ตอนที่ 99: ทีมสองกับคดีของแก๊งพยัคฆ์ขาว 2
ระหว่างหวู่กังกําลังจะพูดออกมาว่า “ไม่เป็นไร” เสี่ยวเฉิงก็พลันเดินตรงเข้าไปหาหลี่ต้าจวงและพูดแทรกขึ้นมา “ฉันเป็นคนบอกให้นายขอโทษเขา…“เพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่ข้างกายหลี่ต้าจวงพลันรู้สึกคุ้นเคยกับคําพูดของเสี่ยวเฉิงไม่น้อย
เดี๋ยวก่อนนะ! เหตุการณ์ในตอนนี้เหมือนกับตอนที่หลี่ต้าจวงบังคับให้เสี่ยวเฉิงขอโทษหรานจิงเลย… ตอนนั้นเสี่ยวเฉิงเองก็ถามหรานจึงเหมือนกันว่าเธอต้องการคําขอโทษหรือไม่ หลี่ต้าจวงเองก็ไปบังคับให้เสี่ยวเฉิงขอโทษเธอเช่นกัน…
แต่ทว่า ในตอนนี้ บทบาทของพวกเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนไป
หลี่ต้าจวงพลันเลิกคิ้วและมองไปยังเสี่ยวเฉิง “คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? เป็นตัวแทนของหมอนั่นหรือไง? ลองถามเขาก่อนก็ได้นะว่าต้องการให้นายเข้ามายุ่งไหม…”
“ฉันเป็นกัปตันของหมอนั่นเอง” เสี่ยวเฉิงพลันหรี่ตาและพูดกับหลี่ต้าจวง “เราเป็นทีมเดียวกัน เพราะแบบนั้น จําไว้ด้วยว่านายกําลังคุกคามคนของฉันอยู่ และมันทําให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ฉันว่าเราควรอยู่ร่วมกันให้มีความสุขมากกว่านะ ไม่เห็นจําเป็นต้องไปกวนส้นตีนใส่ใครเลย”
หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็ตบไหล่หวู่กัง พร้อมกับมุ่งหน้าไปรับข่าว
ทว่า วิธีการที่เสี่ยวเฉิงปกป้องลูกน้องพลันทําให้ทุกคนตกใจ นั่นทําให้หลี่เชาว์และทั้งหน่วยสองรู้สึกแปลกไป
พวกเขาควรจะรู้สึกยังไงดี?
หัวหน้าทีมคนใหม่โหดใช่ย่อยเลย!
บนชั้นสองแถวที่นั่งริมระเบียง ตํารวจชราคนหนึ่งที่กําลังยืนพิงระเบียงพลันก้มมองดูเหตุการณ์ด้านล่าง เขาถามขึ้นด้วยความสงสัย”ดูผู้ชายคนนั้นสิ เขาเป็นเด็กใหม่หรือเปล่า?“เพื่อนร่วมงานของตํารวจชราที่กําลังกินข้าว อยู่พลันพยักหน้า”เขาคือคนที่ปลิดชีพปรมาจารย์หยานแหละ“ตํารวจชราเลิกคิ้ว”อ่า ถ้าเขายังประมาทและหุนหัน พลันแล่นแบบนี้อยู่ ต่อไปคงไม่ดีเท่าไหร่แน่”เพื่อนร่วมงานพลันเผยยิ้ม” ก็จริง เด็กใหม่ก็ควรทําตามกฎ แต่เขาก็ล้มหน้ากระดานของแก๊งเต่าดําเสียหมดเลย อันที่จริง การทําแบบนั้นก็เหมือนกับการไปหักหน้าหน่วยอื่นที่คอยเฝ้าระวังแก๊งเต่าดําอยู่นั้นแหละ ทีมอื่นจับตาดูแก๊งนี้อยู่ตั้งหลายปี อีกอย่าง ฉันเองก็ได้ยินมาว่าตอนที่หมอนั่น ยังเป็นเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน เขาเคยไล่กระทืบพวกลูกเศรษฐีกลุ่มหนึ่งจนกลัวหัวหดไปเลยด้วย หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างกองกําลังตํารวจกับโลกธุรกิจเริ่มแข็งกระด้างขึ้น คนส่วนมากจึงไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาเท่าไหร่”
ตํารวจชราพลันหัวเราะ “งั้นมาเดิมพันกันว่าหมอนั่นจะลากหน่วยสองลงเหว หรือเขาจะนําพาหน่วยสองไปสู่ความรุ่งโรจน์ครั้งยิ่งใหญ่…”
เพื่อนร่วมงานพลันตอบตกลงทันที “เอาสิ อันที่จริง ฉันได้ยินข่าวลือมาด้วยแหละเขากําลังซวย…”
“หือ? ไหนเล่ามาหน่อยสิ”ความลับน่ะเพื่อน แต่เดี๋ยวมันก็จะถูกเปิดเผยในการประชุมประจําแผนกแล้วแหละ“หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เสี่ยวเฉิงก็ได้รับคําสั่งจากเจ้าหน้าที่คนอื่นให้ไปประชุม
