มหากาพย์ดาบเทวะ! – ตอนที่ 7.2

ตอนที่ 7.2

ตอนที่ 7 อันดับของศิษย์นอกสำนัก 2

การจัดอันดับความแข็งแกร่งถูกจัดโดยบรรดาศิษย์นอกสำนักดาบราชัน มีศิษย์นับพันพร้อมผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากในหมู่พวกเขา คาดว่าความแข็งแกร่งของเหล่าศิษย์สิบอันดับสูงสุดสามารถเทียบเท่ากับบรรดาผู้อาวุโสนอกสำนัก ดังนั้น หลิวชิงอวี่ที่สามารถอยู่อันดับยี่สิบเก้าเพียงเวลาอันสั้น มันแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและพรสวรรค์โดยธรรมชาติของเขา

“อย่างกังวลไปเลย ข้าจะไปยังเมืองทักษิณภิรมณ์เอง!” อาวุโสเชียนกล่าว “ตอนนี้หลิวชิงอวี่ยังไม่ได้เป็นศิษย์ในสำนัก ตระกูลหลิวยังคงเห็นแก่หน้าข้า แต่หากหลิวชิงอวี่ผ่านการทดสอบศิษย์ภายในที่จะเริ่มในอีกสามเดือน เวลานั้น พวกตระกูลหลิวคงไม่เกรงกลัวข้าอีกต่อไป”

หยางเย่คำนับผู้อาวุโสเชียนเมื่อได้ยิน “ขอบคุณผู้อาวุโสเชียน” หยางเย่ทราบว่าเมื่อหลิวชิงอวี่กลายเป็นศิษย์ในสำนัก อำนาจของผู้อาวุโสนอกสำนักจะไม่สามารถยับยั้งเขาได้อีก เมื่อถึงตอนนั้น ด้วยทรัพยากรในการบ่มเพาะพลังของศิษย์ในสำนัก ความแข็งแกร่งของหลิวชิงอวี่จะพัฒนาขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกตระกูลหลิวจะขึ้นมาเหยียบย่ำในเมืองทักษิณภิรมณ์แน่นอน!

หากต้องการให้ตระกูลหลิวเกรงกลัว เขาจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งและโดดเด่นยิ่งกว่าหลิวชิงอวี่ กล่าวคือ เขามีเวลาเพียงสามเดือนจากนี้ หากไม่สามารถก้าวข้ามหลิวชิงอวี่ภายในสามเดือน สถานะของมารดาและน้องสาวคงอันตรายอย่างยิ่ง

“เด็กน้อย ตั้งแต่หลิวชิงอวี่เข้าสู่อันดับยี่สิบเก้าของสำนักนอก มันเท่ากับเขาบรรลุสู่ระดับหนึ่งขั้นปราณสวรรค์แล้ว เจ้าต้องฝึกให้หนักขึ้นไปอีก ไม่งั้นอย่าหวังจะปกป้องครอบครัวเจ้าจากปัญหาได้ แค่ชีวิตเจ้าก็ยากจะปกป้องแล้ว” ผู้อาวุโสเชียนกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ระดับหนึ่งขั้นปราณสวรรค์!

หยางเย่รู้สึกอึดอัดใจพร้อมกำหมัดแน่น มันเป็นความรู้พื้นฐานที่ขั้นก่อนพลังปราณสวรรค์คือขั้นปราณมนุษย์ มันถูกแบ่งเป็นเก้าระดับในขั้นปราณมนุษย์และระดับแรกของขั้นปราณสวรรค์คือระดับเก้าของขั้นปราณมนุษย์ มันมีช่องว่างมหาศาลระหว่างระดับยอดฝีมือขั้นปราณมนุษย์กับขั้นปราณสวรรค์ระดับแรก เพราะว่าแม้ทุกอย่างจะดูไม่มีสิ่งใดมากมาย แต่โล่พลังปราณของปราณสวรรค์ระดับแรก ไม่ใช่สิ่งที่ยอดฝีมือขั้นปราณมนุษย์จะบรรลุได้โดยง่าย

