ตอนที่ 30 สองรุมหนึ่ง
“เดี๋ยวก่อนนะที่ว่าฉันไปทำร้ายหน้านายเนี่ยมันตอนไหนหรอฉันยังไม่ได้สัมผัสหน้าของนายเลยนะ” หยวนกล่าวด้วยสีหน้างุนงง “ถ้าจะโกหกอย่างน้อยก็ให้มันเนียนกว่านี้หน่อย”
“มันเป็นคำเปรียบเทียบ! นี่แกตลกงั้นสินะ”ดูไหกระทืบเท้าด้วยความเกรี้ยวกราด “เพราะแกชื่อเสียงของข้าถึงได้ป่นปี้กันไปหมด แม้แกจะตายไป ข้าก็ไม่มีวันให้อภัยที่หักหน้าข้าต่อหน้าท่านหญิงซวน!!”
“ชักจะไปกันใหญ่แล้ว นี่กะจะฆ่าคนคนนึงเพราะเขาทำให้อับอายเท่านี้เนี่ยนะ ถ้าเป็นแบบนี้นายต้องฆ่าคนอีกมากในอนาคตชีวิตดูจะลำบากนะ” หยวนส่ายหัวเขาไม่เข้าใจความคิดคนประเภทนี้แม้แต่นิดเดียว
“แล้วมันยังไงข้าจะฆ่าคนมากมายแล้วแกมาเกี่ยวอะไรด้วย โลกนี้เป็นโลกของผู้แข็งแกร่งอยู่แล้ว! พวกอ่อนแอไม่มีสิทธิ์มาโอดครวญหรอก!”
หยวนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฉันไม่สนว่าแกโตมาจากโลกที่โรคจิตแบบไหน แต่วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี อย่ามาขวางทางก่อนที่ฉันจะเริ่มมีอารมณ์”
“ฮ่าๆๆๆ” พี่น้องดูกลั้นขำไว้ไม่อยู่พวกเขาหัวเราะอย่างสะใจ “ถ้าแกโกรธงั้นหรอ”
“แล้วจะทำอะไรเราเหรอ! ฮ่าๆ”
“กะอีแค่นักรบวิญญาณตัวคนเดียว เรามีนักรบวิญญาณสองคน มาสเตอร์วิญญาณอีกหนึ่ง แกจะมีปัญญาทำอะไรได้”
“ฮ่าๆๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยไม่มีใครทำให้สนุกเท่านี้มาก่อนเลย”
“ดีที่แกทำให้หัวเราะได้ขนาดนี้ จะสงเคราะห์ให้แบบไม่เจ็บปวดก็แล้วกัน” พี่น้องดูดึงดาบออกและชี้ไปทางหยวน
“………”
หยวนจ้องมองไปที่พี่น้องดูด้วยความเงียบขรึม ออร่ารอบตัวเขาค่อยๆคมชัดขึ้นราวกับดาบ
เมื่อมาสเตอร์วิญญาณเห็นดังนั้นเขาจึงขมวดคิ้วและพูดกับพี่น้องดูว่า “นายน้อยอย่าประมาทเชียวหล่ะ เจ้านี่มันมีออร่าเกินระดับของมัน แข็งแกร่งใช่ย่อยเลยหล่ะ”
“ถ้ามันแกร่งกว่าระดับของตัวเองได้ พวกเราก็ทำได้เหมือนกัน!!” ดูไบเย้ยหยัน
“เจ้ากำลังดูถูกพวกเราอยู่หรือเปล่าแม้ว่าจะเป็นมาสเตอร์วิญญาณแต่เจ้าก็เป็นแค่ทหารรับจ้างที่ครอบครัวเราจ้างมา!”
ในขณะเดียวกันตรงกันข้าม หยวนก็ถามเสียวหัวว่า “เธอคิดว่าฉันจะชนะเจ้าสองตัวนั้นได้ไหม”
“พวกเขาทั้งสองอยู่ในระดับดินแดนนักรบวิญญาณขั้นที่ 5 เก่งกว่าศิษย์ที่พี่หยวนเจอมาเล็กน้อย แต่นั้นไม่น่าใช่ปัญหาสำหรับพี่หยวน”
“นั่นคือสิ่งที่กำลังอยากได้ยินพอดี” หยวนพยักหน้าก่อนจะดึงดาบของตัวเองออกมา
“โอ้วเจ้านี่มีอาวุธวิญญาณระดับยอดเยี่ยมเสียด้วย เดาไว้แล้วว่าแกไม่หลงไปในห้อง วีไอพี โดยบังเอิญแน่”
“แม้ว่าจะมีดาบนั่นยังไงผลลัพธ์ก็ไม่เปลี่ยนอยู่ดีนั่นแหล่ะ!”
