จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 92 เสริมแกร่ง
“โจมตีไม่ได้ผล?”
ฉินเทียนตกใจและรู้สึกได้ว่าหมอกดำนั้นไม่ธรรมดา อย่างไรเสียการตามสอบจากระบบก็แสดงให้เห็นเพียง “??”
ที่ฉินเทียนไม่เข้าใจอย่างแท้จริงก็คือ แม้หมอกดำจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย แต่เค,้ดมังกรฟ้าที่นับเป็นดาวข่มของสิ่งชั่วร้ายกลับทะลุผ่านมันไป นี่ยากจะทำใจเชื่อได้ คัมภีร์มังกรฟ้าเป็นถึงเคล็ดวิชาระดับพระเจ้าเชียวนะ!
ฉินเทียนไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน ฝูงอสูรใบมีดพุ่งหายเข้าไปในป่า เปลี่ยนป่าตอตะโกอันแสนวังเวงให้กลายเป็นวุ่นวายขึ้นมา
เพียงชั่วลมหายใจ หมอกดำก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง มันไม่ได้ติดตามอสูรใบมีดไป หากแต่จับจ้องมาที่ฉินเทียน ในกลุ่มหมอกดำนั้นมีแสงวูบวาบคล้ายดวงตาคู่หนึ่ง มันปล่อยพลังงานอันชั่วร้ายออกย่างหนาแน่น กลิ่นอายนี้ยังเข้มข้นกว่าที่ใต้น้ำตกอีก
“อะไรอีก?”
ฉินเทียนตะลึงก่อนจะเปิดใช้คัมภีร์มังกรฟ้าอีกครั้ง เขาพุ่งเข้าใส่มันและเทพดุร้ายโบราณก่อนยกเคียวขึ้นฟันลง
ฉินเทียนย่อมทราบความแข็งแกร่งของเทพดุร้ายที่ควบแน่นขึ้นมา เคียวเล่มนั้นประดุจเคียวที่สามารถพรากทุกสรรพสิ่ง ภายใต้การฟันออก มีเพียงความเจ็บปวดและความตายเท่านั้น
“ฟู่……”
ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเท่าตัว พลังงานไร้ลักษณ์ที่ก่อตัวขึ้นจากพลังมังกรพิสุทธิ์แผ่พุ่งออกมา เทพโบราณปลดปล่อยพลังอันน่าหวาดหวั่นออกมา
“บัดซบ!” ฉินเทียนสบถ หมอกดำกระจายตัวออกอีกครั้งด้วยความเร็วที่เหนือคาด เคียวของเทพโบราณจึงฟันเข้าใส่อากาศ
แรงกดดันอันมหาศาลพลันพุ่งเข้าจู่โจมฉินเทียน
สิ่งที่ไม่รู้จักนี้กลับไม่มีความเสีบหายใด มันเป็นกลุ่มหมอกหรือบางสิ่งที่ถูกควบแน่นขึ้นโดยพวกปีศาจ? ยากจะจินตนาการได้ว่ากระทั่งคุกคามมันเขายังทำไม่ได้ ตัวเขาเป็นถึงผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณเชียวนะ!
หลังจากโจมตีถูกแต่อากาศที่ว่างเปล่าสองครั้งติด ฉินเทียนก็หลั่งเหงื่อเย็น
แม้หมอกดำจะไม่ถูกโจมตี แต่บรรยากาศโดยรอบก็เปลี่ยนไป กลิ่นอายชั่วร้ายเพิ่มขึ้นพรวดพราดประหนึ่งพายุ มังกรครามและคชสารโบราณกู่ร้อง พวกมันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อสกัดยับยั้งกลิ่นอายชั่วร้ายที่พยายามชอนไชเข้ามา หากไม่ใช่เพราะมีพลังมังกรพิสุทธิ์อยู่ ฉินเทียนคงถูกมันฆ่าตายไปแล้ว
หมอกดำยังไม่ได้โจมตี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่โจมตี
หลังการโจมตีครั้งที่สองสลายหายไป หมอกดำก็รวมตัวขึ้นที่ด้านหลังของฉินเทียน กลิ่นอายของมันพลันปะทุขึ้น และหอกสีดำสนิทเล่มหนึ่งก็ปรากฏออกมา ตัวหอกมีความยาวกว่าสามเมตร ทั่วทั้งเล่มปลดปล่อยรัศมีสุดแกร่งออกมา
ฉินเทียนไม่ทันตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ในวินาทีนั้น หอกดำก็ก็พลันหายไป ขุมพลังสุดแกร่งกดทับลงจากฟ้าคล้ายจะตัดแบ่งผืนแผ่นดิน
“บ้าคลั่งขั้นที่หนึ่ง!”
