยางทันที ดวงตาทั้งสองข้างของนางจ้องมองมาที่แขนที่ถูกตัดออกมาของชวีหยาง เปลวเพลิงยังคงลุกไหม้บนแขนข้างนั้นอย่างรวดเร็วและแขนของเขาก็ถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้าต่อหน้าทั้งสองคน

เมื่อเห็นเช่นนี้ชวีหยางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก โชคดีที่เขาตัดสินใจได้ทันเวลาและสั่งให้เปยหมิงตัดแขนของตนเองออกมา ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าหากเขาลังเลและเสียเวลาไปมากกว่านี้สิ่งที่เขาต้องสูญเสียอาจไม่ใช่แค่แขนข้างเดียว

เปลวเพลิงนี้เกิดขึ้นมาอย่างแปลกประหลาดจนชวีหยางต้องรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

แต่หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังมู่อี้ที่ยังคงมีเปลวเพลิงของหุ้มร่างกายอยู่ เขาเองก็เกือบจะตายเพราะเปลวไฟที่เกิดขึ้นนี้และคิดว่ามู่อี้ไม่มีทางรอดไปได้แน่นอน

แต่หลังจากนั้นดวงตาของเขาที่จ้องมองมู่อื้อยู่นั้นก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมาทันที เขาคิดว่ามู่อี้ไม่มีทางรอดไปได้ แต่ความจริงแล้วเปลวไฟบนร่างกายของมู่อี้ค่อยๆดับหายไปและร่างกายของมู่อีกดูสมบูรณ์ไม่มีการบาดเจ็บแม้แต่น้อย ไม่ใช่แค่ไม่ตายเท่านั้นแม้แต่อาการบาดเจ็บก็ยังไม่มี..

ในตอนที่ชวีหยางกําลังลังเลว่าจะโจมตีอีกครั้งดีหรือไม่ เขาก็เห็นว่ามู่ลี้ลืมตาขึ้นมา เมื่อจ้องมองเข้าไปในดวงตาของมู่อื่นั้นชวีหยางรู้สึกราวกับว่าเขาได้เห็นเงาของตะเกียงทองแด งค่อยๆสลายหายไปช้าๆ ในตอนที่เขากําลังจะขยับตัวนั้นร่างกายของเขาก็หยุดนิ่งไปทันที

มู่ยิ้มองมาที่ชวีหยางด้วยสีหน้าสงบนิ่งและพูดขึ้นมา 3 พยางค์ว่า “ท่านแพ้แล้ว!”

ใช่ เขาแพ้แล้ว!

อย่างน้อยที่สุดถ้าดูจากปัจจัยภายนอกก็เป็นแบบนั้น

แขนข้างหนึ่งของเปยหมิงบาดเจ็บจนไม่อาจใช้การได้ ชวีหยางก็ต้องสูญเสียแขนไปข้างหนึ่งและยังเป็นแขนขวาที่สําคัญอีกด้วย เปลวเพลิงที่เกิดขึ้นนี้ไม่เพียงแต่ทําลายแขนขวาของเขาไปเท่านั้นแต่มันยังสร้างความเสียหายต่อจิตวิญญาณของเขาอีกด้วย ดังนั้นการเคลื่อนไหวของเขาในตอนนี้จึงถูกหยุดนิ่งไปทันที

พูดได้เลยว่าพลังของชวีหยางในตอนนี้หายไป 70-80 เปอร์เซ็นต์และแม้ว่าจะมีเปยหมิงที่คอยช่วยเหลือเขาก็ยังไม่อาจเอาชนะมูอี้ได้ ดังนั้นหลังจากมู่อี้พูดขึ้นมาเช่นนี้ชวีหยางก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ครั้งนี้เขาได้ทําอะไรผิดไปหรือไม่? อย่างน้อยที่สุดตัวเขาเองก็คิดว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน การสถานการณ์ก่อนหน้านี้เขาเป็นฝ่ายที่ถือไพ่เหนือกว่า จึงเป็นเรื่องปกติสําหรับเขาที่จะต้องทดสอบมู่อี้ดูก่อนและมันยังเป็นวิธีที่ถูกต้องด้วยซ้ํา

แต่ใครจะคิดกันว่ามู่อี้สามารถพลิกกลับมาเอาชนะได้ในช่วงเวลาสั้นๆและไพ่ในมือที่มู่อี้ถือมาตลอดนั้นก็เหนือกว่าเขา ดังนั้นการตัดสินใจก่อนหน้านี้ของเขาไม่ใช่เรื่องที่ผิดเลย

