ตอนที่ 123
ฉุนเทียนกลับมายังที่พัก
เขาปล่อยมาวมาวออกมาก่อนจะเริ่มต้นปรุงยา หลังจากเปิดหน้าต่างปรุงยา ฉินเทียนก็เริ่มกลั่นยาอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้ความชํานาญในการปรุงยาของเขาอยู่ที่ระดับสองแล้ว และหากว่าเขาโชคดีพอเขาจะสามารถปรุงโอสถระดับสามออกมาได้ แต่โอกาสนั้นค่อนข้างต่ํา ฉินเทียนปรุงยาโดยไม่สนใจระดับของโอสถ ตอนนี้ที่เขาสนใจมีเพียงการยกระดับการปรุงยาเพียงเท่านั้น
ค่าความชํานาญค่อยๆเพิ่มขึ้นพร้อมกับค่าพลังปราณที่ค่อยๆลดลง
การปรุงยาที่ระดับศูนย์แต่ละครั้งจะใช้พลังปราณจํานวนสิบจุด ระดับหนึ่งใช้ยี่สิบจุด ขณะที่ระดับสองใช้สามสิบจุด
หลังจากปรุงยาไปนับพันครั้ง ค่าพลังปราณก็หดหายไปหลายหมื่นจุด
การสังหารหยางซานทําให้เขาได้รับแก่นมานับร้อยแก่น ทําให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องพลังปราณไปชั่วคราว แต่พลังปราณที่แก่นอสูรปล่อยออกมานั้นเชื่องช้าอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นตันเถียนของเขายังรองรับการใช้แก่นได้แค่ครั้งละห้าแก่นเท่านั้น
แต่การใช้โอสถนั้นแตกต่างออกไป
หลังจากกลืนเม็ดยาลงไปค่าพลังปราณของเขาก็จะเพิ่มขึ้นทันที เม็ดยาเปยหยวนที่ได้รับมาจากหลูตงไห่เมื่อครั้งก่อนสามารถเพิ่มค่าพลังปราณให้กับเขาได้ถึงหนึ่งหมื่นจุดผลลัพธ์ของโอสถชนิดนี้ทําให้ฉันเทียนปรารถนาจะได้มาครอบครองอีกโอสถที่สามารถเพิ่มพลังปราณได้ทันทีหนี้ งหมื่นจุดเป็นสิ่งที่เขาต้องการแม้ในยามหลับฝัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับการปรุงยาของเขาในตอนนี้ก็ทําได้เพียงปรุงโอสถที่เพิ่มพลังปราณได้หลักร้อยเท่านั้น ยังห่างไกลจากโอสถเปยหยวนอีกมาก
ทุกคราที่ฉินเทียนพบเห็นหญ้าวิญญาณ เขาก็จะเก็บกลับมาด้วย เส้นทางนักปรุงยาของเขายังอีกยาวไกล ทั้งยังต้องตระเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้
ในตอนนี้เขาอาจไม่ต้องการใช้โอสถ แต่ในอนาคตมันจะมีความสําคัญอย่างมาก
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ฉุนเทียนก็ปิดหน้าต่างระบบก่อนจะลืมตาขึ้น สายตาหันไปมองมาวมาวที่คอยเฝ้าระวังอยู่ข้างก่อนจะหัวเราะออกมา ” ทําได้ไม่เลว ฮ่าๆ…”
มาวมาวยิ้มกว้าง
แต่ในวินาทีถัดมาร่างของมันก็แข็งค้าง แววตาเปลี่ยนเป็นที่อด้าน ฉุนเทียนที่เห็นแบบนั้นก็หัว เราะ “ปีศาจน้อย เจ้านี่มันซุกซนจริงๆ”
ท่าทางแบบนี้ของมาวมาวคงไม่พ้นเป็นฝีมือของตัวอ่อนปีศาจที่ใช้ทักษะการควบคุมระดับสูง
ตัวอ่อนปีศาจหัวเราะคิกคักอย่างมีคสนุกสนาน
ไม่กี่นาทีต่อมา มาวมาวก็แยกเขี้ยวอย่างโมโห มันตะปบพื้นอยู่หลายครั้งพลางคํารามเสียงต่ําเป็นการสื่อความหมายอย่างชัดเจน “หากมีความสามารถก็ไสหัวออกมา บิดาสาบานจะทุบตีเจ้าจนตาย!”
