ตอนที่ 12 สมบัติจากผู้อาวุโส 1
หลังได้รับแหวนมิติ ใบหน้าเปาเอ๋อเผยรอยยิ้มเล็กน้อย กระนั้นนางก็ยังครุ่นคิดพลางหันไปมองบรรดาศิษย์นอก ท่าทีของนางเย็นชืดก่อนจะกล่าว “เหอะ เปาเอ๋อไม่ใช่คนไร้เหตุผล พวกมันตั้งใจไม่ส่งมอบหินพลังปราณให้ ทั้งยังมีเจตนาสังหารปิดปาก ศิษย์เช่นนี้ถือเป็นความเสื่อมเสีย ทั้งยังไร้ค่ายิ่งกว่าผู้ใช้แรงงานตัวจ้อยเป็นไหน!”
“กล่าวได้ถูกต้องแล้ว!” บรรดาผู้อาวุโสรีบพยักหน้ารับพร้อมกล่าวเสียงเบา “เช่นนั้น… เช่นนั้นแล้วเปาเอ๋อพอจะปล่อยเรื่องราวนี้ไปได้หรือไม่?” เหตุผลที่พวกเขารวบรวมหินพลังปราณมา ก็เพื่อทำให้เปาเอ๋อสงบใจพอจะถอนคำพูดกลับคืนได้ เพราะพวกเขาไม่อาจแตะต้องยอดเขาผู้ใช้ยันต์
“ไม่ ข้าจะกลับไปรายงานท่านปู่เพื่อทวงความเป็นธรรม พวกเจ้าจบสิ้นแล้ว!” เปาเอ๋อมองไปยังบรรดาผู้อาวุโสพร้อมลั่นวาจาหนักแน่น นางไม่เคยถูกกลั่นแกล้งมาตั้งแต่เล็ก เมื่อบรรดาศิษย์นอกคิดสังหารเพื่อปกปิดความลับ นางเองไม่อาจกลืนความเจ็บปวดนี้ลงได้
เมื่อได้ทราบเจตนาเปาเอ๋อ พวกเขาต่างใบหน้ากระตุกพร้อมกล่าวในใจ ไฉนจึงยังต้องมากเรื่อง? รับหินพลังปราณไปแล้วแต่กลับไม่ยอมปล่อยวาง? นี่คือรังแกพวกเราหรือ?
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสหันหน้าไปยังหยางเย่ที่ยืนข้างเปาเอ๋อ คิดลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนจะเดินเข้าไปหา เขาตบไหล่หยางเย่ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคงเป็นหยางเย่? ฉายแวววีรบุรุษตั้งแต่ยังหนุ่ม เจ้าเอาชนะต้วนจวินที่อยู่ระดับแปดขั้นปราณมนุษย์ได้ ช่างวิเศษอย่างแท้จริง…”
หยางเย่เกิดท่าทีประหลาดเล็กน้อย เพราะจดจำผู้อาวุโสท่านนี้ได้ดี เขามีนามว่าเฟิงอวี่ เป็นผู้ที่มีอำนาจอย่างมากในสำนักนอก ครั้งก่อนผู้เรียกหยางเย่ว่าขยะอันดับหนึ่งก็คือพวกเขานั่นเอง ทั้งยังเหยียดหยามผู้อาวุโสเชียนว่าหูตาฝ้าฟาง แต่บัดนี้กลับหันมายกย่องหยางเย่แทน
หยางเย่หันไปมองเปาเอ๋อพร้อมความรู้สึกสงสัยในตัวตนนาง เขาทราบว่าที่ผู้อาวุโสยกย่องในยามนี้เพราะต้องการให้ช่วยเกลี้ยกล่อมเปาเอ๋อ แต่หยางเย่ไม่ต้องการเกลี้ยกล่อมให้โดยง่าย เขาตั้งใจให้เปาเอ๋อทรมานคนพวกนี้ก่อน
“แน่นอน ดูสิว่าสหายเปาเอ๋อเป็นผู้ใด” เปาเอ๋อเดินไปยังด้านข้างหยางเย่พร้อมพยักหน้าให้ชายแก่ “เจ้าเฒ่า นอกจากจะน่ารังเกียจแล้ว พวกเจ้ายังประเมินความสามารถผู้คนต่ำต้อยอีก ผู้ใช้แรงงานตัวจ้อยมีความสามารถที่ร้ายกาจ บรรดาศิษย์ของเจ้าล้วนโง่เขลา เพราะไม่เชื่อว่าเขาจะเอาชนะได้ ช่างโง่เง่าสิ้นดี!”
มันได้ผล!
นอกผู้อาวุโสเชียน บรรดาผู้อาวุโสอื่นหันไปจ้องตากัน บังเกิดประกายความหวังในใจพวกเขา “ถูกของเจ้า ถูกของเจ้า เขาคืออัจฉริยะผู้ที่เอาชนะระดับแปดของขั้นปราณมนุษย์ได้ เขาคืออัจฉริยะ อัจฉริยะที่แท้จริง!”