“ระดับหนึ่งขั้นปราณสวรรค์ ดูเหมือนข้าจะต้องฝึกเลือดตาแทบกระเด็น!” หยางเย่กำมือแน่นด้วยท่าทีที่ดูหนักแน่นมั่นคง

ผู้อาวุโสเชียนพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นหยางเย่ไม่เกรงกลัวระดับแรกขั้นปราณสวรรค์ นอกจากความภักดีต่อผู้ที่เขาเคารพ เหตุผลที่ให้หยางเย่เป็นศิษย์อันดับหนึ่งก็เพราะหยางเย่มีความหนักแน่นโดยธรรมชาติ นอกเหนือจากความแข็งแกร่งและพรสวรรค์โดยธรรมชาติแล้ว จำต้องมีความหนักแน่นอย่างหยางเย่

เป็นเวลาดึกดื่นหลังจากกล่าวลาผู้อาวุโสเชียน หยางเย่ยังไม่เข้าไปฝึกในหุบเขาวายุเหมันต์ แต่กลับไปยังห้องก่อนจะนำวิชาปลุกยันต์ห้าธาตุออกมาศึกษา หากเขาสามารถสร้างยันต์ได้ มันจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาอย่างมาก เพราะผลของยันต์เหล่านั้นไม่่ใช่ธรรมดา

เมื่อมองไปยังบทนำของบรรดายันต์ในวิชาปลุกยันต์ห้าธาตุ หยางเย่รู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีก เพราะผลของยันต์บางชนิดนั้นร้ายกาจเกินไป

ยกตัวอย่างเช่น ยันต์ที่เรียกว่ายันต์รวมวิญญาณ มันสามารถทำให้ผู้อื่นดูดกลืนพลังปราณล้ำลึกได้อย่างรวดเร็ว แม้จะใช้ได้เพียงสองชั่วยามมันก็ยังทรงพลังอย่างยิ่ง ยิ่งกว่านั้นยังมียันต์เพิ่มความแข็งแกร่ง ที่สามารถเพิ่มได้ถึงสองหรือสามเท่าในเวลาหนึ่งชั่วยาม และยังมีมากกว่านั้น…

ศึกษาอยู่ครู่หนึ่ง หยางเย่ไม่อาจข่มใจตัวเองได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจสร้างยันต์ขึ้นมา ทว่าก็ไม่ได้เลือกยันต์ที่ยากเกินตัว ที่เลือก คือยันต์เสริมพลัง

เขาไตร่ตรองไว้อย่างดี เมื่อได้เริ่มสร้างยันต์ มันดูไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่หยางเย่ก็ไม่ย่อท้อและยังพยายามต่อไปอย่างหนัก

ไม่กี่วันต่อมา เนื่องจากอำนาจของผู้อาวุโสเชียน ผู้จัดการคนใหม่แห่งยอดเขาแรงงานปกครองอย่างชาญฉลาด และไม่ได้ให้งานใดแก่หยางเย่ ดังนั้นหยางเย่จึงใช้เวลาทั้งหมดบ่มเพาะพลังอย่างหนัก และศึกษายันต์อยู่ในหุบเขาวายุเหมันต์

