ตอนที่ 1683 ลุกจากที่ (1)
จื่อจินเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสียที่นั่งลงแล้วสายตาของนางก็เหลือบไปเห็นคนที่นั่งลงด้านหลังจวินอู๋เสีย
ไม่ใช่ครั้งแรกที่จื่อจินได้เห็นคนคนนั้นนางรู้ว่าเย่ฉาปลอมตัวอยู่ แต่ไม่รู้ทำไม วันนี้นางรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัว “เย่ฉา” เปลี่ยนไป ปกติเย่ฉากับเย่กูไม่ค่อยพูดหรือยิ้ม และมักจะทำให้คนรู้สึกถึงความกดดันและเย็นชา แต่ “เย่ฉา” วันนี้กลับยิ้มมุมปากได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้ว่าจะเป็นรอยยิ้มบางๆ แต่ก็ทำให้คนรู้สึกว่ามันน่ากลัวและเลือดเย็น บรรยากาศก็ดูเหมือนกดดันยิ่งกว่าเดิม จนแทบรู้สึกได้ถึงอันตราย เพียงแค่นั่งตรงข้ามกับเขา จื่อจินก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งหลัง นางงอหลังลงโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เจ้าเรียกเย่ฉามาด้วยหรือ?”จื่อจินงงเล็กน้อย จวินอู๋เสียตัดสินใจว่าจะไม่ให้เย่ฉากับเย่กูเข้าร่วมงานเลี้ยงวันนี้ไม่ใช่หรือ?
[ทำไมจู่ๆถึงได้เปลี่ยนใจแล้วล่ะ?]
“อืม”จวินอู๋เสียตอบนิ่งๆ ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
จื่อจินมองจวินอู๋เสียอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็มองไปที่ “เย่ฉา” ไม่สามารถสลัดความรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติออกไปได้ แต่เย่ฉาเป็นลูกน้องของจวินอู๋เสีย ย่อมไม่ดีหากนางจะถามมากเกินไป
“เมื่อกี้ตอนที่เจ้าออกไปเจ้าพลาดฉากเด็ดแล้ว” จื่อจินเลิกสนใจเรื่องนี้แล้วก็พูดขึ้น
“หืม?มีเรื่องอะไร?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วเล็กน้อย กวาดมองไปทั่วห้องโถงเพื่อหาเบาะแส และพบว่ากู่อิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆกู่ซินเยียนหายไปจากงานเลี้ยงแล้ว ที่นั่งของเขาว่างเปล่า
จื่อจินหัวเราะเบาๆและพูดว่า“ดูเหมือนจูเก๋ออินจากวิหารมังกรจะเล็งคุณหนูของวิหารมารโลหิตเอาไว้ เมื่อกี้อาศัยว่าได้เหล้าเข้าปากไประหว่างงานเลี้ยง เขาก็วิ่งเข้าไปคุยกับกู่ซินเยียน โชคร้าย พูดไปได้ไม่กี่คำก็โดนกู่อิ่งไล่กลับมา ไปๆมาๆ ทั้งสองฝ่ายก็ดูท่าทางไม่ดีเอามากๆ สุดท้ายกู่ซินเยียนก็พูดขึ้นมาว่า กู่อิ่งดื่มมากเกินไปแล้ว ให้เขากลับไปพักผ่อน แต่ข้าเห็นว่าตอนนั้นตาของกู่อิ่งใสชัดเจนดี ดูไม่เมาเลยสักนิด เขาแสดงออกชัดเจนเลยว่าไม่ไว้หน้าจูเก๋ออินแล้ว ตอนที่กู่อิ่งออกไป สีหน้าเขาดูไม่ดีเลย”
ในฐานะศิษย์ของวิหารหยกวิญญาณจื่อจินย่อมอยากให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นในสิบสองวิหาร ยิ่งวุ่นวายมากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น นี่เป็นการแสดงที่นางไม่อยากพลาดอย่างแน่นอน
จวินอู๋เสียฟังคำพูดของจื่อจินอยู่เงียบๆตามที่คาดไว้ จูเก๋ออินที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักมีสีหน้าบึ้งตึง และกู่ซินเยียนก็ก้มหน้าตลอดเวลาโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่านางคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ก็ดูเหมือนที่จื่อจินพูด
แต่ว่า……
