จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up – ตอนที่ 49

ตอนที่ 49

ตอนที่ 49 ฆ่า!
ตอนนี้เองที่เสียงของระบบได้ดังขึ้นในใจ “ขอแสดงความยินดีต่อผู้เล่น ‘ฉินเทียน’ ที่สามารถรู้แจ้งกลิ่นอายนักล่า….”
กลิ่นอายอันแข็งแกร่งของกลิ่นอายนักล่าค่อยๆกระจายออกจากร่างของฉินเทียน เขาคลายคิ้วและหลับตาลงดื่มด่ำไปกับกลิ่นอายนี้ มันทำให้เขารู้สึกสบายอย่างไม่อาจอธิบาย
มีกฏอยู่มากมายหลายประเภท เมื่อเทียบกับทักษะระดับสูงแล้ว ทั้งยังถึงขั้นเหนือกว่า เมื่อข้ามธรณีบานนั้นไปได้ คนผู้นั้นก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล
ภายในหุบเขาหมาป่า ฉินเทียนได้เข่นฆ่าตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนติดต่อกันสิบห้าวัน นั่นทำให้เขาค่อยๆขัดเกลาตัวเองขึ้จากกลิ่นอายของพวกหมาป่า หลังจากสะสมกลิ่นอายจากพวกหมาป่าแล้ว เมื่อได้รับแรงกดดันที่จ้าวอู่ตี้ปลดปล่อยออกมา มันก็ทำให้เขารู้แจ้งในที่สุด กลิ่นอายที่อยู่ลึกลงไปภายในร่างของเขาได้ทะลักออกมาเปิดธรณีแห่งการรู้แจ้งบานนั้น มันเข้าอาบไล้กระดูกและเส้นเอ็นของเขา
ทันใดนั้นที่ท้องฟ้าเหนือเวทีประลองก็ปรากฏสายวิชชุวูบวาบขึ้นภายในก้อนเมฆ
“หากข้าสามารถเอาชนะมันได้…”
ฉินเทียนพลันตะโกนออกมาขณะที่สายตาจับจ้องอยู่บนร่างของจ้าวอู่ตี้ เป็นสายสายตาที่มุ่งมั่นไร้ความลังเลใด แม้ว่าเขาจะรู้แจ้งกลิ่นอายนักล่า แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายจนยากที่ผู้อื่นจะสังเกตุออก กระทั่งจ้าวอู่ตี้ที่อยู่ในขั้นกลั่นวิญญาณระดับที่เจ็ดก็ยังไม่อาจมองออก
กระนั้นฉินเทียนกลับสามารถมองการไหลเวียนของพลังปราณภายในร่างของจ้าวอู่ตี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง การเต้นของหัวใจ การสูดลมหายใจ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนถูกเผยเพียงแค่กวาดสายตามอง
จ้าวอู่ตี้พลันหัวเราะราวกับเสียสติ เสียงหัวเราะของมันดังกึกก้องปานฟ้าร้อง แรงกดดันที่มากกว่าเดิมถาโถมเข้าใส่ฉินเทียน “เด็กน้อย ต่อให้เจ้าสามารถเอาชัยเหนือมันได้ มันก็ยังคงเป็นอันดับที่หนึ่งอยู่ดี เจ้าจะไม่ได้รับรางวัลใด”
“อา ข้ายังลืมบอกกับพวกเจ้าอีกอย่าง ข้ายังได้มอบเม็ดยาพยัคฆ์อัสนีให้กับจ้าวคงแล้ว ฮ่าฮ่า….”
นับเป็นความอหังการ์และขวัญกล้าอย่างถึงที่สุด มันได้มอบรางวัลสำหรับผู้ชนะให้กับจ้าวคงไปแล้วโดยที่การต่อสู้ยังไม่ถูกตัดสิน นี่ทำให้ทุกตระกูลในเมืองชิงเหอกระจ่างแล้วว่าตระกูลจ้าวไม่เคยเห็นพวกมันอยู่ในสายตา มันนับเป็นการหยามหยันและอัปยศอย่างถึงที่สุด
“จ้าวอู่ตี้ เจ้าเคยเห็นพวกเราสามตระกูลใหญ่อยู่ในสายตาบ้างหรือไม่?”
