ตอนที่ 1715 ความเมตตา (1)
“ดึกแล้วเจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ” จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าจะปลอบเด็กสาวที่กำลังร้องไห้ได้อย่างไร จึงได้แต่บอกให้นางไปพักผ่อน
จื่อจินเช็ดน้ำตาแล้วพยักหน้าแต่พอเดินไปถึงประตู นางก็หยุดและหันกลับมามองจวินอู๋เสีย
“ศิษย์น้องอู่วันนี้เจ้าคิดจะดูจูเก๋ออินฆ่าเยว่อี้จริงๆหรือ?”
คำถามของจื่อจินทำให้ดวงตาของจวินอู๋เสียทอแสงวาวขึ้นมา
จื่อจินกัดริมฝีปาก“ข้ารู้ว่าศิษย์น้องอู่มีความแค้นต่อสิบสองวิหารอย่างลึกซึ้ง เหตุผลที่เจ้ามาที่นี่ก็เพื่อทำตามแผนของเจ้า แม้ว่าเยว่อี้เป็นศิษย์ของสิบสองวิหารก็จริง แต่……เขาก็มีชีวิตอยู่อย่างขมขื่น ต้องจมอยู่กับปัญหาที่ไม่อาจพูดได้ ในเมื่อเจ้าร่วมมือกับเขาแล้ว เจ้าก็ควรปฏิบัติกับเขาเช่นพันธมิตรของเจ้าไม่ใช่หรือ?”
จวินอู๋เสียมองจื่อจินนิ่ง“เจ้าคิดว่าวันนี้ข้าทำอะไรล่ะ?”
จื่อจินส่ายหน้า“ข้าไม่รู้ ทุกอย่างที่ข้าได้ยิน ทุกสิ่งที่ข้าเห็น ทำให้ข้าสับสนมาก ข้าแค่หวังว่าศิษย์น้องอู่จะมีความเมตตามากขึ้นอีกนิดก็เท่านั้น”
จนถึงตอนนี้จื่อจินก็ไม่สามารถลืมคำพูดที่จวินอู๋เสียพูดที่ข้างเวทีประลองได้ คำพูดเหล่านั้นทำให้เลือดของจื่อจินเย็นเยียบ สิ่งที่นางได้ยินไม่ได้ทำให้นางรู้สึกว่าจวินอู๋เสียตั้งใจจะช่วยเยว่อี้เลย ทุกอย่างที่นางได้ยินมีแค่จวินอู๋เสียจะทิ้งเยว่อี้ไว้ในกำมือของจูเก๋ออินให้เขาจัดการได้ตามใจชอบ ไม่ได้เอ่ยปากขอร้องเพื่อช่วยชีวิตเยว่อี้เลยสักคำ
ตอนนั้นจื่อจินรู้สึกสิ้นหวังมาก
นางรู้ว่าจวินอู๋เสียเป็นศัตรูกับสิบสองวิหารแต่……เยว่อี้ควรนับว่าเป็นพันธมิตรของพวกเขาไม่ใช่หรือ?
การพร้อมที่จะเสียสละพันธมิตรอย่างไม่ลังเลเช่นนั้นเหมาะสมแล้วจริงๆหรือ?
“ไปพักผ่อนเถอะ”จวินอู๋เสียหันกลับมา ไม่ยอมพูดอะไรกับจื่อจินอีก
จื่อจินยืนกัดริมฝีปากอยู่ตรงนั้นอีกครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็หันกลับและเดินออกไป
จนกระทั่งจื่อจินออกไปแล้วจวินอู๋เหยาที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ดูเหมือนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจความคิดและจิตใจของเจ้าในเรื่องนี้นะ”จวินอู๋เหยาเดินมาที่ข้างกายจวินอู๋เสีย แล้วเอื้อมมือออกมาใช้นิ้วลูบผ่านเส้นผมของนาง
มีเมตตาให้มากขึ้นงั้นหรือ?
ทำไมเขาไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าเสี่ยวเสียเอ๋อร์ของเขาไร้ความเมตตา?
อันที่จริงเขารู้สึกว่าเสี่ยวเสียเอ๋อร์มีเมตตามากเกินไปด้วยซ้ำ!
“ไม่จำเป็นต้องให้นางเข้าใจ”จวินอู๋เสียนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างและมองเยว่อี้ที่กำลังหลับสนิท ในแววตาไม่มีทั้งความยินดีหรือเศร้าโศก
จื่อจินเป็นเพียงศิษย์ของวิหารหยกวิญญาณการร่วมมือของนางกับวิหารหยกวิญญาณก็เป็นเรื่องระหว่างนางกับประมุขวิหารหยกวิญญาณ ทั้งหมดที่นางทำ นางไม่จำเป็นต้องอธิบายให้จื่อจินฟัง นอกจากนั้น นางเชื่อในสติปัญญาที่ชาญฉลาดของประมุขวิหารหยกวิญญาณ แม้ว่าจะเขารู้เรื่องในวันนี้ เขาก็จะเข้าใจถึงเหตุผลที่นางทำเช่นนี้ได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นแม้ว่านางจะเอ่ยปากขอร้องจูเก๋ออินให้ไว้ชีวิตเยว่อี้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร จูเก๋ออินเกลียดนาง และเกลียดเยว่อี้ แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรก็ตาม แต่จวินอู๋เสียก็แน่ใจว่าจากความเกลียดชังที่เห็นได้ชัดในแววตาของเขา ต่อให้นางทำตามที่เขาบอกให้นางทำและคุกเข่าคำนับเขา ผลที่นางได้ก็แค่ทำให้จูเก๋ออินเยาะเย้ยนางมากขึ้น
และถึงกระนั้นจูเก๋ออินก็จะไม่แสดงความเมตตาใดๆ เพื่อไว้ชีวิตเยว่อี้ และสุดท้ายเยว่อี้ก็ต้องตาย
ไม่สู้ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ต้อนจูเก๋ออินให้จนมุมเพื่อให้เยว่อี้มีโอกาสรอดชีวิตมาได้
“แบกตัวภาระไว้ตั้งสองคนแบบนี้……เสี่ยวเสียเอ๋อร์เจ้าแน่ใจนะว่าได้พันธมิตรมาน่ะ?” จวินอู๋เหยาไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเยว่อี้และจื่อจินมากนัก แต่ก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ว่านิสัยของเยว่อี้จะไม่เลว แต่ก็ขี้ขลาดเกินไป ขี้กังวลมากเกินไป แถมยังโง่เขลา ส่วนจื่อจินก็อ่อนต่อโลกเกินไป เป็นเด็กสาวผู้โง่เขลาที่ยังไม่เข้าใจถึงความน่ากลัวของโลกใบนี้
ตอนที่ 1716 ความเมตตา (2)
มีสองคนนี้คอยติดตามคนอันตรายอย่างจวินอู๋เสียพวกเขาจะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลยนอกจากจะเพิ่มภาระให้นางเท่านั้น
ถ้าเป็นจวินอู๋เหยาเขาจะไม่ยอมให้ขยะไร้ประโยชน์อย่างสองคนนี้อยู่ข้างกายเขาแน่
จื่อจินพูดว่าจวินอู๋เสียน่าจะมีเมตตามากขึ้นอีกนิดนางมองเห็นแต่ด้านที่เย็นชาและใจแข็งของจวินอู๋เสีย แต่ตาบอดเกินกว่าจะสังเกตเห็นความเมตตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเย็นชาและเฉยเมยนั้น
ไม่อย่างนั้นพวกผู้เยาว์จากวิหารเงาจันทราและเยว่อี้ก็คงไม่มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้หรอก
มีเพียงคนตายเท่านั้นที่จะเก็บความลับได้จวินอู๋เสียปล่อยให้เยว่อี้อยู่กับนาง เป็นเพราะเขามีประโยชน์หรือว่าเพราะนางไม่อยากฆ่าคนบริสุทธิ์กันแน่?
“ช่างเถอะ”จวินอู๋เสียกล่าวขณะรินน้ำให้ตัวเอง เส้นทางที่นางก้าวเดินถูกกำหนดไว้ให้เป็นเส้นทางที่เปื้อนเลือด วิญญาณที่จะแตกดับด้วยมือนางในอนาคตจะมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่นางไม่คิดจะกลายเป็นฆาตกรกระหายเลือด
หากนางกล้าที่จะให้เยว่อี้และจื่อจินอยู่ข้างกายนางก็ย่อมมีวิธีจัดการกับความไม่ได้เรื่องของพวกเขา
จวินอู๋เหยาอดหัวเราะออกมาไม่ได้พลางส่ายหน้าจะมีสักกี่คนที่สังเกตเห็นความอ่อนโยนภายใต้ฉากหน้าที่เย็นชานั้น?
