ตอนที่ 101: หัวหน้าของพวกเรา 2
ทว่า เสี่ยวเฉิงไม่ได้ปฏิเสธอะไร “ใช่ ถ้าให้เปรียบเทียบกับกองทัพ ถึงแม้ว่าศัตรูจะนอนจมกองเลือด เราก็ต้องแทงหรือยิงพวกมันอีกสองสามครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายตายแล้วจริง ๆ มิฉะนั้น ความประมาทของเราอาจสร้างปัญหาและนําพาทั้งทีมลงเหวได้ เพราะแบบนั้น ถ้าเราจะทําการสอบสวน เราก็จะต้องจัดการอย่างครอบคลุม ไม่เช่นนั้น อันตรายที่เกิดขึ้นอาจเกินความคาดหมายของพวกเราก็ได้เซินเหยาพลันพูดขึ้น “ฉันล่ะเคารพจรรยาบรรณในวิชาชีพของนายเสียจริง! แต่เสี่ยวเฉิง โลกนี้ไม่มีใครดีขนาดนั้นหรอกนะ ในฐานะเพื่อนของนาย เราเองก็หวังว่านายจะไม่เอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงกับอะไรแบบนี้ อย่างเรื่องการฟอกเงิน มันคงจะดีกว่าถ้านายไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแก๊งพยัคฆ์ขาวเลย”
“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลหรอก เสี่ยวเฉิงกลายเป็นกัปตันแล้วก็จริง แต่ลูกน้องสนใจเขาที่ไหนล่ะ! ตอนนี้เขายังทําอะไรมากไม่ได้หรอก” หรานจิงพูดขึ้น
เสี่ยวเฉิงพลันหัวเราะและตอบกลับ “รู้ได้ยังไงกัน?”
หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันตะโกนเสียงดังขึ้นมา “หวู่กัง หลี่เชาว์ พวกนายจะซ่อนตัวไปถึงเมื่อไหร่กัน?!”
ทว่า ทันใดนั้น หวู่กังและสมาชิกคนอื่นก็พลันเดินออกมาจากความมืด พวกเขาทุกคนมองหน้ากันก่อนที่จะเดินไปยังโต๊ะของเสี่ยวเฉิง อีกทั้ง พวกเขาในตอนนี้ก็อยู่กันครบทั้งสิบคนเลยด้วย
เสี่ยวเฉิงพลันชี้นิ้วไปยังขวดเบียร์ทั้งสิบอยู่ตั้งอยู่บนโต๊ะและพูดขึ้น “ฉันรู้อยู่แล้วแหละว่าพวกนายต้องมา เพราะแบบนั้น ฉันสั่งเบียร์เตรียมให้ทุกคนเอาไว้แล้ว ถ้าพวกนายตัดสินใจได้แล้ว ก็มาดื่มฉลองกันเถอะ เพราะพรุ่งนี้เราจะได้บุกไปรังแก๊งพยัคฆ์ขาวอย่างเป็นทางการ!”
ทว่า สมาชิกทั้งสิบคนค่อนข้างประหลาดใจ ทันทีที่มองมายังโต๊ะ พวกเขาก็เห็นเบียร์ทั้งสิบขวดตั้งไว้อยู่แล้ว แถมขวดยังไม่ได้ถูกเปิดเลยด้วย ทุกคนพลันอยากรู้อยากเห็นและตกใจไม่น้อย เสียวเฉิงรู้ได้ยังไงกันว่า พวกเขาแอบซ่อนตัวอยู่?
เซินเหยาพลันกลอกตามองเสี่ยวเฉิง “ฉันว่านายคงเมาแล้วแหละ”
เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้ม”ยังไม่เมาหรอกน่า ในฐานะหัวหน้าคนใหม่ ฉันก็ต้องดื่มกับพรรคพวกสักหน่อยไม่ใช่หรือยังไงกัน? “หลี่เชาว์และหวู่กังพลันสบตากัน ไม่นานนัก พวกเขาก็หยิบขวดเบียร์ขึ้นมาและส่งให้สมาชิกหน่วยสองคนอื่น หลังจากนั้น ทุกคนก็ใช้ฟันเปิดขวดและกล่าวคําพูดออกมาพร้อมกัน” หัวหน้าครับ! นับจา นี้… พวกเราจะตามคุณไปทุกที่เลย!”
เสี่ยวเฉิงพลันตบไล่หวู่กังและสมาชิกคนอื่น “มาเถอะ มาดื่มฉลองกัน!”
ชายทั้งสิบเอ็ดคนพลันชนขวดเบียร์กระทบกัน หลังจากนั้น ทั้งสิบคนก็พลันมองไปยังเสียวเฉิงและนั่งลง เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวคําพูดขึ้น “งั้นเรามาคุยเรื่องภารกิจกันดีกว่า”
หลี่เชาว์พลันเงียบไปชั่วครู่ “ตอนนี้?”
เสี่ยวเฉิงพยักหน้า “คิดว่าเราจะหารือกันในห้องทํางานหรือยังไง? ถ้าทําแบบนั้น ทีมอื่นต้องเดินมาหัวเราะเยาะใส่พวกเราแน่ อีกอย่าง ข้อมูลแผนการของเราก็อาจจะรั่วไหลออกไปด้วย แบบนั้นคงไม่ดีแน่”
หวู่กังพลันนึกขึ้นได้ ให้ตายเถอะ! ผู้ชายคนนี้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเสียจริง! ทุกคนพลันตระหนักว่าตัวเองเป็นหัวหน้าคนใหม่ต่ําไป ดูเหมือนว่ากัปตันคนใหม่ของพวกเขาจะไม่เพียงแค่เก่งกาจในเรื่องการต่อสู้เท่านั้น แต่เขายังมีสมองและไหวพริบที่ชาญฉลาดอีกด้วย
แต่ทว่า ผู้หญิงอีกสองคนก็ยังคงนั่งร่วมโต๊ะอยู่
หลี่เชาว์พลันส่งแววตาไปยังเสี่ยวเฉิงราวกับกําลังจะถามขึ้นว่า “แล้วพวกเธอทั้งสองคนล่ะ?
เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับอย่างไม่แยแสอะไร “มองพวกเธอทั้งสองคนเป็นอากาศไปก็ได้”
ทันทีที่เสี่ยวเฉิงพูดจบ ส้นสูงของเซินเหยาก็พลันลอยและพุ่งเข้ามา เซินเหยาพลันกัดฟันและกล่าวคําพูด “ฉันไม่หักหน้านายต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมก็ดีแค่ไหนแล้วเสี่ยวเฉิง! กลับห้องไปเมื่อไหร่เราได้เห็นดีกันแน่!”
คําพูดของเซินเหยาพลันทําให้หลี่เชาว์และคนอื่นตระหนักถึงบางสิ่ง พวกเขาทั้งสิบพลันรู้สึกว่าผู้หญิงที่สามารถพูดอะไรแบบนั้นใส่เสี่ยวเฉิงได้น่าจะมีเพียงแค่แฟนหรือภรรยาของเขาเท่านั้น…
“ให้ตายสิ คุณคงเป็นแฟนกัปตันของพวกเราสินะ ผมต้องขอโทษด้วยที่เสียทารยาทตั้งแต่แรก” หวู่กังและคนอื่นพลันกล่าวคําพูด ทันใดนั้น พวกเขาก็เดินเข้ามาหาเซินเหยาพร้อมกับรินเครื่องดื่มให้เธอ