“ใช่ ข้าแพ้แล้ว” ชวีหยางไม่ใช่คนที่จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แม้ว่าเขาจะต้องสูญเสียแขนขวาของตนเองไปแต่สําหรับผู้ที่ศึกษาในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับผีดิบอย่างเขาแล้วก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากนัก

“ข้าขอฝากกุญแจดอกนี้เอาไว้กับเจ้าก่อน แล้ววันหนึ่งข้าจะมาเอาคืนด้วยตนเอง” หลังจากพูดจบชวีหยางและเปยหมิงก็หายตัวไปทันที

มู่อี้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่ได้หยุดอีกฝ่ายเอาไว้ เขารีบออกมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทันที

การต่อสู้ของคนอื่นๆในตอนนี้นั้นดุเดือดมากยิ่งขึ้นและโม่หรูเยียนก็ไม่อยู่ในสภาพที่ดีนักเส้นผมของนางกระจัดกระจายและชุดเกราะสีดําบนร่างกายของนางก็มีหลายส่วนที่เสียหาย ใบหน้าของนางเริ่มดูซีดเซียวและมุมปากของนางก็มีคราบเลือดที่เห็นได้อย่างชัดเจน

ส่วนผีดิบที่ต่อสู้อยู่กับนางในตอนนี้ก็ไม่ได้มีสภาพที่ดีกว่านางเลย แต่เพราะว่ามันเป็นผีดิบจึงไม่มีความเจ็บปวดไม่มีสติปัญญา และไม่หวาดกลัวต่อความตาย ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ถือว่าโม่หรูเยียนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

แฝดผีแห่งเหอเจี้ยน เหยาไค กําลังหนีตาหนิวที่ไล่ตามมาในตอนนี้และตรงพื้นดินที่ห่างออกไปไม่ไกลนั้นมีร่างหนึ่งที่กลายเป็นศพขาดครึ่งตัวนอนอยู่บนพื้นและคราบเลือดก็กระจัดกระจายไปทั่ว เห็นได้ชัดว่ามันคือศพของ เหยาฟาง ร่างกายของเขาถูกขวานยักษ์ในมือของต้าหนิวสับจนกลายเป็น 2 ส่วน แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ดวงตาของเขาก็ยังเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

แม้ว่าเหยาไคจะพยายามโจมตีสวนกลับตาหนิวอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ทําได้เพียงสร้างรอยแผลจางๆที่ไม่เจ็บไม่คันให้กับตาหนิวเท่านั้น เขาไม่สามารถทําอะไรต้าหนิวได้เลยจุดจบของเขาต้อง มาถึงแน่นอนในไม่ช้าก็เร็ว

ท่านลุงไฉและผู้คุ้มกันคนอื่นๆต่างก็รับมือกับผีดิบเป็นจํานวนมากอยู่และดูเหมือนว่าพวกเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบในตอนนี้ แต่คนที่ยังสามารถต่อสู้ได้นั้นก็เหลืออยู่ไม่ถึง 10 คนเท่านั้นและคนที่เหลือต่างก็นอนอยู่บนพื้นรอบๆพื้นที่บริเวณนี้

บางคนเสียชีวิตไปแล้วและบางคนบาดเจ็บสาหัส แต่ถ้าหากไม่มีใครช่วยรักษาพิษผีดิบให้พวกเขาอีกไม่นานพวกเขาคงต้องตายแน่นอน

มู่ยิ้มองสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้อย่างรวดเร็วและเขาก็เริ่มลงมือโดยไม่ลังเลทันที

Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป

Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป

Status: Ongoing

โลกใบนี้ที่แสนโกลาหลวุ่นวายแต่ก็ถือว่ามีความสุขได้ถูกทำลายลงไปแล้ว ข้าเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่งเท่านั้น

หากไม่ใช่เพราะท่านปู่ชีวิตของข้าคงจบสิ้นไปตั้งนานแล้ว แม้ว่าข้าจะต้องเข้าสู่ลัทธิเต๋า แม้ว่าข้าจะต้องอดมื้อกินมื้อ

แม้ว่าข้าจะต้องเดินทางไปยังที่ต่างๆอยู่เสมอ แต่เมื่ออยู่กับท่านปู่ข้าก็รู้สึกมีความสุขอย่างแท้จริง ข้าเคยได้ฟังเรื่องราวของกองทัพวิญญาณ

ผีดิบที่น่าสะพรึงกลัว และความชั่วร้ายในจิตใจของมนุษย์ แต่สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงแค่ชีวิตที่สงบสุขเท่านั้น เหตุใดสวรรค์ถึงไม่เคยเมตตาข้าเลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท