ตอนที่ 1535 สำนักประหลาด (2)
สัปดาห์หลังจากนั้นผู้เยาว์ที่สามารถผ่านการทดสอบได้มีเพียง 10-20 คนต่อวันเท่านั้น หอพักขนาดใหญ่จึงว่างอยู่เกินครึ่ง และผู้เยาว์ส่วนใหญ่ก็ยังดิ้นรนอยู่กับการประเมิน
สำหรับผู้เยาว์ที่ผ่านการประเมินมาแล้วพวกเขาจะถูกทิ้งให้เน่าอยู่ในหอพักโดยไม่มีใครมาใส่ใจว่าพวกเขาจะอยู่หรือตาย
ไม่มีใครมาถามถึงพวกเขาแม้แต่คนเดียว
พวกเฉียวฉู่อยากใช้ช่วงเวลานี้มารวมตัวกันเพื่อพูดคุยแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ได้ให้พวกเขาสมปรารถนา
ผู้เยาว์ทุกคนที่ผ่านการประเมินเริ่มตั้งกลุ่มของตัวเองขึ้นมา!
ในการแข่งขันพวกเฉียวฉู่ไม่ได้ออมมือเลยพวกเขาล้วนได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นจนทั้งห้าคนกลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลอย่างมากในแต่ละวิหารที่ตนอยู่ ผู้เยาว์คนอื่นๆจึงพากันเข้าหาและพยายามจะเอาชนะใจพวกเขา
เรื่องที่ทั้ง5 คนรู้จักกันถูกเก็บเป็นความลับจากคนอื่นๆ และเพื่อไม่ให้ตัวตนของพวกเขาถูกเปิดเผย พวกเขาจึงต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกัน
ถ้าพวกเขาจะเจอกันข้างนอกพวกเขาก็ต้องแกล้งทำเป็นรังเกียจกัน
ตรงกันข้ามกับพวกเฉียวฉู่ที่มีผู้คนรุมล้อมจวินอู๋เสียมักจะอยู่คนเดียวตามลำพังตั้งแต่ต้นจนจบ
แม้ว่าพวกผู้เยาว์ทุกคนจะได้รับคำสั่งจากวิหารต่างๆมาก่อนเข้าสำนักธาราเมฆแล้วว่าห้ามหาเรื่องจวินอู๋เสียแต่ผู้เยาว์หลายคนก็ยังรู้สึกขุ่นเคืองนางกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
แต่ในบรรดาพวกเขาก็ยังมี‘คนฉลาด’ อยู่ไม่น้อย
จวินอู๋เสียไม่ได้ออกไปข้างนอกมากนักส่วนใหญ่แล้วนางจะอยู่แต่ในห้องเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับพลังวิญญาณของตัวเอง
หลังจากวันที่ผ่านการทดสอบที่สำนักธาราเมฆกำหนดไว้ให้นางก็พบว่าการเปลี่ยนแปลงของพลังวิญญาณของนางชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีพลังวิญญาณของนางเป็นสีม่วงเพียวๆ แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้มีประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวผสมเข้ามาในพลังวิญญาณของนาง เมื่อพลังวิญญาณของนางแสดงออกมา แสงสีม่วงก็จะมีประกายแวววาวระยิบระยับด้วย
จวินอู๋เสียไม่เคยเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนนางถามเย่ฉากับเย่กูแล้ว แต่ทั้งสองก็งงเช่นกัน ต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จวินอู๋เสียมองประกายระยิบระยับที่หลอมรวมอยู่ในพลังวิญญาณของนางแล้วภาพของจวินอู๋เหยาก็ผุดขึ้นในใจนาง
ตั้งแต่นางมาถึงอาณาจักรกลางนางก็ขาดการติดต่อกับจวินอู๋เหยา การแยกจากกันนี้ไม่เหมือนกับในอดีต