“พลังมังกรพิสุทธิ์!”
ทักษะทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน พลังปราณภายในร่างกายปะทุออก เทพโบราณที่อยู่บนฟ้าปลดปล่อยกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกว่าเดิมออกมา
เผชิญหน้ากับหอกเล่มนั้น ฉินเทียนกู่ร้องยาวนานก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีมัน “บิดาอยากจะรู้นักว่าเจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่!”
หมอกดำนั้นเหมือนจะตกใจกับกลิ่นอายของฉินเทียน กลิ่นอายชั่วร้ายของมันพลันโหมกระพือขึ้นอีกขั้น หอกดำนั้นสั่นระริกประหนึ่งมีชีวิต กลิ่นอายชั่วร้ายถูกมันดูดซับไปก่อนที่มันจะกลายเป็นหอกที่เต็มไปด้วยพลังแห่งสายฟ้า……
ยามเมื่อหอกพุ่งแทงออกก็ปรากฏรูพรุนมากมายเกลื่อนท้องฟ้า
“พลังที่สามารถทิ่มทะลวงมิติ?” ฉินเทียนแทบลืมหายใจ หากแต่เขายังไม่ถอยหนี พลังปราณของเขาลุกโชนก่อนจะตะโกนออกมา “ฆ่า!”
ครืน……………
ชี่ ชี่ ชี่…….
“ไม่ได้ผล?” ฉินเทียนเบิกตากว้างอย่างตกใจสุดขีด
ไม่ได้ผลอีกแล้ว ที่คาดไม่ถึงก้คือหอกสีดำนั้นถึงกับจัดอยู่ในประเภทเดียวกับหมอกดำ มันหายไปในอากาศที่ว่างเปล่าเพื่อหลบการโจมตีของเขา ก่อนที่พริบตาถัดมาจะปรากฏขึ้นและพุ่งตรงมาหาเขา
“กระดิ่งสยบวิญญาณ!”
“เกราะปีศาจโลหิตสงคราม!”
“ออกมา!”
กระดิ่งสยบวิญญาณปรากฏขึ้นพร้อมแสงสีเขียวที่รายล้อม พลังปราณของฉินเทียนลดลงฮวบฮาบ แต่นี่ก้เพื่อให้มันสามารถสำแดงพลังที่แท้จริง
ฉินเทียนยังเรียกชุดเกราะออกมาอยู่ด้าหน้าเพื่อความปลอดภัย ชุดเกราะระดับสูงสุดขั้นวิญญาณอาจไม่สามารถต้านทานหอกที่เปล่งพลังอันรุนแรงออกมาได้ แต่อย่างน้อยมันก็ยังทำให้เขาอุ่นใจ
ฟิ้ว!
หลังจากต้านทานหอกดำได้ครึ่งวิ กระดิ่งสยบวิญญาณก็ลอยกลับเข้าร่างฉินเทียน
“ไอ้สมบัติขั้นอมตะเฮงกะบ๊วยเอ๊ย!” ฉินเทียนด่าทอพลางรีบใช้พลังมังกรพิสุทธิ์ปกป้องห้วงความคิด เกราะปีสาจโลหิตสงครามเปล่งแสงสีแดงเข้มขณะรับการโจมตีจากหอกดำ
ในเวลาเดียวกัน ฉินเทียนก็รีบถอยหนีเร็วรี่
โจมตีก็ไม่ได้ ได้แต่ถูกโจมตีแต่เพียงฝ่ายเดียว สมองของเขาเร่งรีบครุ่นคิดหาวิธี พยายามคิดหาจุดอ่อนของหมอกดำนี้ เขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันก็ต้องมีจุดอ่อน
เปรี้ยง!
