ตอนที่ 1541 หอจันทร์แรม (1)
หลินเฮ่าอวี่อดกลั้นไว้ไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่ความไม่พอใจเขียนเอาไว้เต็มหน้าของเขา
“ตัวเจ้าโง่เองก็อย่าลากข้าลงไปด้วย” กู่ซินเยียนเดินออกไปอย่างไม่พอใจ แต่ในใจนางคิดอีกอย่าง ท่าทางเย็นชาของจวินอู๋เสียทำให้นางอึดอัดใจอยู่บ้าง แต่จวินอู๋เสียก็ทำแบบนี้กับคนอื่นๆเช่นกัน ทั้งสำนักธาราเมฆ นางเป็นคนเดียวที่สามารถพูดกับจวินอู๋เสียได้ นั่นทำให้นางรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
และตอนนี้จวินอู๋กำลังจะไปที่หอจันทร์แรมทำให้กู่ซินเยียนมองเห็นความหวังขึ้นมาบ้าง
หอจันทร์แรมเป็นยังไงนางไม่รู้หรอกแต่ถ้าหอจันทร์แรมทำให้จวินอู๋ต้องทุกข์ทน นางก็สามารถใช้โอกาสนั้นปลอบใจเขาได้
กู่ซินเยียนจากไปพร้อมกับคิดคำนวณ
หลังได้รับข่าวจากเทียนเจ๋อจวินอู๋เสียก็เตรียมการเล็กน้อยแล้วออกเดินทางไปที่หอจันทร์แรม
หอจันทร์แรมตั้งอยู่ที่ปีกตะวันออกของสำนักธาราเมฆบริเวณนั้นไม่ใช่สถานที่ฝึกฝนสำหรับศิษย์ของสำนัก แต่มันอยู่ไม่ไกลจากห้องสมุดและหอเก็บสมบัติ เมื่อจวินอู๋เสียเดินออกจากบริเวณหอพัก นางได้เจอกลุ่มผู้เยาว์จำนวนมากตลอดทาง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น ดูเหมือนว่าเพิ่งกลับมาจากการฝึกและกำลังรู้สึกดีใจและตื่นเต้นกับอนาคตที่พวกเขาเห็นในสำนักแห่งนี้
พวกผู้เยาว์คุยกันอย่างสนุกสนานพอพวกเขาเห็นจวินอู๋เสีย เสียงหัวเราะก็เบาลงทันที ดวงตามองมาที่จวินอู๋เสียโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในบรรดาศิษย์รุ่นนี้จวินอู๋เสียไม่ได้ถูกนับว่าเป็นคนที่มีพลังวิญญาณแข็งแกร่งที่สุด และไม่ได้มีภูติประจำตัวที่แข็งแกร่งด้วย แต่นางก็ยังกลายเป็นคนที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ขณะที่ทุกคนรวมกลุ่มกัน 2-3 คน นางก็อยู่คนเดียวเสมอ ร่างโดดเดี่ยวนั้นทำให้พวกผู้เยาว์ที่รู้สึกอิจฉายิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น
เหล่าผู้เยาว์มองจวินอู๋เสียเดินผ่านไปต่อหน้าต่อตาสีหน้าแสดงออกว่าไม่พอใจ
“ข้ากำลังคิดอยู่ว่าเขาจะหลบอยู่ในห้องไปถึงเมื่อไหร่หรือจะไม่ออกมาแล้ว” ศิษย์คนหนึ่งพูดยิ้มเยาะ
“น่าสงสารข้าได้ยินว่าคนอื่นๆจากสาขาพรสวรรค์แต่กำเนิดไปรายงานตัวกันตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ดูเหมือนไม่มีใครสนใจเขาเลย ถูกทิ้งเอาไว้ให้แห้งเหี่ยวอยู่คนเดียวในห้อง”
“เฮอะน่าสงสารเหรอ? ไหนว่าเขาได้รับคำเชิญจากทั้งสิบสองวิหารไง? ข้าว่าเขามันก็แค่นั้นแหละ ที่นี่สำนักธาราเมฆ ไม่มีใครถามไถ่ถึงเขาเลยสักนิด คิดว่าตัวเจ๋งนักรึไง ตลก”
พวกผู้เยาว์บ่นพึมพำกันอีกเล็กน้อยแล้วก็เริ่มคุยกันเรื่องก่อนหน้านี้อีกครั้ง
จวินอู๋เสียพัฒนาความสามารถในการปิดกั้นเสียงพวกนั้นแล้วนางไม่สนใจสิ่งที่พวกเขาพูดเลยสักนิด
หลังจากเดินมาสักพักในที่สุดจวินอู๋เสียก็เจอหอจันทร์แรม นางยืนอยู่หน้าประตู มองคำ 3 คำที่อ่านว่า “หอจันทร์แรม” ซึ่งแขวนอยู่บนอาคาร แล้วหยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปที่ประตู ยกมือขึ้นเตรียมจะเคาะ
แค่ยืนอยู่นอกประตูเท่านั้นนางก็ได้กลิ่นเหล้าซึ่งดูเหมือนจะโชยออกมาจากด้านหลังประตู
ศิษย์ถูกห้ามไม่ให้ดื่มเหล้าในสำนักธาราเมฆขนาดครูก็ยังดื่มตามใจชอบไม่ได้ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน เวลาแบบนี้ทำไมถึงมีกลิ่นเหล้าได้ล่ะ?