ขณะที่หยางเย่กำลังศึกษาวิชาปลุกยันต์ห้าธาตุภายในห้อง ศิษย์ใช้แรงงานคนหนึ่งเข้ามาหา ศิษย์ผู้นี้กล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม “พี่ใหญ่หยาง ข้ามีเรื่องต้องแจ้งให้ทราบ!” < “มีเรื่องอะไร?” หยางเย่งงงวยเนื่องจากไม่รู้จักชายผู้นี้มาก่อน ตู่ชือและพรรคพวกจะถูกกำจัดไปแล้ว เหล่าศิษย์แรงงานต่างปฏิบัติกับเขาอย่างเป็นมิตร แต่ก็ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ใดกับศิษย์ผู้อื่นมาก่อน เมื่อได้ยินหยางเย่กล่าว ศิษย์ใช้แรงงานดูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “พี่ใหญ่หยาง ดูเหมือนญาติผู้พี่ของตู่ชือจะกลับมาแล้ว” เพราะหยางเย่ บรรดาศิษย์ในยอดเขาแรงงานจึงไม่ต้องทรมานกับการถูกตู่ชือกดขี่ ดังนั้น บรรดาศิษย์แรงงานจึงปรารถนาดีต่อหยางเย่ พวกเขาไม่ต้องการให้หยางเย่ปวดหัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง “ญาติผู้พี่ของตู่ชือ?” หยางเย่ขมวดคิ้ว เขาทราบดี ญาติผู้พี่ตู่ชือคือศิษย์นอกสำนัก “เป็นไปได้หรือไม่ที่มันจะมาสร้างปัญหาให้ข้า?” ศิษย์แรงงานพยักหน้า “พี่ใหญ่หยาง บรรดาศิษย์วานให้ข้ามาบอกท่าน ญาติผู้พี่ของตู่ชือเข้าสู่ระดับแปดของขั้นปราณมนุษย์แล้ว หากเขาทราบว่าตู่ชือและพวกถูกส่งไปยังขุนเขาแร่ดวงดาวเพราะท่าน เขาคงไม่นิ่งเฉยและต้องมาสร้างปัญหาให้ท่านเป็นแน่ ท่านต้องเตรียมตัวรับมือให้ดี!” “ระดับแปดขั้นปราณมนุษย์?” หยางเย่หรี่ตาเล็กน้อยพร้อมครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงหยิบห้าสิบเหรียญทองส่งให้ยังศิษย์ใช้แรงงานผู้นั้น “ขอบคุณสำหรับความตั้งใจของเจ้า ข้าจะระวังตัว นี่คือห้าสิบเหรียญทอง อย่าได้ปฏิเสธและรับเอาไว้ หากมีข่าวคราวสำคัญในภายภาคหน้า เจ้าสามารถมาแจ้งข้าได้เสมอ!” มีศิษย์นับพันในยอดเขาแรงงาน และพวกเขากระจัดกระจายไปทั่วขุนเขา เช่นนั้นจึงสามารถได้ยินหลายสิ่งหลายอย่างในหนึ่งวัน กล่าวคือ บรรดาศิษย์ใช้แรงงานเหล่านี้มีข้อมูลสำคัญมากมาย หากพวกเขากลายเป็นหูและตาให้ในตอนนี้ย่อมช่วยเขาได้อย่างมหาศาล หลังจากได้รับห้าสิบเหรียญทอง ศิษย์แรงงานกล่าวด้วยถ้อยคำตื่นเต้น “พี่ใหญ่หยางวางใจ หากมีข่าวสารใดที่เกี่ยวข้องกับท่านในอนาคต พวกเราจะแจ้งให้ท่านทราบอย่างเร็วที่สุด!” เขาออกจากห้องไปหลังกล่าวเสร็จ หลังศิษย์แรงงานออกจากห้องไปแล้ว หยางเย่หลรี่ตาลง น้ำเสียงเบากล่าวออก “ระดับแปดขั้นปราณมนุษย์ เราตอนนี้เพียงระดับสี่ คงต้องฝึกต่อเนื่องอย่างหนักแล้ว!”

มหากาพย์ดาบเทวะ!

มหากาพย์ดาบเทวะ!

Status: Ongoing

มหากาพย์ดาบเทวะ!

ครอบครัวหยางเย่เชื่อมั่นในตัวเขา ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้ด้วยดี

โชคร้ายกลับซัดกระหน่ำเข้ามาแทบไม่หยุดยั้ง

เขาจะลุกขึ้นเผชิญความลำบากนี้เพื่อปกป้องคนที่เขารักได้ยังไง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท