ตอนที่ 1555 เล่นด้วยก็ได้ (1)
ชีวิตของจวินอู๋เสียในสำนักธาราเมฆค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิดหน้าที่ของนางที่หอจันทร์แรมในทุกๆวันก็คือการฝึกฝน นางต้องทำความสะอาดบ้างเป็นครั้งคราว แต่เวลาส่วนใหญ่ซูหย่าต้องการให้จวินอู๋เสียทุ่มเทไปกับการฝึกฝน
การอยู่ท่ามกลางอากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นเหล้าแรงๆทุกวันทำให้จวินอู๋เสียค่อยๆพัฒนาความต้านทานกลิ่นเหล้าได้ดีขึ้น และไม่รู้สึกมึนหัวง่ายๆอีกต่อไป
แต่การแช่อยู่ในเหล้าเกือบทั้งตัวเป็นเวลาครึ่งวันต่อครั้งต่อให้จวินอู๋เสียนำเสื้อผ้าสะอาดมาเปลี่ยนทุกวัน แต่กลิ่นเหล้าก็ยังติดอยู่บนผิวหนังของนาง ไม่สามารถกำจัดออกได้ ถึงขนาดที่ตอนเดินผ่านพื้นที่ต่างๆของสำนักธาราเมฆ ผู้เยาว์มากมายจะได้กลิ่นเหล้าที่รุนแรงจากตัวนางมาแต่ไกลเลยทีเดียว
คำพูดถึงจวินอู๋เสียยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆครอบคลุมไปทั่วทั้งสำนักธาราเมฆเหมือนกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ไม่ใช่แค่ศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนักที่รู้ กระทั่งพวกรุ่นพี่ก็ค่อยๆได้ยินเรื่อง “วีรกรรมที่เลื่องลือ” ของจวินอู๋เสีย ทั่วทั้งสำนักธาราเมฆตั้งแต่ระดับบนสุดจนถึงระดับล่าง ทุกคนต่างรู้เรื่องของเจ้าสวะที่มีพลังแค่งั้นๆ แต่พึ่งพาความสามารถของเผ่าพิเศษให้ได้เข้าสำนักธาราเมฆ เขายังเป็นคนแรกของประวัติศาสตร์สำนักธาราเมฆที่ถูกสำนักเมินและทิ้งให้อยู่ไปแบบตามบุญตามกรรม
ความคิดเห็นที่เกินรับได้พวกนั้นเหยียบย่ำชื่อเสียงของจวินอู๋เสียจนจมดินโคลนคำพูดที่ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ผู้คนมองข้ามเรื่องที่จวินอู๋เสียเป็นคนแรกที่ได้รับคำเชิญจากสิบสองวิหารทั้งหมด
พวกศิษย์ใหม่จากวิหารมารโลหิตมักจะ“ช่วยกันเสริมสร้าง” ชื่อเสียงของจวินอู๋เสีย ไม่ว่าใครก็ตามที่พูดไม่ดีเกี่ยวกับจวินอู๋เสีย พวกเขาก็จะออกมาตอบโต้ด้วยความพิเศษเป็นหนึ่งไม่มีสองของจวินอู๋เสียเสมอ ทำให้คนจากวิหารอื่นๆยิ่งรังเกียจจวินอู๋เสียมากขึ้นเรื่อยๆ
จากตอนแรกที่แค่เมินเฉยก็กลายเป็นศัตรูอย่างแท้จริง ทุกวันที่จวินอู๋เสียกลับมา หน้าประตูห้องของนางมักจะเต็มไปด้วยขยะ และบนประตูก็มีรอยขีดข่วนเป็นตัวอักษรอย่างคำว่า “ขยะ” “สวะ” และถ้อยคำดูถูกดูแคลนอื่นๆ คำพูดเสียดสีแดกดันก็มีมาเรื่อยๆไม่หยุดหย่อน
แต่จวินอู๋เสียไม่เคยแสดงปฏิกิริยาใดๆต่อเรื่องทั้งหมดนี้เลย
จนกระทั่งวันหนึ่งมีกองขยะอาหารเน่าๆถูกโยนทิ้งไว้ที่ด้านนอกห้องของนาง และที่ประตูก็เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมด
ในที่สุดจวินอู๋เสียก็ขมวดคิ้ว ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของผู้คน นางเปิดประตูห้องและเดินเข้าไปข้างใน