สะเก็ดไฟกระจายออกขณะที่หอกปะทะกับชุดเกราะ ฉินเทียนตื่นเต้นตึงเครียด “ชุดเกราะปีศาจโลหิตสงครามแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? มันถึงกับต้านหอกดำไว้ได้”
เขารีบเปิดหน้าต่างระบบขึ้นดู เขาอยากจะตรวจสอบชุดเกราะปีศาจโลหิตสงคราม
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เห็น ระบบก็พลันส่งข้อความแจ้งเตือนออกมา “การโจมตีไร้ผล การโจมตีไร้ผล……”
นี่เป็นข้อความแจ้งเตือนปกติ แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือประโยคถัดมา “ท่านต้องการเปิดใช้โหมดปีศาจหรือไม่?”
“ท่านต้องการเปิดใช้โหมดปีศาจหรือไม่?” ฉินเทียนเผยสีหน้าตื่นตระหนก “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เกราะสามารถใช้โหมดนี้?”
เมื่อเปิดหน้าต่างค่าสถานะขึ้นดู ฉินเทียนก็พลันเข้าใจ
ค่าบาป: 2,879
ฉินเทียนจึงจำได้ว่าหากมีค่าบาปถึงหนึ่งพันจุด เขาจะสามารถฝึกฝนวิชาของปีศาจโดยใช้ทักษะเงาโลหิตและสร้างร่างอวตาร์ปีศาจขึ้นมา
ค่าบาปของเขาล้วนได้มาจากเมืองขอบนภา ในตอนนั้นเขาเพียงแต่ใส่ใจเรื่องที่อยู่ตรงหน้า ดังนั้นจึงละเลยรายละเอียดเหล่านี้ไป ตอนนี้มาคิดดูแล้ว มันก็เป็นเช่นนี้เอง
“เปิดใช้โหมดปีศาจ!”
ร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จุดตันเถียนภายในกายพลุ่งพล่านปั่นป่วน พลังงานชั่วร้าย ปราณโลหิตปีศาจ ปราณจิตมุ่งร้าย และปราณอันแข็งกร้าวพลันปะทุออกมาซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ
จิตสังหารอันไร้ขอบเขตแผ่พุ่งกำจายออก
ฉินเทียนรับรู้ได้ถึงพละกำลังและความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูน นี่มันเกินกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้ซะอีก
จันทราโลหิต ตะวันลับฟ้า และทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างท้องฟ้าและพื้นดินพลันเกิดความปั่นป่วน แดนปีศาจสั่นสะเทือนราวถล่มทลาย
ปีศาจสวรรค์ผู้สูงส่งจากครั้งบรรพกาลปรากฏตัว!
จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up – ตอนที่ 92
ตอนที่ 92
Posted by ? Views, Released on มกราคม 16, 2023
, จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up
Status: Ongoing
ฉินเทียน ชายหนุ่มผู้จับผลัดจับผลูถูกย้ายวิญญาณมายังร่างที่อมโรคในอีกโลกหนึ่ง เขากลายเป็นเจ้าของร่างที่จุดตันเถียนไม่อาจใช้การได้ ทำให้เขาไร้ซึ่งพลังลมปราณ กระนั้นสวรรค์ก็ยังไม่ทอดทิ้งเขา พระเจ้าได้มอบระบบเลเวลมาให้ด้วย! ชายผู้ไร้ค่างั้นเหรอ? กำลังภายใน#ต่างโลก#ระบบเกมนั่นมันเจ้าของร่างคนก่อนต่างหาก ต้องก้มหน้าก้มตาฝึกฝนพลังลมปราณงั้นเหรอ? เหอะ เขาสามารถเพิ่มเลเวลผ่านการฆ่าสัตว์อสูรได้ กระจอกน่า! เลเวลจะเพิ่มขึ้นเมื่อเขาฆ่าสัตว์อสูร ฆ่าผู้คน ถล่มตระกูลที่ทุกคนบอกว่าแข็งแกร่ง บอกเลยว่าข้านี่ล่ะบอสใหญ่! ด้วยระบบเลเวลนี้ เขาจะไม่ต้องเผชิญกับปัญหาคอขวดด้านการฝึกปรือดังเช่นอัจฉริยะคนอื่นๆ ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็เพียงแค่ ฆ่า! เพื่อชีวิตที่ดีกว่า! ฝ่าฟันมุ่งหน้าเพื่อกลายเป็นจ้าวยุทธ์! วะฮะฮ่า!