ตอนที่ 1565 มาเล่นกันหน่อย (5)
ถ้าหลินเฮ่าอวี่ทำให้กู่ซินเยียนอยู่ห่างจากจวินอู๋เสียได้เขาจะรั้งอยู่เพียงคนเดียวเพื่อคุยกับจวินอู๋เสียทำไม? คำพูดของจวินอู๋เสียกวนประสาทเขามาก เขากัดฟันด้วยความแค้น แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้
หลังจากที่กู่ซินเยียนได้เห็นวิชาเสริมวิญญาณของจวินอู๋เสียนางจะยอมล้มเลิกแผนการดึงจวินอู๋เสียเข้าวิหารมารโลหิตได้ยังไง?
หลินเฮ่าอวี่แทบจะกระอักเลือดด้วยความโกรธอยู่แล้ว
แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
หลังจากจวินอู๋เสียกลับห้องนางก็เรียกเย่ฉาและเย่กูออกมา
“คุณหนู”ทั้งสองคุกเข่าตรงหน้าจวินอู๋เสีย ท่านแบะแบะกับกระต่ายโลหิตที่อยู่ในอ้อมแขนของชายทั้งสองก็ถือโอกาสกระโดดออกมาทันที และพากันวิ่งด้วยความเร็วสูงมาอยู่ที่ข้างเท้าของจวินอู๋เสีย แล้วทำท่าทางน่ารักออดอ้อนเพื่อให้จวินอู๋เสียกอด
จวินอู๋เสียอุ้มสัตว์อสูรทั้งสองขึ้นมาอย่างอดทนและกอดพวกมันอยู่นาน
หลังจากนั้นจวินอู๋เสียก็พูดว่า“เจ้าสองคนช่วยส่งข้อความให้เจ้าทึ่มเฉียวกับคนอื่นๆที”
“ขอรับ”
เฉียวฉู่เพิ่งกลับห้องของเขาช่วงนี้พวกศิษย์ใหม่ของสำนักธาราเมฆคึกคักกันแบบสุดๆ ในฐานะหนึ่งในศิษย์ที่โดดเด่นที่สุด เฉียวฉู่รู้สึกเหมือนเป็นกระเรียนท่ามกลางฝูงไก่ในหมู่ผู้เยาว์ของวิหารปีศาจเพลิง เขาได้รับคำเยินยอและประจบสอพลอตลอดทั้งวัน สำหรับคนที่มีนิสัยอย่างเขา ต้องเจอกับการจงใจประจบสอพลอแบบนั้น ก็ทำให้รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง
“คุณชายเฉียว”ทันใดนั้น เย่ฉาก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องของเฉียวฉู่
เฉียวฉู่ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจทันที“พี่เย่ฉา!”
เทียบกับคำเยินยอและการประจบประแจงพวกนั้นเฉียวฉู่ชอบอยู่กับพวกเย่ฉามากกว่า แม้ว่าพลังของเขาจะด้อยกว่าเย่ฉา แต่เขาก็รู้สึกเป็นธรรมชาติกว่ามาก
“คุณชายเฉียวสบายดีหรือ?”เย่ฉาถาม
เฉียวฉู่ถอนหายใจแรงอดคร่ำครวญออกมาไม่ได้ว่า “ดีกะผีซิ! คนพวกนั้นน่ารำคาญจะตาย ข้าไม่เจอคนน่ารำคาญขนาดนี้มาก่อนเลย” เฉียวฉู่ทนพวกเลียแข้งเลียขาไม่ไหวแล้ว เขาไม่เข้าใจเลย พวกเขาเป็นวัยรุ่นที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันทั้งนั้น ทำไมต้องวางแผนการคิดโน่นคิดนี่อะไรกันมากมาย ถ้าปฏิบัติต่อกันอย่างปกติธรรมดา เขาก็คงไม่เบื่อขนาดนี้
แต่การจงใจประจบสอพลอของเด็กพวกนั้นทำให้เฉียวฉู่เกินจะรับไหวแล้ว