จวินอู๋เสียรู้สึกงุนงงแต่ก็ไม่ได้ชะงักอยู่นาน นางเคาะประตูที่ปิดสนิทนั้น
หลังประตูเงียบกริบไม่มีเสียงใดๆให้ได้ยินเลย จวินอู๋เสียรออยู่สักพักแต่ประตูก็ไม่เปิด นางจึงเคาะอีกครั้ง
เสียงเคาะประตูดังชัดเจนในความเงียบเกิดเสียงดังก้องท่ามกลางบริเวณที่ว่างเปล่าในสำนักธาราเมฆ
ยังไม่มีเสียงอะไรจากในหอจันทร์แรมแต่จวินอู๋เสียก็ไม่ได้มีร่องรอยความหงุดหงิดในสีหน้าเลยแม้แต่น้อย นางหยุดชั่วครู่ก่อนจะเคาะต่อไปเป็นจังหวะอย่างไม่รีบร้อน
ตอนที่ 1542 หอจันทร์แรม (2)
หลังจากรอประมาณครึ่งชั่วโมงและจวินอู๋เสียก็กำลังจะเคาะประตูอีกครั้ง แต่ในที่สุดนางก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากภายใน จวินอู๋เสียจึงเอามือลงและรอ
‘แอ๊ด’
ประตูที่ปิดล็อคไว้ก็เปิดออกอย่างช้าๆกลิ่นเหล้าพุ่งตรงออกมาจากข้างใน
“เอิ๊ก!”ภายในห้องมีผู้หญิงที่สง่างามสวมชุดบางเบากำลังพิงประตูอยู่ ใบหน้างดงามของนางเป็นสีแดงระเรื่อ ดวงตาคู่งามหรี่ลงครึ่งหนึ่งพลางจ้องมองจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่หน้าประตู
ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนอายุประมาณ28-29 ปี ไม่ได้มีความงามไร้เดียงสาแบบเด็กสาว แต่เป็นความงดงามที่มีเสน่ห์เย้ายวนแบบหญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่านางไร้การอบรมเลยแม้แต่น้อย ขายาวๆของนางคลุมด้วยกระโปรง มือที่วางพิงประตูกำลังถือเหยือกเหล้าที่ตกแต่งอย่างประณีต
“เจ้าหนูมาผิดที่รึเปล่า?” สาวงามขมวดคิ้วมองจวินอู๋เสีย พอนางอ้าปากพูด กลิ่นเหล้าก็ลอยเข้าปะทะจวินอู๋เสีย
แค่หายใจเอากลิ่นเหล้าเข้าไปจวินอู๋เสียก็เกือบจะเมาแล้ว
“ครูเทียนเจ๋อบอกให้ข้ามา”จวินอู๋เสียพยายามไม่สนใจกลิ่นเหล้าที่รุนแรงนี้
“ห๊ะ?เทียนเจ๋อ?” หญิงสาวทำหน้างง นางมองจวินอู๋เสียขึ้นๆลงๆ “เขาให้เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“ฝึก”จวินอู๋เสียตอบ
“………..”ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นเบิกกว้างเล็กน้อย นางมองจวินอู๋เสียตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง “เขาบอกให้เจ้ามาฝึกที่นี่หรือ? เจ้าฟังไม่ผิดแน่นะ?”