“เฟิงอวี่ ครั้งข้านำขยะอันดับหนึ่งมาสำนักดาบราชัน เจ้าไม่ใช่หรือที่บอกว่าข้าสายตาฝ้าฟาง? หยางเย่ไปเป็นอัจฉริยะในสายตาเจ้าเมื่อใดกัน?” ยามนี้ผู้อาวุโสเชียนเผยวาจาเย้ยหยันสวนกลับ เขายังจดจำท่าทีของบรรดาผู้อาวุโสครั้งหยางเย่ไม่อาจบรรลุพลังปราณลึกล้ำได้ จนกระทั่งถึงตอนนี้ อีกฝ่ายก็ยังหยามเหยียดต่อเขามาโดยตลอด บัดนี้คือโอกาสตบหน้าล้างหน้า เขาจะไม่มีทางปล่อยหลุดมือไปโดยง่าย
ใจพวกเขาเกิดอาการผวาขึ้นเมื่อได้ยินผู้อาวุโสเชียนกล่าว เฟิงอวี่มองไปยังหยางเย่ “เจ้า เจ้าคือหยางเย่คนนั้นหรือ? หยางเย่ที่ไม่สามารถบรรลุเป็นผู้ใช้พลังปราณล้ำลึกได้เมื่อปีก่อน?”
หยางเย่พยักหน้า
เมื่อเห็นหยางเย่พยักหหน้า ท่าทางพวกเขาไม่เป็นธรรมชาติอีกต่อไป ยามนั้นผู้อาวุโสกล่าวคำเหยียดยามจริงอย่างปฏิเสธไม่ได้ เป็นเรื่องปกติที่บรรดาผู้อาวุโสนอกสำนักจะทะเลาะกันเองอยู่บ่อยครั้ง หากหยางเย่ไม่ใช่สหายเปาเอ๋อ แม้เขาจะบรรลุระดับหกขั้นปราณมนุษย์ก็ยังคงไม่อยู่ในสายตา แต่ขยะอันดับหนึ่งกลับเป็นสหายของนางมาน้อยตอนนี้ ทั้งยังเป็นผู้ที่มีโอกาสทำให้นางมารน้อยถอนคำพูดได้มากที่สุด!
บรรดาผู้อาวุโสเกิดการขัดแย้งกัน ควรร้องขอความเมตตาหรือ? พวกเขาไม่อาจลดตัวลงไปและยอมเสียหน้าได้ ไม่ร้องขอความเมตตาหรือ? หากนางมารน้อยกลับไปบอกเจ้ามารเฒ่าจริง สำนักนอกคงจบสิ้น
“ตาเฒ่า เจ้าว่าหยางเย่คือขยะอันดับหนึ่งอย่างงั้นหรือ?” เปาเอ๋อมองไปยังเฟิงอวี่ด้วยท่าทีเกลียดชัง นางแค่กล่าวว่าบรรดาชายชราประเมินผู้คนต่ำต้อย แต่ไม่คาดคิดว่าตาเฒ่าพวกนี้จะเหยียดหยางเย่ว่าขยะอันดับหนึ่ง พลังปราณที่แข็งแกร่งที่สุดในพลังปราณห้าธาตุ พลังปราณทองคำอย่างนั้นหรือที่เป็นขยะ เช่นนั้นพลังปราณไม้ของนางเล่า? เปาเอ๋อค่อนข้างโกรธมากขึ้น
เฟิงอวี่เผยยิ้มกระดากใจ “ไม่หรอก เป็นพวกเราในอดีตที่ดวงตามืดบอด ขออภัยแก่พวกเราในเรื่องนี้…”
“พี่เชียน อภัยให้ข้าด้วย แม้ปกติพวกเราจะบาดหมางกันบ่อยครั้ง แต่ได้โปรดอย่าเอาเรื่องกันเลย ได้หรือไม่? ฮ่าฮ่า…”
“ถูกแล้ว หยางเย่เข้าสู่ระดับหกขั้นปราณมนุษย์ในเวลาอันสั้น เรียกว่าเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง มันคือพวกเราเองที่ตาบอด ได้โปรดอย่าไปนึกถึงมันอีกเลย”
“พี่เชียน หยางเย่ถือว่าเป็นศิษย์ของท่าน และยังเป็นสหายของเปาเอ๋อ ท้ายที่สุดพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า!!”
“ใช่แล้ว พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน ก่อนนี้พวกเราเข้าใจผิดไปเอง มันเป็นเพียงการเข้าใจผิด! ฮ่าฮ่า!”
มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่บรรดาผู้อาวุโสจะกล่าวขอโทษศิษย์ใช้แรงงาน พวกเขาไม่สามารถลดตัวลงไปได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงกล่าวขอโทษผู้อาวุโสเชียน
ได้เห็นบรรดาผู้อาวุโสกล่าวขอโทษยกใหญ่ หยางเย่ค่อนข้างขบขัน กระนั้นก็ไม่ได้รู้สึกพอใจอะไร เขาทราบดี ผู้อาวุโสเหล่านี้เพียงขอโทษก็เพราะเปาเอ๋อ ไม่เช่นนั้น ต่อให้เป็นระดับแปดขั้นปราณมนุษย์ เขาก็ไม่มีทางอยู่ในสายตาของผู้อาวุโสเหล่านี้
หากต้องการให้บรรดาผู้อาวุโสมองเขาใหม่และรับรู้ว่าตนเองตาบอดจริงในอดีต เขาจำต้องผ่านการทดสอบของสำนักนอกและแสดงฝีมือตนเองพิสูจน์!