ความจริงสถานการณ์แบบนี้ก็เป็นสิ่งที่คาดไว้แล้ว การแสดงความสามารถในงานชุมนุมเทพยุทธ์ของเฉียวฉู่ ทำให้เขากลายเป็นศิษย์ที่โดดเด่นและมีความสำคัญที่สุดในบรรดาศิษย์ใหม่ของวิหารปีศาจเพลิง ผู้เยาว์คนอื่นๆที่ได้รับเลือกจากวิหารปีศาจเพลิงไม่ได้โง่ พวกเขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถเทียบกับเฉียวฉู่ได้เลย และรู้ว่าเฉียวฉู่จะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ในวิหารปีศาจเพลิง พวกเขาจึงอยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาเพื่อวางรากฐานสำหรับอนาคตของตัวเอง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจเรื่องนั้นแต่ยังไงซะเด็กพวกนี้ก็ยังอ่อนหัดอยู่มาก ท่าทีของพวกเขาที่พยายามทำเพื่อเอาชนะใจเฉียวฉู่นั้นโจ่งแจ้งและชัดเจนเกินไป เฉียวฉู่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องจนเหนื่อยเต็มทีแล้ว
เย่ฉาจนปัญญากับการโอดครวญของเฉียวฉู่เพื่อนของจวินอู๋เสียกลุ่มนี้ล้วนเป็นคนซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา พอเจอกับพวกงูพิษเจ้าเล่ห์ตีสองหน้าแบบนี้ ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสามารถรับมือกับคนพวกนี้ได้
“คุณหนูให้ข้าส่งข้อความมาให้”
“โอ้?”เมื่อเฉียวฉู่ได้ยินว่าจวินอู๋เสียมีเรื่องจะบอกเขา เขาก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
เขารู้ดีว่าสถานการณ์ของจวินอู๋เสียในสำนักธาราเมฆเป็นยังไงมีหลายครั้งที่เขาอยากจะพุ่งเข้าไปปกป้องสหายตัวน้อยของเขาจากพายุ แต่ก็ต้องยั้งตัวเองเอาไว้อย่างไม่มีทางเลือก ต้องฝืนทนเพื่องานใหญ่กว่าที่พวกเขาได้วางแผนเอาไว้
“นางว่ายังไง?เร็วเข้า! บอกมาเร็ว!”
เย่ฉากระซิบคำบางคำใส่หูของเฉียวฉู่เฉียวฉู่มีสีหน้าตกใจและดีใจทันที
“ฮ่าๆ!เสี่ยวเสียของเราร้ายกาจจริงๆ! แต่ข้าชอบแฮะ! ท่านไปบอกให้นางวางใจได้ ข้าจะจัดการให้อย่างดีเลย” เฉียวฉู่ทุบหน้าอกตัวเองเป็นการรับประกัน
เย่ฉาพยักหน้าและเพราะต้องไปแจ้งฟ่านจั๋วกับคนอื่นๆพร้อมเย่กูอีก เขาจึงไม่โอ้เอ้อยู่ที่นั่นนาน
ตอนที่ 1566 มาเล่นกันหน่อย (6)
เย่ฉาเพิ่งเดินออกไปข้างนอกเฉียวฉู่ก็ออกจากห้องทันทีและไปเคาะประตูห้องของผู้เยาว์คนอื่นๆจากวิหารปีศาจเพลิง เมื่อคนพวกนั้นได้ยินเสียงตะโกนเรียกของเฉียวฉู่ ทุกคนก็รีบออกมาหาเขาทีละคน
เหล่าศิษย์ใหม่จากวิหารปีศาจเพลิงล้วนยอมรับเฉียวฉู่เป็นหัวหน้าของพวกเขาแล้วทุกคนต่างหวังว่าจะสามารถคบหาสมาคมกับเฉียวฉู่ได้มากขึ้น แต่เฉียวฉู่มักจะมีท่าทางเมินเฉยต่อพวกเขาอยู่เสมอ ทำให้พวกเขาค่อนข้างกังวลอยู่ไม่น้อย การที่เฉียวฉู่มาหาพวกเขาแบบนี้ นับเป็นโอกาสที่หายาก พวกเขาจะไม่รีบมาได้ยังไง?
“พี่ใหญ่เฉียวมาหาพวกเรามีเรื่องอะไรหรือ?” ผู้เยาว์คนหนึ่งที่อายุมากกว่าเฉียวฉู่ 1-2 ปีเอ่ยปากถามอย่างกระตือรือร้น
เฉียวฉู่นั่งอยู่บนเก้าอี้มองดูกลุ่มคนที่ถูกเรียกมาด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าจะเป็นแค่คนส่วนหนึ่ง แต่ก็เพียงพอแล้ว!