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจวินอู๋เหยาจะไปที่ไหนจวินอู๋เสียก็รู้ว่าทั้งคู่ยังคงอยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกัน แต่ครั้งนี้จวินอู๋เหยาอยู่ในอาณาจักรล่าง ขณะที่นางอยู่ในอาณาจักรกลาง
“ถ้าเขาอยู่ที่นี่เขาอาจจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” จวินอู๋เสียกระซิบกับตัวเองแผ่วเบา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความลึกลับที่นางเผชิญอยู่เลยทำให้นางนึกถึงจวินอู๋เหยาผู้รอบรู้ หรือเป็นเพราะนางคิดถึงเขาจริงๆ
เย่ฉาที่อยู่ในเงามืดมองจวินอู๋เสียที่ทำท่าทางเช่นนั้นแล้วอดถอนหายใจไม่ได้ตรงข้ามกับเย่กูที่ไม่เข้าใจสถานการณ์และได้แต่งง
ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังจมอยู่ในความคิดก็มีคนมาเคาะประตูห้องของนาง
จวินอู๋เสียสลายพลังวิญญาณบนตัวทันทีและเอายาจากกระเป๋ามิติออกมากิน
ตอนอยู่อาณาจักรล่างนางได้ปรุงยาที่ทำให้สามารถซ่อนระดับพลังวิญญาณของนางเป็นระยะเวลาหนึ่งได้ ลวงให้คนอื่นเห็นว่านางเป็นคนที่มีพลังวิญญาณอ่อนแอ
จวินอู๋เสียไม่คิดที่จะเปิดเผยพลังวิญญาณของนางต่อหน้าคนอื่นๆด้วยเหตุนี้เมื่องานชุมนุมเทพยุทธ์เริ่มต้นขึ้น นางก็กินยานี้เป็นประจำ
จากนั้นจวินอู๋เสียก็เดินไปเปิดประตู
ด้านนอกประตูมีเด็กสาวหน้าตาน่ารักและเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลายืนอยู่
ตอนที่ 1536 สำนักประหลาด (3)
“เจ้าคือจวินอู๋ใช่ไหม?ข้าเห็นว่าช่วงนี้เจ้าไม่ค่อยได้ออกจากห้อง บังเอิญข้ามีอาหารอยู่ก็เลยเอามาให้” เด็กสาวน่ารักอ่อนหวานยิ้มตาหยี นางมองจวินอู๋เสียพร้อมกับโบกกล่องอาหารในมือ
จวินอู๋เสียมองเด็กสาวที่จู่ๆก็โผล่มาทำตัวเป็นมิตรอย่างเย็นชาจวินอู๋เสียจำได้ว่าเคยเห็นเด็กสาวคนนี้มาก่อน ดูเหมือนนางจะถูกเลือกโดยวิหารมารโลหิต ตอนที่พวกเขาเข้ามาในสำนัก นางก็ยืนอยู่กับศิษย์ของวิหารมารโลหิต
วิหารมารโลหิตมีอำนาจเกือบเทียบเท่าวิหารปีศาจเพลิงโดยที่วิหารปีศาจเพลิงเหนือกว่าเล็กน้อย แต่หลังจากสูญเสียผู้อาวุโสไป 2 คน ความเหนือกว่าเล็กน้อยนั้นก็โดนวิหารมารโลหิตตามทัน
ถ้าจะหาวิหารที่แข็งแกร่งที่สุด2 วิหารในบรรดาสิบสองวิหาร ก็มีเพียงวิหารปีศาจเพลิงและวิหารมารโลหิตนี่เท่านั้น
ถ้าจวินอู๋เสียจำไม่ผิดกู่อิ่งจากตอนที่อยู่สำนักวายุประจิมก็เป็นคนที่วิหารมารโลหิตส่งมา
ท่าทางเย็นชาของจวินอู๋เสียดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบต่อเด็กสาวเลยแม้แต่น้อยเพราะรอยยิ้มของเด็กสาวไม่ได้เปลี่ยนไปเลย นางพูดต่อด้วยท่าทางสนิทสนมว่า “ดูเหมือนคนจากสำนักธาราเมฆจะไม่มายุ่งกับพวกเราในช่วงนี้นะ ข้าได้ยินว่าจนกว่าทุกคนจะผ่านการทดสอบ เราจะต้องดูแลตัวเองกันไปก่อน บังเอิญว่าข้าอยู่ชั้นเดียวกับเจ้า ห้องตรงข้ามนี้เอง มันคงเป็นโชคชะตาที่ทำให้เราได้พบกัน ข้าชื่อกู่ซินเยียน อาหารนี่เจ้ารับไว้เถอะ ไม่งั้นจะหิวเอานะ”