จากนั้นพี่น้องดูก็ดึงดาบระดับวิญญาณออกมา
“ฉันจะเตือนแกทั้งสองเป็นครั้งสุดท้าย! อย่าบังคับให้ฉันต้องทำ” หยวนตะโกนใส่พวกเขาพร้อมจับดาบในมือแน่น
“เลิกพล่ามเถอะ! ลุยกันเลยดูไบ!”
ดูไบพยักหน้าและทั้งสองก็พุ่งเข้าไปหาหยวน
“ชักเริ่มสนุกแล้วสิ” รอยยิ้มกว้างเกิดขึ้นบนใบหน้าของหยวนขณะที่ก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
ครู่ต่อมาทั้งสามคนได้เข้าปะทะกัน หยวนได้ใช้ดาบของเขาอย่างเชี่ยวชาญรับการโจมตีของทั้งสองด้วยดาบเดียว
“มาดูกันว่าแกจะทนได้สักกี่น้ำ!” สองพี่น้องเริ่มรำดาบต่อเนื่องใส่หยวน
ชิง!! ชิง!! ชิง!!
ถึงอย่างนั้นหยวนก็เบี่ยงการโจมตีของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“นี่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้ว ถ้าจะต้องการชนะฉันจะต้องเป็นฝ่ายรุกบ้าง”
หลังจากเป็นฝ่ายป้องกันอยู่นานจู่ๆหยวนก็ก้าวไปด้านหน้าแล้วหวดดาบจนสองพี่น้องต้านไว้ไม่อยู่
“ทำไมถึงได้มีแรงเยอะนัก!”
“ไอ้หมอนี่ไม่ธรรมดาแล้ว!”
พี่น้องดูเริ่มเหงื่อตกหลังจากถูกฟาดดาบเพียงไม่กี่ครั้ง ในขณะเดียวกันเสียวหัวไม่ได้สนใจการต่อสู้แม้แต่น้อย เธอกำลังจบตาดู มาสเตอร์วิญญาณอย่างไม่ลดละ เธอพร้อมที่จะฆ่าเขาทันที ถ้าเขาคิดจะเข้าไปแทรกการต่อสู้ของหยวน
“ไอ้เจ้าสารเลวนี่ มันมาจากตระกูลไหนกัน มันคิดว่าจะสู้สองพี่น้องตระกูลดูด้วยตัวคนเดียวจริงๆหรือนี่” มาสเตอร์วิญญาณเฝ้าดูการต่อสู้ของพวกเขาด้วยดวงตาอันเบิกกว้างเต็มไปด้วยความไม่เชื่อสิ่งที่เห็น
“……”
ยิ่งมาสเตอร์วิญญาณเฝ้ามองการต่อสู้ของหยวนมากเท่าไหร่ เขาก็ต้องตกใจมากขึ้น
“ชายหนุ่มคนนี้เป็นอัจฉริยะ! เขาไม่เพียงแต่ต่อสู้อย่างได้เปรียบ แต่เขากำลังพัฒนาขึ้นระหว่างต่อสู้อีกด้วย! คงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่มิเช่นนั้น นายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายแน่”
มาสเตอร์วิญญาณกำลังจะเข้าขัดขวางการต่อสู้ แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นแรงกดดันมหาศาลที่อยู่ห่างไปไม่ไกล ทำให้สายตาของเขาต้องจ้องไปที่ร่างเล็กๆที่ยืนอยู่ห่างไปไม่กี่เมตร
“เด็กน้อยคนนั้น เป็นมาสเตอร์วิญญาณเหมือนกับข้างั้นรึ?!” หลังของมาสเตอร์วิญญาณชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ในตอนแรกเขาคิดว่าเธอเป็นเพียงน้องสาวของหยวน แต่กลับกันเธอดันแข็งแกร่งกว่าเขา เป็นการเปิดเผยตัวตนที่น่าตกใจจริงๆ!
เขาตระหนักได้ว่าฐานการฝึกฝนของเธอนั้นมากกว่าเขามากแม้ว่าเขาจะเป็นมาสเตอร์วิญญาณแล้วก็ตาม
ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่สามารถที่จะยืนดูสองพี่น้องดูตายได้ เพราะพ่อแม่ของพวกเขาจะต้องฆ่าเขาอย่างแน่นอน เพราะไม่สามารถปกป้องลูกของพวกเขาไว้ได้
………