จวินอู๋เสียยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นางเคยเจอกับกู่อิ่งมาก่อนกู่อิ่งไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังใคร ด้วยนิสัยของกู่อิ่ง ถ้าเขาไม่พอใจจูเก๋ออิน ต่อให้บนหัวของจูเก๋ออินแบกรัศมีประมุขน้อยวิหารมังกรอยู่ เกรงว่ากู่อิ่งก็ไม่ลังเลที่จะทำให้เขากระอักเลือดไปสามฟุตตรงนั้นแหละ รวมทั้งตัดสัมพันธ์กับจูเก๋ออินต่อหน้าทุกคนด้วย ยิ่งกว่านั้นกู่ซินเยียนพูดแค่ไม่กี่คำก็กลับไปแล้ว นี่ไม่ใช่นิสัยของกู่อิ่งเลย
นอกจากนั้น……
จวินอู๋เสียมองไปที่กู่ซินเยียนในตอนนั้นกู่ซินเยียนก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี ใบหน้าของนางซีดเล็กน้อย สายตาว่างเปล่าของนางกวาดมองไปรอบห้องโถงใหญ่ พอสบตาจวินอู๋เสียเข้า นางก็สะดุ้งเล็กน้อย แล้วรีบก้มหน้าลงดื่มเหล้าต่อ
[กู่อิ่งออกไปโดยไม่ก่อเรื่องอะไรเพราะคำพูดของกู่ซินเยียนจริงหรือ?]
จวินอู๋เสียไม่รู้สึกเลยสักนิดว่ากู่ซินเยียนจะมีอิทธิพลต่อกู่อิ่งมากขนาดนั้น ตอนที่กู่ซินเยียนและกู่อิ่งอยู่ด้วยกันนั้น จวินอู๋เสียเห็นได้ไม่ยากเลยว่ากู่ซินเยียนกลัวกู่อิ่งจากก้นบึ้งของหัวใจ
ตอนที่ 1684 ลุกจากที่ (2)
จวินอู๋เสียยังคงสังเกตทุกอย่างด้วยท่าทางสงบนิ่งการลุกออกไปของกู่อิ่งไม่ใช่เพราะคำพูดไม่กี่คำของกู่ซินเยียนอย่างแน่นอน
แล้วเพราะอะไร?
“เจ้าว่าวิหารมารโลหิตกับวิหารมังกรจะมาทะเลาะกันที่นี่รึเปล่า?” จื่อจินค่อนข้างตื่นเต้น จวินอู๋เสียยังไม่ทันทำอะไร นายน้อยทั้งสองของวิหารมารโลหิตกับวิหารมังกรก็มีเรื่องกันแล้ว นี่หมายความว่าพวกเขาอาจไม่ต้องทำอะไรก็นั่งรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้เลยน่ะซิ?
จวินอู๋เสียส่ายหน้า“กู่อิ่งนี่ช่างเถอะ แต่กู่ซินเยียนจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องขึ้นหรอก ยิ่งกว่านั้น การทะเลาะเล็กๆน้อยๆแบบนี้ไม่มีความหมายอะไรเลย วิหารต่างๆก็ทะเลาะกันเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสักนิด”
สิบสองวิหารก็ทะเลาะกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง?
ตอนอยู่ที่ผาสุดสวรรค์วิหารปีศาจเพลิงก็เข่นฆ่าวิหารแห่งชีวิต แม้ว่าจะมีคนบาดเจ็บล้มตาย แต่สิบสองวิหารก็ยังไม่ต่อสู้กันอย่างเปิดเผยจริงๆ
เว้นแต่ว่า……
จวินอู๋เสียมองไปที่จูเก๋ออินซึ่งนั่งหน้าตึงอยู่
จูเก๋ออินโดนกู่อิ่งฉีกหน้าแม้ว่าคำพูดสุดท้ายของกู่ซินเยียนจะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศลงได้บ้าง แต่หน้าของจูเก๋ออินก็ยังไม่น่าดูอยู่ดี
เฟยเหยียนที่นั่งอยู่ข้างๆไม่อยากเปลืองน้ำลายกับเจ้าหมอนี่เลย แต่เพื่อแผนการของพวกเขา เฟยเหยียนจึงยิ้มออกมาและหลอกล่อโน้มน้าวเขา
“ข้าแค่อยากดื่มกับซินเยียนและคุยกับนางนิดหน่อยเท่านั้นเจ้ากู่อิ่งนั่นตั้งใจจะทำอะไรกันแน่? พูดจาก็แปลกประหลาด อยากฆ่าข้างั้นเรอะ?” ยิ่งคิดจูเก๋ออินก็ยิ่งโมโห เขาเป็นลูกชายคนเดียวของประมุขวิหารมังกร และเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อมาตั้งแต่เด็ก ได้รับยกย่องว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดจากทุกคนที่อยู่รอบตัวเขา เขาเคยโดนคนทำเช่นนี้ใส่ที่ไหนกัน?