ทันใดนั้น แรงกดดันมหาศาลขุมหนึ่งก็พุ่งออกมาค้ำยันกับแรงกดดันของจ้าวอู่ตี้ จางไท่ชานแค่นเสียงพลางลุกขึ้นยืน ขณะที่ศิษย์ตระกูลจางต่างร่ำร้องส่งเสียงเชียร์
ขุมพลังอีกสายแผ่กระจายออก เป็นประมุขตระกูลหลิว หลิวปา
ฉินซานเทียนเองก็ลอยตัวขึ้นไปบนอากาศ
“ประเสริฐ ประเสริฐ ประเสริฐ”
จ้าวอู่ตี้กล่าวคำ ‘ประเสริฐ’ สามครั้งก่อนที่จะระเบิดโทสะออกมา “พวกเจ้าเพียงสามคนคิดว่าจะต่อกรข้าได้หรือ?”
ฉับพลันแรงกดดันของจ้าวอู่ตี้ก็พลันระเบิด วาจาของมันเต็มไปด้วยความถือดีอย่างที่สุด ไม่ไว้หน้าของประมุขตระกูลอีกสามคนแม้แต่น้อย
สิ้นเสียงของจ้าวอู่ตี้ เหล่าระมุขจากตระกูลอื่นๆก็ลอยตัวขึ้นสู่อากาศ ตามติดมาด้วยกลุ่มผู้อาวุโสทีละคนทีละคนเข้ารายล้อมจ้าวอู่ตี้เอาไว้
ไม่เพียงเท่านั้น ศิษย์ตระกูลจ้าวเองก็ถูกศิษย์จากตระกูลอื่นๆบีบวงล้อมเข้ามา
หากว่าศิษย์จากตระกูลอื่นๆไม่รวมตัวกัน พวกมันก็อาจถูกตระกูลจ้าวฆ่าล้างอย่างโหดเหี้ยมในภายภาคหน้า
ตอนนี้โทสะของจ้าวอู่ตี้พลันลุกโหมขึ้น ผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณระดับที่เจ็ดถือเป็นตัวตนอันไร้ผู้คต้านภายในเมืองชิงเหอ แต่หากต้องรับมือเหล่าประมุขตระกูลที่อยู่ในขั้นกลั่นวิญญาณ เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ในขั้นรวบรวมวิญญาณจำนวนมากแล้ว ตัวมันเองก็ยังไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์ หากว่าเกิดการต่อสู้กันจริง ต่อให้มันเป็นฝ่ายได้รับชัย ตระกูลจ้าวก็คงต้องจ่ายออกไปอย่างหนัก
เมื่อคิดถึงแผนการควบคุมเมืองชิงเหอ ความทะเยอทะยานที่ซ่อนเอาไว้ก็ผลักดันให้มันสงบใจลง ตระกูลจ้าวยังไม่พร้อมลงมือตอนนี้ ทั้งยังไม่อาจสูญเสียกำลัง ดังนั้นจ้าวอู่ตี้จึงหัวเราะออกมา มันหันไปยังฉินเทียนที่อยู่บนเวทีประลองและกล่าวว่า “หากว่าเจ้าชนะ ตำแหน่งชนะเลิศก็จะตกเป็นของเจ้า…”
การพลิกลิ้นอย่างฉับพลันของจ้าวอู่ตี้ทำให้ผู้คนมากมายไม่อาจปรับตัวได้ทัน เดิมทีพวกมันคิดว่าสงครามคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว ทว่าจ้าวอู่ตี้กลับเปลี่ยนท่าที