“เลิกพูดถึงตัวภาระสองคนนั้นเถอะเรื่องจูเก๋ออิน เจ้าคิดรึยังว่าจะจัดการกับมันยังไง? ข้าเต็มใจอย่างยิ่งที่จะทำงานนี้แทนเจ้า” จวินอู๋เหยามองจวินอู๋เสียด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู
[บังอาจให้เสี่ยวเสียเอ๋อร์คุกเข่าคำนับงั้นรึ?ต่อให้จูเก๋ออินตายไปร้อยครั้งพันครั้งก็ยังไม่พอ]
“ตอนนี้ปล่อยเขารอดไปก่อน”จวินอู๋เสียพูด
ดวงตาของจวินอู๋เหยาทอแววสังหาร
จวินอู๋เสียยกมือขึ้นกดมือของจวินอู๋เหยาที่วางอยู่บนโต๊ะทันทีและมองสบตาอันน่ากลัวของจวินอู๋เหยา
“ท่านไม่เชื่อในตัวข้าหรือ?”
“ทุกวินาทีที่มันมีชีวิตอยู่ทำให้ข้ารู้สึกว่ามันคือการดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้า” มดแมลงต่ำต้อยเช่นนั้นไม่มีเหตุผลที่จะคงอยู่บนโลกใบนี้
“แต่ถ้าไม่มีเขาข้าจะทำให้วิหารมังกรกลายเป็นศัตรูของผู้คนจนถูกคว่ำบาตรได้อย่างไร?” จวินอู๋เสียถามพลางกระพริบตาปริบๆใส่จวินอู๋เหยา ทำเอาหัวใจของเขาเต้นแรง ใจลอยไปไกล
“วางใจเถอะเขาจะไม่มีวันเดินออกไปจากวิหารจิงหงได้แบบมีชีวิตหรอก แต่ก่อนที่เขาจะตาย ก็ต้องใช้ประโยชน์จากเขาให้เต็มที่ก่อน” มุมปากของจวินอู๋เสียโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ในสายตานาง จูเก๋ออินคือคนที่ตายไปแล้ว มีชะตาที่ต้องตายอย่างแน่นอน แต่ก่อนตาย เขาต้องทำสิ่งที่ควรทำให้เสร็จก่อน
จวินอู๋เหยาถอนใจพลิกมือของตนขึ้นมากุมมือเล็กๆของจวินอู๋เสีย แล้วยกขึ้นมาจรดริมฝีปาก ความเย็นของนิ้วที่เพิ่งจุ่มน้ำเย็นมาตรงข้ามกับริมฝีปากอุ่นของเขา ทำให้เขาอดใจไม่ไหวต้องกดริมฝีปากลงไปที่มือของนางให้แรงขึ้น
“ได้ตามที่เจ้าต้องการแต่……ชีวิตของคนผู้นี้ เป็นของข้า”
เขาจะไม่ปล่อยให้จูเก๋ออินตายเร็วเกินไปไม่งั้นมันจะง่ายเกินไปสำหรับไอ้โง่นั่น
จวินอู๋เสียรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากริมฝีปากของจวินอู๋เหยาที่ปลายนิ้วของนางหูของนางแดงเล็กน้อย ทันใดนั้นนางก็เหยียดนิ้วที่งออยู่ออกมา ปลายนิ้วของนางเคลื่อนผ่านริมฝีปากของจวินอู๋เหยา และใช้เล็บของนางล้อเล่นกับฟันของเขาอย่างสนุกสนาน
“ไม่มีใครแย่งท่านหรอก”
ขณะที่จวินอู๋เหยายังคงตกตะลึงเล็กน้อยจวินอู๋เสียก็ดึงมือกลับและลุกขึ้นยืน
“ท่านอยากเฝ้าเยว่อี้คืนนี้ไหมล่ะ?”พูดจบจวินอู๋เสียก็ขยิบตาให้จวินอู๋เหยา แล้ววิ่งออกจากห้องไปโดยไม่ให้เวลาเขาได้ตั้งตัว
จวินอู๋เหยาหลุดหัวเราะออกมาขณะมองด้านหลังของจวินอู๋เสียจากนั้นก็หันไปมองเยว่อี้ที่นอนอยู่บนเตียง
“นายท่านเจว๋”จวินอู๋เหยาพยักหน้า จากนั้นก็เดินออกจากห้องพร้อมเอามือไพล่หลัง
ในห้องเย่เม่ยมองเยว่อี้ด้วยสีหน้ามืดมน