นับตั้งแต่มีตัวอ่อนปีศาจเข้ามา มาวมาวก็ถูกกลั่นแกล้งเป็นครั้งคราว
ที่ทําให้มันหงุดหงิดที่สุดก็คือ มันได้แต่ถูกควบคุมอยู่ฝ่ายเดียว ไม่อาจลงมือกับตัวอ่อนปีศาจสุดท้ายก็แต่แต่กลืนความโกรธลงท้องไป
การเติบโตของตัวอ่อนปีศาจนั้นน่าอัศจรรย์ยิ่ง ตอนนี้ตัวอ่อนปีศาจอยู่ที่ระดับเจ็ดแล้ว กระทั่งเกือบจะทะลวงไปยังระดับแปด กระนั้นฉันเทียนก็ต้องเผชิญปัญหาข้อหนึ่ง นั่นคือเขามีแก่นโลหิตพันปีศาจเหลืออยู่อีกแค่สองหยด ของสิ่งนี้มีความสําคัญต่อการเจริญเติบโตของตัวอ่อนปีศาจอย่างมาก มันก็คล้ายกับน้ํานม หากไม่มีน้ํานม ความเร็วในการเติบโตของทารกก็จะลดลง
ฉินเทียนปวดหัวกับการจะหาแก่นปีศาจ นอกจากในแดนปีศาจแล้ว ฉุนเทียนก็ไม่เคยพบกับปีศาจจริงๆเลย แล้วเขาจะไปหาแก่นโลหิตของปีศาจจากที่ไหน? ขณะที่กําลังกลุ้มใจอยู่นั้นจู่ๆเขาก็พลันคิดไปถึงระบบแลกเปลี่ยนของสํานักเทียนจี้ ” หวังว่าจะมีแก่นโลหิตปีศาจให้แลก”
ระดับการปรุงยา มาวมาว และตัวอ่อนปีศาจ ทั้งหมดนี้ล้วนเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ
ทักษะบ้าคลั่ง เคล็ดวิชามังกรฟ้า เคล็ดวิชชุทะลวงฟ้า และค่ายกลเจ็ดสังหารเองก็มีความชํานาญมากยิ่งขึ้น
นับตั้งแต่ที่เข้ามาในสํานักเทียนจี้ ความวิตกกังวลก็มักจะปรากฏขึ้นในใจฉินเทียน เขาได้แต่สงบใจและเตือนตนเองให้ระมัดระวังมากขึ้น
ในสํานักนิกายใหญ่ๆ ยอดฝีมือล้วนมีอยู่อย่างคับคั่ง การประมาทเพียงชั่วครูอาจจะทําให้เขาไม่อาจลุกกลับมาได้อีกที่ทําได้มีเพียงการทะลวงระดับ เพิ่มเลเวลให้สูงขึ้น เพิ่มทักษะความสามารถให้กับตนเองเตรียมพร้อมรับมือกับศัตรูที่จะปรากฏตัวขึ้นในอนาคต
”เร็ว เร็ว เร็ว รีบเร็วเฉินซาน”
“รีบไปทําไม?”
“รีบไปทําไม? รอบของเดือนนี้มาถึงแล้ว หากไม่ไปแต่เนิ่นๆยังจะมีที่ดีๆเหลืออยู่รึ?”
มีอีกหลายคนที่กระวนกระวายเดินทางอย่างเร่งรีบ
ที่หน้าประตูบ้านพัก ฉินเทียนมองเห็นสิษย์จํานวนมากกําลังมุ่งหน้าไปในทิศเดียวกัน เขารู้สึกสงสัยขณะที่เดินไปยังลานกว้างก่อนจะคว้าศิษย์คนหนึ่งไว้พลางเอ่ยถาม “สหายพวกเจ้ากําลังจะไปไหนกัน?”
ศิษย์คนนั้นขมวดคิ้วก่อนจะถามอย่างหงุดหงิด “ศิษย์ใหม่?”