จวินอู๋เสียพยักหน้า
ผู้หญิงคนนั้นดูหงุดหงิดมากนางแกว่งเหยือกเหล้าในมือและพูดว่า “หัวเจ้าเทียนเจ๋อโดนประตูหนีบสมองพังไปแล้วรึไง? ให้ข้าชี้แนะศิษย์เนี่ยนะ……ปัญญาอ่อนใช่ไหมเนี่ย? บ้าเอ๊ย……ข้าไม่ได้อยากสอนเด็กเมื่อวานซืนสักหน่อย”
ผู้หญิงคนนั้นบ่นอย่างหงุดหงิดโดยไม่สนใจว่าคำพูดที่เต็มไปด้วยความรังเกียจของนางจะเข้าหูของจวินอู๋เสียเต็มๆ
จวินอู๋เสียยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆเทียบกับความประหลาดใจของผู้หญิงคนนั้น นางเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน
[คนคนนี้จะเป็นครูของนางนับแต่นี้ไปจริงๆหรือ?]
เมื่อมองดูสภาพของผู้หญิงคนนั้นแล้วจวินอู๋เสียก็รู้สึกเหมือนได้พบกับบัวเมาเวอร์ชั่นผู้หญิง
ผู้หญิงคนนั้นบ่นอยู่พักหนึ่งในที่สุดก็พูดอย่างหงุดหงิดว่า “ช่างเถอะ เจ้าหนูเข้ามา” พูดจบนางก็ก้าวขายาวๆเดินเข้าไปข้างใน
จวินอู๋เสียเดินตามเข้าไปในห้องทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นเหล้าที่รุนแรง ชั้นวางของข้างกำแพงที่ชั้นหนึ่งเต็มไปด้วยไหเหล้าชนิดต่างๆเรียงรายเป็นแถว จำนวนมากจนน่าตกใจ
ผู้หญิงคนนั้นไม่สนใจจวินอู๋เสียนางเดินไปนอนที่โซฟานุ่ม มือข้างหนึ่งหนุนหัวไว้ ชันขาข้างหนึ่งบนโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ การเคลื่อนไหวของนางทำให้กระโปรงร่นขึ้นสูง เผยให้เห็นท่อนขายาวเรียบเนียน แต่ดูเหมือนนางจะไม่รู้ตัวเลย นางยกเหยือกเหล้าขึ้นแล้วเทมันเข้าปาก กระดกรวดเดียวหมดเหยือก จากนั้นก็โยนเหยือกเหล้าเปล่าไปที่เท้าของจวินอู๋เสีย
“เติมให้เต็ม”ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างเกียจคร้าน
จวินอู๋เสียมองผู้หญิงที่เมามากคนนั้นแล้วมองไปที่เหยือกเหล้าก่อนจะก้มลงหยิบมันขึ้นมาโดยไม่พูดอะไร ผู้หญิงคนนั้นชี้ไปที่ไหเหล้าบนชั้นวาง และจวินอู๋เสียก็เดินไปที่นั่น นางรินเหล้าลงในเหยือกแล้วส่งให้ผู้หญิงคนนั้น
จากนั้นจวินอู๋เสียก็ถอยไปด้านข้างผู้หญิงคนนั้นดื่มต่อไปโดยไม่สนใจนาง
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบภายใต้สถานการณ์ที่แปลกประหลาด
จนกระทั่งดื่มเหล้าหมดไปอีกเหยือกผู้หญิงคนนั้นก็ส่งให้จวินอู๋เสียรินเหล้ามาเพิ่ม หลังจากไปกลับเช่นนี้อยู่ 3-5 รอบ ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็หยุด นางถือเหยือกเหล้าไว้ในมือและหรี่ตามองจวินอู๋เสียที่ทำงานหนักโดยไม่ปริปากบ่นและยังคงมีท่าทางมั่นคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“เจ้าหนูเจ้าชื่ออะไร?” ผู้หญิงคนนั้นถาม