“ปีศาจเฒ่าตระกูลจ้าว เจ้าได้มอบเม็ดยาพยัคฆ์อัสนีและเกราะวิญญาณให้กับจ้าวคง การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีความยุติธรรมแม้แต่น้อย” ฉินซานเทียนตะโกนออกมา
“ยุติธรรม แน่นอนว่ายุติธรรม หลังจากสังหารฉินเทียนแล้ว ของรางวัลก็จะตกเป็นของตระกูลจ้าว ข้าเพียงแค่มอบรางวัลเป็นการล่วงหน้าเท่านั้น” ร่างของจ้าวอู่ตี้ไหววูบ แสงสีแดงพลันหายไปจากท้องฟ้าก่อนที่ร่างของจ้าวอู่ตี้จะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบนเก้าอี้ มันกวาดสายตามองศิษย์จากตระกูลอื่นๆที่อยุ่โดยรอบอย่างเย็นชาก่อนจะตวาดออกมา “ล้วนไสหัวไป”
แรงกดดันมหาศาลทำให้ศิษย์ทั้งหมดถอยกลับอย่างกริ่งเกรง
จ้าวอู่ตี้ไม่ใส่ใจต่อสายตาที่มองมา มันหันไปหาจ้าวคงที่อยู่บนเวที “สังหารมันซะ จากนั้นเจ้าจะเป็นผู้ชนะเลิศ ผู้อื่นจะไม่ได้ไม่กังขาว่าผู้ใดสมควรได้รับรางวัล”
ยิ่งสังหารฉินเทียนได้ไวเท่าใด อุปสรรคในการอ้างสิทธิ์ในรางวัลก็จะหายไปเร็วเท่านั้น จะไม่มีผู้ใดกล้าปริปากทวงถามอีก
จ้าวคงที่อยู่บนเวทีประลองยกยิ้มเย็นและปลดปล่อยพลังปราณออกมาอีกครั้ง
การแสดงออกของฉินเทียนยังคงเรียบเฉย เขาไม่ได้ใส่ใจต่อจ้าวคงขณะที่เดินไปยังขอบเวทีประลอง เขาชำเลืองมองจ้าวอู่ตี้ก่อนจะกล่าวถามอย่างเย็นชา “หากว่าข้าสังหารมันได้เล่า?”
น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยการยั่วยุ คล้ายกำลังเหยียดหยันจ้าวอู่ตี้ นั่นทำให้ดวงตาของจ้าวอู่ตี้ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะ
ทุกสายตาพลันจับจ้องไปยังจ้าวอู่ตี้ หากว่าฉินเทียนชนะ เช่นนั้นมันจะทำอย่างไร?
ทุกคนต่างเฝ้ารอคอยคำตอบจากปากของมัน ประมุขบางคนกระทั่งเตรียมพร้อมลงมือแล้ว
“หากว่าเจ้าชนะ แน่นอนว่าเจ้าย่อมเป็นอันดับหนึ่งของเมืองชิงเหอ เกราะวิญญาณอยู่บนร่างของมัน หากว่าเจ้าสามารถก็นำมันไปเถอะ” จ้าวอู่ตี้หัวเราะอย่างเย็นชา ไม่ว่าฉินเทียนจะแข็งแกร่งสักเพียงใด มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะจ้าวคง
ฉินเทียนแสยะยิ้ม จากนั้นจึงหันไปกล่าวยั่วยุจ้าวคง “เตรียมพร้อมแล้วหรือไม่?”