“เหมียวแม่มเหมียว!คนพวกนั้นมากเกินไปแล้วจริงๆ!” ทันทีที่เข้ามาในห้อง เจ้าแมวดำก็ทนไม่ไหว มันกระโจนออกมากางกรงเล็บอยู่บนโต๊ะด้วยความโกรธ
จวินอู๋เสียไม่ได้ใส่ใจเด็กเหลือขอพวกนั้นเพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นและนางเองก็ไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น พวกผู้เยาว์ที่ยังไม่ได้ก้าวเท้าเข้าไปในสิบสองวิหารไม่มีค่าให้นางต้องลงมือ
แต่กระทั่งรูปปั้นดินเผาก็ยังมีจุดเผาไหม้อยู่
จวินอู๋เสียสามารถเพิกเฉยต่อสิ่งอื่นๆที่พวกเขาทำได้แต่เมื่อกลิ่นเหม็นที่น่าสะอิดสะเอียนนั่นแทรกผ่านช่องว่างของประตูเข้ามาข้างใน จวินอู๋เสียก็รู้สึกรำคาญใจขึ้นมา
“ข้าว่าเจ้านายควรแสดงให้พวกเขาเห็นสักอย่างสองอย่างไอ้เด็กเวรพวกนี้ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำซะแล้ว!” เจ้าแมวดำข่วนโต๊ะด้วยความโกรธ ทำให้เกิดเสียงดังแสบแก้วหู ตลอดช่วงเวลานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะจวินอู๋เสียห้ามเอาไว้ เย่ฉากับเย่กูคงได้ส่งเด็กพวกนั้นไปลงนรกหลายครั้งแล้ว แต่เด็กเวรพวกนั้นไม่เพียงไม่ลดละ พวกเขากลับยิ่งทำรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
รังแกกันมากเกินไปแล้วจริงๆ
จวินอู๋เสียนั่งอยู่ที่โต๊ะพลางขมวดคิ้วมองประตูที่ปิดสนิทนั้นแม้ว่านางจะไม่เห็น แต่จะต้องมีคนกำลังทำเรื่องชั่วร้ายอยู่นอกประตูอีกแน่
ตอนที่ 1556 เล่นด้วยก็ได้ (2)
จวินอู๋เสียนั่งอยู่ที่โต๊ะพลางขมวดคิ้วมองประตูที่ปิดสนิทนั้นแม้ว่านางจะไม่เห็น แต่จะต้องมีคนกำลังทำเรื่องชั่วร้ายอยู่นอกประตูอีกแน่
พวกเด็กใหม่ของสำนักธาราเมฆไม่พอใจนางนางเข้าใจได้ เพราะได้เดาผลลัพธ์เช่นนี้เอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว ก่อนที่จะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้ จวินอู๋เสียได้เตรียมตัวไว้ระดับหนึ่ง นางวางแผนเปิดเผยคุณค่าของตัวเองต่อหน้าผู้อาวุโสของสิบสองวิหาร นั่นทำให้นางกลายเป็นคนที่ไม่สามารถแตะต้องได้และยังต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะใจนางอีกด้วย ซึ่งตอนแรกแผนของนางก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
ตอนแรกๆผู้เยาว์พวกนี้ก็ปฏิบัติตามคำสั่งของวิหารต่างๆที่มอบให้ไม่มีใครกล้าหาเรื่องจวินอู๋เสียอย่างโจ่งแจ้ง ส่วนคำพูดโต้เถียงขัดแย้งกันนั้น จวินอู๋เสียไม่สนใจ
แต่สิ่งต่างๆก็เริ่มเปลี่ยนไปจากการกระทำแปลกๆของวิหารมารโลหิต
ถ้าสถานการณ์ยังเป็นเหมือนตอนเริ่มต้นจะไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของวิหารตัวเองมาหาเรื่องจวินอู๋เสียแน่ แต่ “การปกป้อง” ของวิหารมารโลหิตได้กระตุ้นและปลุกปั่นอารมณ์ของพวกวัยรุ่นเลือดร้อนให้รุนแรงขึ้น