เฟยเหยียนเทเหล้าให้จูเก๋ออินแล้วพูดอย่างอดทนว่า“นายน้อยอย่าโกรธเลย ยังไงซะอีกฝ่ายก็เป็นคนของวิหารมารโลหิต วิหารมารโลหิตมักจะโม้ว่าตัวเองสามารถเทียบกับวิหารปีศาจเพลิงได้ ก็ย่อมดูถูกวิหารอื่นอยู่แล้ว คนนั้นคือประมุขน้อยของวิหารมารโลหิต ก็เลยหยิ่งยโสพูดจาไม่คำนึงถึงคนอื่น นายน้อยใจเย็นลงก่อนเถอะ”
ดูเผินๆเหมือนเฟยเหยียนกำลังเกลี้ยกล่อมจูเก๋ออินแต่ถ้าคิดถึงคำพูดของเขาให้ดีๆ จะเห็นได้ว่าเฟยเหยียนกำลังเติมน้ำมันเข้าไปในกองไฟต่างหาก
การพูดกรอกหูจูเก๋ออินถึงความหยิ่งยโสของวิหารมารโลหิตอย่างต่อเนื่องยิ่งทำให้จูเก๋ออินที่ยังหนุ่มและเลือดร้อนโกรธเคืองมากขึ้นไม่ใช่หรือ?
“หมอนั่นเนี่ยนะ?ยังนับว่าเป็นประมุขน้อยของวิหารมารโลหิตด้วยหรือ? ล้อเล่นน่า! กู่อี้ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด อย่าคิดว่าแซ่กู่ก็จะเป็นประมุขคนต่อไปของวิหารมารโลหิตได้ มีแต่ผีแหละที่รู้ว่าไอ้เวรนั่นมาจากไหน กู่อี้ไม่เคยคิดจะอบรมเลี้ยงดูเจ้านั่นให้เป็นประมุขวิหารคนต่อไปเลย มันยังจะคิดว่าตัวเองสำคัญอยู่อีกเรอะ” จูเก๋ออินไม่เพียงรู้สึกโกรธ แต่ยังรู้สึกว่ากู่อิ่งฉีกหน้าเขาต่อหน้ากู่ซินเยียนและเฟยเหยียนด้วย ทำให้ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้น
คนพูดไม่ได้ตั้งใจพูดแต่คนฟังตั้งใจฟัง มือของเฟยเหยียนที่กำลังรินเหล้าชะงักเล็กน้อย แต่สีหน้าไม่ได้แสดงอะไรออกมา ยังคงใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเดิม
จูเก๋ออินกระดกเหล้าเข้าปากเพื่อระงับไฟในใจ
“เหยียนเอ๋อร์ข้าจะบอกให้นะ เจ้าอย่าไปมองไอ้หมากู่อิ่งนั่น หมอนั่นมันไม่ได้สำคัญอะไรต่อวิหารมารโลหิตเลย เจ้าเพิ่งเข้าร่วมวิหารเรา ยังมีอะไรที่เจ้าไม่รู้อีกมาก ในสิบสองวิหารมีเรื่องสกปรกต่ำช้าอยู่เยอะ ถ้าวิหารมารโลหิตจะเลือก พวกเขาก็จะเลือกกู่ซินเยียนเป็นประมุขวิหารคนต่อไป ไอ้เวรนั่นไม่มีโอกาสหรอก”
“แต่……เขาเป็นลูกชายของประมุขวิหารมารโลหิตไม่ใช่หรือ?ตำแหน่งประมุขวิหารมักสืบทอดจากพ่อไปที่ลูกชายนี่” เฟยเหยียนแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ
จูเก๋ออินยิ้มเยาะแล้วพูดว่า“ก็ใช่ ปกติตำแหน่งจะสืบทอดไปที่ลูกชาย แต่ลูกชายคนนั้นต้องเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่แท้จริงของเขาซะก่อน!”