ทันทีที่เสี่ยวเฉิงมาถึงห้องประชุม เขาก็เห็นว่าหรานจึงนั่งอยู่ข้างในและเผยยิ้มให้”ฉันเห็นนายพาลูกน้องในทีมมากินข้าวที่โรงอาหารด้วยแหละ ไม่เลวเหมือนกันนะ”เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้ม “ก็เหมือนกับในกองทัพนั้นแหละ แรก ๆ ก็งี้”
ระหว่างการสนทนาของทั้งสอง กัปตันทีมอื่นก็พลันมาถึงห้องประชุมทีละคน นอกจากหรานจิงแล้ว กัปตันคนอื่นก็เป็นผู้ชายไปเสียหมด ระหว่างนั้น หรานจิงก็พลันส่งยิ้มให้เสี่ยวเฉิงอย่างภาคภูมิ
ทันใดนั้น ผู้บังคับบัญชาก็พลันเดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารกองหนึ่ง เขาเริ่มแนะนําเกี่ยวเฉิงให้ทุกคนในห้องรู้จัก” ชายคนนี้คือเสี่ยวเฉิง นับต่อจากนี้ไป เขาจะมีหน้าที่คอยรับผิดชอบทีมสอง เราทุกคนจะต้องทํางานร่วมกับเขาด้วย นอกจากหรานจิงแล้ว เสี่ยวเฉิงก็ได้จับมือกับกัปตันหน่วยอื่นอีกแปดคน สําหรับการพบกันครั้งแรก ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี” ทุกคนพลันทักทายเสี่ยวเฉิงด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้น ผู้บังคับบัญชาก็พลันกล่าวคําพูดอย่างตรงไปตรงมา”วันนี้ผมมีประเด็นหนึ่งอย่างจะพูด กัปตันหรานจิง… ผมขอระงับทีมของคุณชั่วคราวสําหรับคดีแก๊งพยัคฆ์ขาวไปก่อนนะ ต่อจากนี้ คุณต้องไปจัดการกับคดีลักลอบขนสินค้าที่ท่าเรือฝั่งตะวันออกแทน จากเดิมที่อารมณ์ดี หรานจิงก็พลันหน้าถอดสีไปอย่างกะทันหัน เธอพลันเงยหน้าขึ้นมาและมองไปยังผู้บังคับบัญชา”แต่ท่านผู้บังคับบัญชาคะ ไม่ว่าจะเป็นแก๊งพยัคฆ์ขาวหรือ แก๊งมังกรฟ้า มันก็เป็นความรับผิดชอบของฉันมาตั้งหกเดือนแล้วนะคะ ถ้าทีมถูกระงับไปแบบนี้ มันจะดีเหรอคะ?”
ทว่า สีหน้าของผู้บังคับบัญชาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง เขาพลันพูดต่อ “สําหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับแก๊งเต่าดํา ดูเหมือนว่าอีกสามแก๊งที่เหลือกําลังระวังตัวเป็นพิเศษ ดังนั้น มันคงจะเป็นเรื่องยากมากถ้าปล่อยให้คุณจัดการต่อ เพราะแบบนั้น ผมเลยต้องหาทีมใหม่เพื่อมาช่วยจัดการคดีของแก๊งพยัคฆ์ขาว”
หรานจิงพลันรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผู้บังคับบัญชาก็มีตําแหน่งสูงกว่าเธอ ด้วยเหตุนั้น หรานจิงจึงตั้งคําถามขึ้นมา “งั้นท่านอยากให้ทีมไหนจัดการเรื่องนี้ต่อเหรอคะ?”
“เอาแบบนี้ดีไหม… นับจากนี้ ผมจะให้กัปตันเสี่ยวเฉิงจากทีมสองรับช่วงต่อแทน”
“ไม่ได้นะคะท่าน! ท่านคะ ฉันว่ามันจะเป็นการรีบเร่งเกินไปหน่อย ในตอนนี้ ถ้าเสี่ยวเฉิงต้องเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับสามแก๊งจตุรเทพที่เหลือ… อีกฝ่ายก็อาจจะวางกับดักหรือวางแผนเพื่อฆ่าเขาทิ้งก็ได้นะคะ! อย่างในกรณีของแก๊งเต่าดํา เสี่ยวเฉิงเองก็เป็นคนเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวพัน ท่านเองก็น่าจะรู้ดีว่าอีกสามแก๊งที่เหลือ ต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่…”
หรานจิงไม่ต้องการให้เสี่ยวเฉิงจัดการกับคดีของสามแก๊งจตุรเทพที่เหลือเลย นี่แหละคือเหตุผลแท้จริงของเธอ สําหรับตอนนี้ สามแก๊งที่เหลือคงกําลังตั้งตารอให้เสี่ยวเฉิงเดินเข้าไปในกับดัก และหวังเอาชีวิตของเขาอยู่แน่!
ปล. นักแปลขอเปลี่ยนจากแก๊งเสือขาวเป็นแก๊งพยัคฆ์ขาวนะครับ