เนื่องจากพวกวัยรุ่นมีแนวโน้มที่ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลถูกกระตุ้นเข้าแบบนี้ พวกเขาจะยังจำคำสั่งที่เคยได้รับมาได้ยังไง การที่พวกเขาไม่เข้ามาต่อสู้กับจวินอู๋เสียตรงๆก็นับว่าเป็นความมีเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พวกเขาทำได้แล้ว
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นชีวิตของจวินอู๋เสียก็ถูกรบกวนมากแล้ว
เหตุผลทั้งหมดนี้จวินอู๋เสียเข้าใจดีอยู่แล้ว
มันก็แค่อุบายเลวๆของวิหารมารโลหิตคิดจะทำให้นางโดดเดี่ยวอย่างสมบูรณ์ พอนางถูกล้อมรอบด้วยศัตรู พวกเขาก็จะแสดงตัวเป็นผู้ช่วยให้รอดเพื่อจะได้เอาชนะใจนาง
ต้องพูดเลยว่าถึงแม้อุบายนี้จะชั่วร้าย แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ใช้สมองคิดแล้ว
เพียงแต่……
จวินอู๋เสียหรี่ตาเล็กน้อย
คิดจะใช้นางก็ต้องเตรียมตัวที่จะถูกนางใช้กลับด้วย
ความเย็นเยียบทอประกายในดวงตาของจวินอู๋เสียนางลุกขึ้นยืนและเดินออกไปทางประตู พวกผู้เยาว์ที่รวมตัวกันตามทางเดินเพื่อชมการแสดง ไม่ได้แสดงความสำนึกผิดแม้แต่น้อยเมื่อเห็นจวินอู๋เสียออกมา รอยยิ้มร้ายกาจยังคงอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
จวินอู๋เสียมีสีหน้าเย็นชาขณะเดินไปยืนที่หน้าห้องของกู่ซินเยียนและเคาะประตูเสียงดังต่อหน้าทุกคนที่นั่น
ทันทีที่กู่ซินเยียนเปิดประตูออกมานางก็เห็นจวินอู๋เสียยืนหน้านิ่งอยู่ที่หน้าประตูห้องของนาง การที่จวินอู๋เสียปรากฏตัวที่หน้าห้องของนางทำให้ดวงตาของกู่ซินเยียนฉายแววประหลาดใจขึ้นมา
เป็นที่ทราบกันดีว่าในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานางพยายามอย่างหนักเพื่อสานสัมพันธ์กับจวินอู๋เสีย ไม่ลังเลที่จะไปหาเขาบ่อยๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แม้แต่รอยยิ้มจากจวินอู๋เสีย ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะมาหานางเลย จวินอู๋เสียไม่เคยเป็นฝ่ายมาหานางก่อนเลยสักครั้ง
แต่วันนี้จวินอู๋เสียมาเคาะประตูห้องของนางด้วยตัวเองจริงๆ!
นั่นทำให้กู่ซินเยียนค่อนข้างประหลาดใจทีเดียว
“จวินอู๋?มาหาข้ามีอะไรงั้นหรือ?” แม้ว่าจะประหลาดใจกับการกระทำของจวินอู๋เสีย แต่ใบหน้าของกู่ซินเยียนยังคงมีรอยยิ้มสดใส
ไม่ว่าจวินอู๋จะมาหานางด้วยเรื่องอะไรอย่างน้อยจวินอู๋ก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อน!
“มีเวลาไหม?”จวินอู๋เสียเอ่ยปากอย่างใจเย็น
กู่ซินเยียนพยักหน้าทันที
“ไปกับข้าหน่อย”จวินอู๋เสียยื่นคำเชิญให้กู่ซินเยียน
กู่ซินเยียนมีสีหน้าแปลกใจทันทีจวินอู๋เสียเชิญนางออกไปด้วยกัน? นี่……ทำให้กู่ซินเยียนตกใจจริงๆ
แต่กู่ซินเยียนยังไม่ทันได้ตอบสนองจวินอู๋เสียก็หันหลังเดินออกไปแล้ว
กู่ซินเยียนรีบตามไปชนิดที่ไม่ยอมให้ชักช้าเลยแม้แต่น้อย
บรรดาผู้เยาว์ที่ยืนอยู่ตรงทางเดินมองจวินอู๋เสียกับกู่ซินเยียนเดินตามหลังกันมาติดๆด้วยความประหลาดใจแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