“ข้าได้ยินว่าช่วงนี้พวกวิหารมารโลหิตเล่นไม่ซื่อจริงรึเปล่า?” เฉียวฉู่แกล้งถามนำ
พวกผู้เยาว์ที่มารวมตัวกันหันมองหน้ากันไปมา
ในบรรดาสิบสองวิหารวิหารปีศาจเพลิงกับวิหารมารโลหิตเป็นวิหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทั้งสองวิหารแข่งขันอยู่ตลอด กระทั่งในสำนักธาราเมฆก็เกิดความขัดแย้งเล็กๆน้อยๆอยู่บ่อยๆ ทั้งสองฝ่ายต่างเหม็นขี้หน้ากันมานาน พอเฉียวฉู่ถามเช่นนั้น เด็กหนุ่มพวกนี้ก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที ต่างแย่งกันเป็นคนพูดก่อน
“วิหารมารโลหิตไม่เคยซื่อตรงมาตั้งแต่แรกแล้วข้าไม่รู้ว่าพวกมันเอาความมั่นใจมาจากไหน ไอ้จวินอู๋นั่นมันก็จองหองแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่หรือ? ไม่รู้ว่าพวกวิหารมารโลหิตไปกินยาอะไรมา ทุกคนถึงได้พากันปกป้องเจ้าหมอนั่น ตอนนี้พวกมันเลยทะเลาะกับคนไปทั่วเลย”
“ใช่ๆ!ข้าล่ะอายที่จะพูดกับพวกมันจริงๆ! คนของวิหารหยกวิญญาณไปเกี่ยวอะไรกับวิหารมารโลหิต? ผู้คนจะพูดไม่ดีเกี่ยวกับจวินอู๋แล้วมันยังไง พวกมันทุกคนถึงต้องกระโดดออกมาปกป้องหมอนั่นอย่างดุเดือดขนาดนี้!? มันไม่ใช่คนของวิหารมารโลหิตซะหน่อย!”
พอกล่าวถึงวิหารมารโลหิตผู้เยาว์ทุกคนก็ดูเหมือนจะมีคำพูดดูถูกไม่จบไม่สิ้น เจ้าด่าคำ ข้าด่าอีกคำ พวกผู้เยาว์ของวิหารมารโลหิตโดนด่าตั้งแต่หัวจรดเท้า
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฉียวฉู่ก็แอบพอใจเป็นอย่างมาก แต่ใบหน้าของเขายังคงดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่
“ข้าแน่ใจว่าทุกคนที่นี่รู้ดีว่าวิหารมารโลหิตไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับวิหารปีศาจเพลิงของเราพวกเราขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าพวกเราจะยังไม่ได้เข้าร่วมกับวิหารปีศาจเพลิงอย่างเป็นทางการ แต่พวกเราก็ถูกเลือกโดยวิหารปีศาจเพลิง ตอนแรกที่เข้าสำนักนี้ ข้าก็คิดว่าพวกเรามาเพื่อฝึกฝนพลังของตัวเองและไม่สามารถยุ่งกับคนจากวิหารมารโลหิตได้ ตอนนี้พวกวิหารมารโลหิตได้ทีเลยเอาใหญ่ เราทุกคนจากวิหารปีศาจเพลิงไม่เคยกลัววิหารมารโลหิตเลย ข้าคิดว่าเราจะยอมให้ชื่อของวิหารปีศาจเพลิงเสื่อมเสียไม่ได้เด็ดขาด ถูกไหม?” เฉียวฉู่พูดอย่างเด็ดเดี่ยวองอาจ พวกเด็กหนุ่มพากันพยักหน้ารัวๆ
“ทุกคนก็รู้แก่ใจกันดีอยู่แล้วว่าทั้งสองวิหารอยากจะขึ้นเป็นผู้นำของสิบสองวิหารตอนนี้วิหารมารโลหิตทำตัวยโสจองหอง คงคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าใหญ่ แล้วพวกเราจะทนต่อไปงั้นหรือ? ถ้าวันหน้าออกจากสำนักธาราเมฆไป แล้วผู้อาวุโสของวิหารเรารู้ว่าตอนที่อยู่ในสำนัก พวกเราหลบเลี่ยงไม่ยอมสู้พวกวิหารมารโลหิตล่ะก็ มันไม่ดูเหมือนว่าพวกเรากลัวพวกมันหรือ?” เฉียวฉู่กระตุ้นต่อไป
ทุกคนล้วนเป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยอยู่ในวัยที่ฮึกเหิมเลือดร้อน เมื่อถูกกระตุ้นด้วยคำพูดของเฉียวฉู่ พวกเขาก็นึกถึงการกระทำที่หยิ่งผยองของพวกวิหารมารโลหิตในช่วงนี้ แล้วก็พากันขมวดคิ้วทีละคน
“พี่ใหญ่เฉียวพี่บอกมาว่าเราต้องทำยังไง? พวกเราจะฟังคำสั่งพี่!”
“ใช่!พี่ใหญ่เฉียว ชี้แนะพวกเรามาได้เลย พวกเราไม่อยากทนกับพวกวิหารมารโลหิตอีกแล้ว เห็นหน้ากวนประสาทของไอ้พวกนั้นแล้วมันหงุดหงิดทุกที”
กลุ่มผู้เยาว์พากันส่งเสียงระบายความไม่พอใจออกมา