ฉินเทียนนำเม็ดยาหยางเฉิงออกมาห้าสิบห้าเม็ดก่อนจะกลืนมันลงไปทั้งหมดในครั้งเดียว ทำให้พลังปราณของเขาพลันทวีความรุนแรง เขาหันไปทางจ้าวคงก่อนจะเผยรอยยิ้มที่คล้ายกับมัจจุราชออกมา
เมื่อจ้าวคงเห็นการแสดงออกของฉินเทียน ปราณเพลิงสีชาดก็พลัันเข้มข้นขึ้น “เม็ดยาหยางเฉิง? ต่อให้มีมากมายเพียงใดมันก็ยังคงเปล่าประโยชน์”
“เช่นนั้นหรือ?” ฉินเทียนมองจ้าวคงและแค่นเสียงอย่างดูถูก “มันอาจจะไร้ประโยชน์สำหรับเจ้า หากแต่สำหรับข้ามันมีประโยชน์ยิ่ง”
ค่าพลังปราณของฉินเทียนพลันเพิ่มขึ้นมาห้าหมื่นห้าพันจุด
เขาปิดเปลือกตาลง ระบายลมหายใจออก ตอนนี้เขาสามารถสัมผัสถึงการไหลเวียนพลังปราณของจ้าวคง ตั้งแต่ที่เขารู้แจ้งกลิ่นอายนักล่า ฉินเทียนก็เหนือกว่าผู้คนระดับเดียวกันมาก กระทั่งเผชิญหน้ากับพลังปราณอันทรงพลังของจ้าวคง สีหน้าของฉินเทียนก็ยังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์
วินาทีถัดมา ฉินเทียนก็เปิดเปลือกตาขึ้นก่อนจะเปิดใช้ทักษะ “พลังมังกรพิสุทธิ์”
มีขุมพลังโบราณอันพลุ่งพล่านแผ่พุ่งออกมา มันกระทั่งยังทรงพลังกว่าครั้งก่อน มังกรและคชสารก้าวพ้นธรณีที่ปรากฏขึ้นมาจากการระเบิดของพลังปราณนั้น เมื่อว่าร่างกายของพวกมันจะยังไม่เคลื่อนไหว กระนั้นทั่วทั้งเวทีประลองก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมา
“นี่มัน…เป็นไปไม่ได้..” จ้าวคงกลายเป็นโง่งม มันสูดหายใจเข้าลึก สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนไปก่อนจะตะโกนออกมา “ตายซะ!”
ปราณเพลิงสีชาดถูกบีบรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นบอลอัคคีลูกใหญ่ มันได้รีดเค้นพลังปราณทุกหยาดหยดออกมาจนถึงขีดจำกัดเคล็ดเพลิงสีชาดแล้ว
อากาศที่ร้อนขึ้นอย่างฉับพลันทำให้ผู้คนเกิดความระส่ำระส่าย ขณะที่กลิ่นอายโบราณทำให้ผู้คนรู้สึกสันหลังเย็บวาบอย่างน่าหวาดหวั่น
ท้องฟ้าเปลี่ยนสี ธรณีสั่นสะท้าน ขุมพลังทั้งสองเข้าปะทะหักหาญกันอย่างรุนแรง ต่างฝ่ายต่างต้องการกลืนอีกฝ่ายให้สิ้นไป
การปะทะของพลังทั้งสองสายทำให้เหล่าผู้ที่มีระดับบ่มเพาะต่ำต้อยรู้สึกไม่อาจต้านทานได้ ผู้คนมากมายภายในลานกว้างเริ่มล้มหมดสติไปทีละคน
กระนั้นนี่ยังเป็นเพียงบทโหมโรง เป็นการประชันกันของพลังทั้งสอง
“เพลิงทะยานสวรรค์!”
จ้าวคงกู่ร้อง เปลวเพลิงรอบตัวของมันพลันเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นทะเลเพลิงอันไร้ผู้ต้าน จากนั้นมันจึงพุ่งเข้าหาฉินเทียน ทำให้อุณหภูมิโดยรอบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งเร็ว และรุนแรงจนคล้ายเป็นอุตกาบาตลูกหนึ่งกำโถมเข้าหา
ตึง ตึง ตึง ตึง
คชสารทรงพลังเหยียบย่ำไปข้างหน้า ห้อมล้อมด้วยพลังของมังกรสวรรค์ ขุมพลังทั้งสองรวมตัวกันจนคล้ายกลายเป็นพลังอันไร้ผู้ต้าน นี่คือ “พลังมังกรพิสุทธิ์” อันสมบูรณ์ ที่จุดตันเถียนของฉินเทียนเกิดความปั่นป่วน จนทำให้เขารู้สึกพลุ่งพล่านใจขึ้นมา…
มองจ้าวคงที่พุ่งเข้าหาด้วยความเร็วแล้ว ฉินเทียนก็ตะโกนออกมา “ตาย!”