ใบหน้าของกู่ซินเยียนมีเสน่ห์อย่างมากรอยยิ้มของนางบริสุทธิ์งดงาม ทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นมิตรและสนิทใจได้อย่างง่ายดาย ไม่รู้ทำไม เมื่อจวินอู๋เสียเห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของกู่ซินเยียน นางก็นึกถึงฉูหลิงเย่ในอดีตทันที
ในอดีตฉูหลิงเย่เคยบริสุทธิ์และไร้เดียงสาเมื่อนางยิ้ม ราวกับว่านางไม่มีเรื่องกังวลหรือทุกข์ร้อนใดๆเลย
สายตาของจวินอู๋เสียหยุดอยู่ที่ใบหน้าของกู่ซินเยียนครู่หนึ่งก่อนจะละสายตาและพูดเบาๆว่า “ไม่จำเป็น”
กู่ซินเยียนไม่ยอมแพ้นางพูดว่า “ดูตัวเจ้าซิ ผอมขนาดนี้ ถ้าปล่อยให้หิวเดี๋ยวก็แย่เอาหรอก สำนักธาราเมฆไม่ใช่สำนักทั่วไป ถ้าเจ้าอยากฝึกอยู่ที่นี่ให้เก่งๆ เจ้าก็ต้องมีร่างกายที่แข็งแรง”
ขณะที่พูดกู่ซินเยียนก็ยัดกล่องอาหารใส่มือจวินอู๋เสีย จากนั้นก็ถอยไปสองสามก้าวทันที พร้อมกับโบกมือโดยไม่เปิดโอกาสให้จวินอู๋เสียปฏิเสธ
“เจ้ากินก่อนเถอะถ้าไม่พอ ข้าจะเอามาให้อีก ไปล่ะ” พูดจบกู่ซินเยียนก็เดินจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมาเลย เด็กหนุ่มที่อยู่กับนางก็เดินตามไปทันที
เด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้พูดอะไรสักคำตั้งแต่ต้นจนจบใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาเย็นชา สายตาที่จ้องมองมาตอนจากไปก็ดูไม่เป็นมิตร
จวินอู๋เสียมองกล่องอาหารที่ถูกยัดเยียดใส่มือนางแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้โยนมันทิ้งไป นางถือมันเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูตามหลัง
กู่ซินเยียนยังไม่ได้เดินออกไปไกลนักนางหันหน้ากลับมาเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู และเห็นหน้าห้องของจวินอู๋เสียว่างเปล่า รอยยิ้มฉายแววในดวงตาของนางอย่างไม่รู้ตัว
“ซินเยียนทำไมเจ้าต้องดีกับหมอนั่นด้วย? ไม่เห็นหรือว่าเขาไม่ได้ตอบสนองความหวังดีของเจ้าเลยสักนิด?” เด็กหนุ่มหน้าหล่อพูดพลางขมวดคิ้ว ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นมัวเมื่อเห็นรอยยิ้มในดวงตาของกู่ซินเยียน
กู่ซินเยียนหันหน้ากลับมามองเด็กหนุ่มที่กำลังไม่พอใจอย่างมาก
“เขาจะชื่นชมความมีน้ำใจของข้าหรือไม่ก็ไม่สำคัญเฮ่าอวี่ เมื่อไรสมองของเจ้าจะฉลาดขึ้นมาบ้าง? ถ้าเจ้ายังโง่อยู่แบบนี้ ตอนที่อยู่สำนักธาราเมฆนี่ เจ้าก็อยู่ของเจ้า ข้าก็อยู่ของข้า เราสองคนไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกัน” รอยยิ้มบนใบหน้าของกู่ซินเยียนจางหายไป ขณะมองหลินเฮ่าอวี่ด้วยสายตาโกรธเคือง
หลินเฮ่าอวี่อ้าปากมองกู่ซินเยียนที่มีสีหน้าไม่พอใจ แล้วเขาก็พูดอะไรไม่ออก