ฉินเทียนพยักหน้า
ศิษย์คนั้นเชิดหน้าขึ้นสูงก่อนจะกล่าวว่า ” ที่สํานักนอกแต่ละเดือนจะมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอํานาจ ศิษย์สายนอกทุกคนล้วนสามารถเข้าร่วม การต่อสู้นี้ยังสามารถลงเดิมพันหากโชคดีชนะเดิมพันเจ้าก็ไม่จําเป็นต้องรับภารกิจไปชั่วชีวิต”
“เอ๊ะ?” ขณะที่ฉินเทียนกําลังจะถามต่ออีกสองสามคํา ศิษย์ที่ถูกดึงตัวไว้ก็วิ่งหายไปเสียแล้ว
“ก็แค่สนามพนันไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่สิ มันคือการพนันในสนามต่อสู้”
รอยยิ้มที่ดูลี้ลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉุนเทียนขณะที่เขาหวนนึกถึงระบบ PK* ในเกมออนไลน์ การต่อสู้แต่ละครั้งล้วนมีการวางเดิมพัน อาจเป็นเงิน อาจเป็นไอเทมหรือกระทั่งเดิมพัน หญิง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ฉันเทียน คุ้นเคยดี
คิดถึงตรงนี้เขาก็ไม่อาจสะกดความตื่นเต้นเอาไว้และก้าวเท้าออกเดินตามหลังศิษย์คนอื่นๆไป
การพนันนับเป็นสิ่งที่ทําให้หัวใจเต้นสูบฉีด
โดยเฉพาะการพนันที่มีเดิมพันสูง
เขาชอบการเดิมพัน แต่ก็เฉพาะตอนที่เขาสามารถควบคุม ไม่ใช่ถูกคนอื่นควบคุม
สงครามชิงอํานาจของสํานักนอกเป็นเครื่องมือที่จะสูบแต้มผลงานของเหล่าศิษย์จนแห้งเหือดเพียงแค่คืนเดียว แต้มผลงานที่ได้รับจากค่าผ่านประตูก็มีจํานวนหลายหมื่นแล้วเมื่อรวมกับแต้มที่ศิษย์จะใช้จ่ายออก คืนๆหนึ่งก็จะมีแต้มผลงานสะพัดเป็นจํานวนหลายแสนแต้มนี่เป็นผลประโยชน์ที่มีค่ามหาศาล
ยังเหลือเวลาอีกราวครึ่งชั่วโมง แต่สถานที่ก็มีผู้คนอยู่เนืองแน่นแล้ว ผู้คนที่มากมายมาพร้อมคําสบถด่าทอจากการเบียดเสียดกันไปมา หากไม่ใช้การตะโกน การสื่อสารกันก็ยากจะทําให้คู่สนทนาได้ยิน
เมื่อฉันเทียนเข้ามาในสนามต่อสู้ในใจก็รู้สึกตกตะลึง สนามต่อสู้แห่งนี้ดูราวกับเป็นสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟ ฉุนเทียนมองไปตามแหล่งกําเนิดแสงก่อนจะพบว่ามันเป็นม่านพลังงานอันแข็งแกร่งที่ผู้จัดได้เตรียมเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชมได้รับบาดเจ็บ
โอ๊ะ น้องฉัน?”
ฉินเทียนหัวกลับไปก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา “พี่หลิน!”
หลินหยานและกลุ่มของเขาค่อยๆเดินฝาฝูงชนเข้ามาหา หลินหยานรีบถามขึ้นอย่างตื่นเต้น”เจ้าเองก็มาด้วย?”
ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงเรื่องหนึ่งได้จึงโพล่งออกมา ”เจ้ากลายเป็นศิษย์ของสํานักเทียนจี้แล้ว?”
ฉินเทียนยิ้มพลางกล่าวตอบ “ใช่แล้ว เพิ่งเข้ามาได้ไม่กี่วัน”
ขณะที่พูดสายตาก็เบนไปมองยี่เชียนหาน เป็นเวลาเดียวกับที่นางก็มองมา เมื่อสายตาของทั้งคู่สบประสานกัน ยี่เชียนหานก็รีบเบือนหน้าหนีด้วยใบหน้าขึ้นสี
หลินหยานและคนอื่นๆต่างอยู่ในสํานักเทียนจี้มาหลายปีแล้ว พวกเขาจึงค่อนข้างเป็นที่รู้จักอยู่บ้างเมื่อเห็นพบเห็นกลุ่มของหลินหยาน ทั้งหมดล้วนยิ้มทักทายอย่างสุภาพ และหลินหยานก็ทักทายกลับไป
เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้วตั้งแต่ที่พวกเขาแยกทางกันที่เทือกเขาคุนหลุน คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกันรวดเร็วเช่นนี้ ความช่วยเหลือที่ได้รับมาจากฉันเทียนยังคงตราตรึงอยู่ในใจของหลินหยาน เขายังหวังว่าสักวันจะสามารถตอบแทนน้ําใจนั้น แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันรวดเร็วปานนี้
ฉินเทียนเองก็คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับพวกเขา
เห็นใบหน้าอันเย็นชาของยี่เชียนหานแล้ว ฉินเทียนก็ยิ้มเจื่อนและพยายามจะไม่สนใจ
“น้องฉินก็ต้องการจะลงเดิมพันหรือ?” หลินหยานเอ่ยถาม ”ช่วงนี้พวกเราก็ก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยมีแต้มผลงานสะสมไว้อยู่บ้าง หากต้องการลงเดิมพันก็สามารถบอกได้ ข้ายินดีช่วยเหลือ”
ฉินเทียนยิ้ม “ขอบคุณ”
“ข้ายังมีข้อสงสัย การต่อสู้นี้ใครๆก็เข้าร่วมได้หรือ?”