เขาก้าวขึ้นหน้าก่อนจะต่อยหมัดทั้งสองออกไป
ครืนนนนนน
ท่ามกลางหมู่เมฆบนฟ้าพลันปรากฏสายฟ้าเส้นหนาผ่าฟาดลงมา เป็นอำนาจที่คล้ายจะสามารถสั่นสะเทือนสวรรค์ เป็นพลังที่ราวกับจะสามารถกำราบทุกสรรพสิ่ง เป็นพลังอันไร้ผู้ต่อกร!
โครมมมมม
พื้นปฐพีถูกเปลี่ยนเป็นผุยผง อากาศอันเยือกเย็นไหลเข้าปกคลุม
กระแสลมอันรุนแรงพัดพาฝุ่นผงจากไป เผยให้เห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยโลหิตของจ้าวคง ที่หน้าอกของมันเกิดรอยแยกขึ้นหนึ่งสาย เกราะวิญญาณแตกกระจายอยู่บนพื้น มันยืนนิ่งไม่ไหวติง สายตาอันเลื่อยลอยของมันจับจ้องอยู่ที่ฉินเทียน โลหิตยังคงไหลรินออกจากมุมปากอย่างต่อเนื่อง มันคล้ายต้องการกล่าววาจา หากแต่ไม่อาจกระทำ
ฉินเทียนแค่นเสียง จิตสังหารอันรุนแรงโหมกระพือขณะที่เขาพุ่งโถมออกไปด้าหน้า
“จ้าวคง!”
จ้าวอู่ตี้กรีดร้องออกมา มันพลันทะยานไปยังเวทีประลองและต่อยหมัดเล็งไปยังศีรษะของฉินเทียน
“หาที่ตาย!” มันคำรามออกมา
ฉินเทียนตกใจกับการปรากฏตัวขึ้นของมัน
กระนั้นเขาก็ไม่มีเวลาให้คิดมากความ หัวใจของเขาเต้นระรัวก่อนจะคำรามขึ้นในใจ “ทักษะคลุ้มคลั่ง!”
ครืนนนน
มีแสงสีขาวนวลแผ่กระจายออกจากของฉินเทียน…

จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up

จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up

Status: Ongoing

ฉินเทียน ชายหนุ่มผู้จับผลัดจับผลูถูกย้ายวิญญาณมายังร่างที่อมโรคในอีกโลกหนึ่ง เขากลายเป็นเจ้าของร่างที่จุดตันเถียนไม่อาจใช้การได้ ทำให้เขาไร้ซึ่งพลังลมปราณ กระนั้นสวรรค์ก็ยังไม่ทอดทิ้งเขา พระเจ้าได้มอบระบบเลเวลมาให้ด้วย! ชายผู้ไร้ค่างั้นเหรอ? กำลังภายใน#ต่างโลก#ระบบเกมนั่นมันเจ้าของร่างคนก่อนต่างหาก ต้องก้มหน้าก้มตาฝึกฝนพลังลมปราณงั้นเหรอ? เหอะ เขาสามารถเพิ่มเลเวลผ่านการฆ่าสัตว์อสูรได้ กระจอกน่า! เลเวลจะเพิ่มขึ้นเมื่อเขาฆ่าสัตว์อสูร ฆ่าผู้คน ถล่มตระกูลที่ทุกคนบอกว่าแข็งแกร่ง บอกเลยว่าข้านี่ล่ะบอสใหญ่! ด้วยระบบเลเวลนี้ เขาจะไม่ต้องเผชิญกับปัญหาคอขวดด้านการฝึกปรือดังเช่นอัจฉริยะคนอื่นๆ ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็เพียงแค่ ฆ่า! เพื่อชีวิตที่ดีกว่า! ฝ่าฟันมุ่งหน้าเพื่อกลายเป็นจ้าวยุทธ์! วะฮะฮ่า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท