ตอนที่ 1717 สงสัย (1)
เช้าวันรุ่งขึ้นเยว่อี้ก็ฟื้นขึ้นมา เย่เม่ยที่อยู่เฝ้าในห้องตลอดทั้งคืนอย่างเงียบๆ ก็ออกจากห้องไปทันทีที่เยว่อี้ลืมตา
เยว่อี้ลืมตาที่ยังเจ็บปวดอยู่มากขึ้นและเห็นห้องที่ว่างเปล่าเขาพยายามขยับนิ้ว แค่นิ้วเดียวก็ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างมากจนเหงื่อออก
ตอนนั้นเองประตูห้องก็เปิดออก จื่อจินถือชาร้อนเดินเข้ามา ทันทีที่นางเข้ามาในห้อง นางก็เห็นเยว่อี้ที่นอนอยู่บนเตียงกำลังลืมตามองนาง ใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มสดใสทันที
“เจ้าฟื้นแล้ว!”จื่อจินรีบวางชาที่ถืออยู่ในมือลงบนโต๊ะ และเดินไปที่เตียงเพื่อดูอาการของเยว่อี้
เยว่อี้อยากผงกหัวแต่พบว่าไม่สามารถขยับได้ เขาอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ลำคอของเขาแห้งผากมากจนทำได้แค่ส่งเสียงพึมพำแหบแห้ง
“อย่าเพิ่งขยับเมื่อวานเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องพักผ่อนให้มากๆ หิวน้ำรึเปล่า? อยากกินน้ำสักหน่อยไหม?” จื่อจินถามอย่างใส่ใจ
เยว่อี้กระพริบตาจื่อจินรีบเดินไปรินชาใส่ถ้วย แล้วถืออย่างระมัดระวังมาที่ข้างเตียงของเยว่อี้ เพราะเยว่อี้ไม่สามารถลุกขึ้นได้ นางจึงต้องใช้ช้อนเล็กๆป้อนชาใส่ปากของเยว่อี้อย่างช้าๆ
ของเหลวอุ่นๆไหลลงไปตามลำคอที่แห้งผากอย่างช้าๆทำให้เยว่อี้รู้สึกดีขึ้นมาก เขามองจื่อจินอย่างขอบคุณ จากนั้นก็พูดเสียงแหบว่า “ขอบคุณ”
จื่อจินหน้าแดงและก้มหน้าลงอย่างเก้อเขินเล็กน้อย
“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าข้าต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายขอโทษเจ้า ถ้าข้าไม่ตื้อเจ้าให้ไปกับข้า เจ้าก็คงไม่เจอกับโชคร้ายเช่นนี้ ข้าเป็นคนที่ลากเจ้าไปเจอกับเรื่องนี้ ข้าขอโทษจริงๆ”
จื่อจินหลับตาไม่ลงเลยตลอดทั้งคืนเมื่อไรที่หลับตา ภาพเหตุการณ์อันน่ากลัวบนเวทีประลองก็จะผุดขึ้นในหัว นางไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าจูเก๋ออินลงมือหนักกว่านี้เพียงเล็กน้อย เยว่อี้จะสามารถรอดชีวิตกลับมาได้หรือไม่
ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนั้นนางพบว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย ได้แต่ยืนอับจนหนทางอยู่ด้านล่างเวทีประลอง มองดูเยว่อี้โดนทำร้ายโดยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ความรู้สึกหมดสิ้นหนทางและความรู้สึกผิดทำให้จื่อจินกินไม่ได้นอนไม่หลับตลอดทั้งคืน พอรุ่งสางนางก็ทนไม่ไหวต้องวิ่งมาดูว่าอาการเยว่อี้เป็นอย่างไรบ้าง
“เรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดขึ้น โทษเจ้าไม่ได้” เสียงของเยว่อี้แหบเล็กน้อย เป็นเพราะเขายังไม่มีเรี่ยวแรง เสียงจึงเบามาก
“เจ้าไม่ต้องปลอบข้าข้ามันไร้ประโยชน์ ไม่สามารถช่วยเจ้าได้” จื่อจินยังคงโทษตัวเอง
เยว่อี้มองจื่อจินอย่างจนปัญญาเรื่องจูเก๋ออินจ้องเล่นงานเขา เยว่อี้ก็งงและไม่เข้าใจเช่นกัน แต่เขาไม่โทษใคร ลูกผู้ชายย่อมไม่ผลักความรับผิดชอบให้ผู้หญิง
“เมื่อวาน……ข้ากลับมาที่นี่ได้อย่างไร?”เพื่อไม่ให้จื่อจินตำหนิตัวเองต่อไป เยว่อี้จึงทำได้แค่เปลี่ยนเรื่อง
บนเวทีประลองเมื่อวานนี้เขารู้แก่ใจดีว่าจูเก๋ออินไม่ได้แค่อยากเอาชนะเขา แต่อยากเอาชีวิตของเขาด้วย ตอนนั้นเยว่อี้ละทิ้งความหวังทั้งหมดแล้ว และบอกตัวเองว่าไม่มีโอกาสที่จะลงจากเวทีแบบมีชีวิตได้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะลืมตาขึ้นมาวันนี้และพบว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่
จื่อจินชะงักไปเล็กน้อยดูเหมือนจะนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ นางก้มหน้าลงทันที สีหน้าดูผิดปกติไปเล็กน้อย หลบสายตามองไปที่พื้นด้านข้าง
“เจ้าจำเรื่องเมื่อวานไม่ได้หรือ?”จื่อจินถามเสียงเบา
เยว่อี้ตอบว่า“ตอนนั้นข้าไม่ค่อยมีสตินัก หัวเบลอไปหมด จำอะไรไม่ได้เลย”
จื่อจินเม้มปากมองเยว่อี้ที่นอนอยู่บนเตียงลังเลอยู่ครู่ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ข้าไปตามหาคุณชายจวิน แล้วเขาก็รีบมา”
ตอนที่ 1718 สงสัย (2)
“เป็นคุณชายจวินนี่เองที่ช่วยชีวิตข้า……”เยว่อี้พูดพร้อมกับยิ้มบางๆ
แต่จื่อจินกลับมองเยว่อี้ด้วยแววตาที่ค่อนข้างซับซ้อนหลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดจื่อจินก็พูดขึ้นว่า “เยว่อี้ เจ้าคิดว่า……คุณชายจวินเป็นคนยังไง?”
เยว่อี้มองจื่อจินอย่างงุนงงไม่เข้าใจว่าทำไมจื่อจินถึงถามเขาเช่นนั้น
“ข้า……ข้าแค่ถามไปงั้นแหละถ้าเจ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร” จื่อจินรีบก้มหน้าลง
เยว่อี้พูดขึ้นว่า“คุณชายจวินเป็นคนที่พิเศษมากจริงๆ ข้าไม่เคยเจอเด็กวัยรุ่นที่นิ่งและใจเย็นอย่างเขามาก่อนเลย เขาไม่ค่อยพูด แต่ก็เหมือนว่าเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี ข้าชื่นชมเขามากจริงๆ” คำพูดของเยว่อี้จริงใจมาก แม้ว่าเขาอยู่กับจวินอู๋เสียมาได้ไม่นาน แต่วิธีที่นางจัดการกับสิ่งต่างๆทำให้เยว่อี้ชื่นชมเป็นอย่างมาก ตอนแรกเขาคิดว่าจวินอู๋เสียแทรกซึมเข้าไปในวิหารจิงหงโดยใช้วิหารเงาจันทราบังหน้าก็เพราะอยากดำเนินแผนการลับ แต่หลังจากที่พวกเขาเข้ามาที่วิหารจิงหง ท่าทีของจวินอู๋เสียยังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม ทำให้ผู้คนมักจะลืมแรงจูงใจของเขาในการมาที่นี่
สัตว์ร้ายนั้นหลังจากเล็งเหยื่อไว้แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่แยกเขี้ยวกางกรงเล็บเพื่อแสดงความแข็งแกร่ง แต่เป็นหมอบรออยู่ในเงามืด เฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของเหยื่ออย่างเงียบๆ อดทน ไม่เปิดเผยตัวตนออกมา เหยื่อของมันจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ามีมันอยู่
สุดท้ายเมื่อช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดมาถึง สัตว์ร้ายที่หมอบรออยู่ก็จะทำการโจมตีที่ร้ายแรงจนถึงตาย!
ฆ่าให้ตายในทีเดียว!
พูดเหมือนจะง่ายแต่ใครจะรู้บ้างว่าการอดทนรอคอยเป็นเวลานานนั้นมันทรมานแค่ไหน?
เยว่อี้รู้ตัวเองดีนิสัยของเขานั้น หากผ่านอุปสรรคเหนื่อยยากมาขนาดนี้ เมื่อมีเป้าหมายมาอยู่ตรงหน้า ต่อให้ยับยั้งตัวเองไม่ให้โจมตีได้ แต่เจตนาที่ซ่อนเร้นอยู่คงถูกเปิดเผยผ่านการกระทำของเขาอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่อยู่ข้างๆคนของตัวเอง การเอาแต่เสแสร้งตลอดเวลามันคงเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับเขา
แต่ถึงแม้จะติดตามจวินอู๋เสียมาหลายวันเยว่อี้ก็ไม่สามารถบอกได้เลยว่าจวินอู๋เสียตั้งใจจะทำอะไรที่นี่ และก็ไม่รู้ว่าใครคือเป้าหมายของจวินอู๋เสียเช่นกัน
ถ้าจะบอกว่าจวินอู๋เสียไม่ได้คิดจะทำอะไรวิหารจิงหงเลยในการเดินทางครั้งนี้แล้วทำไมถึงต้องลงทุนมาสกัดกั้นเขากับพวกคนจากวิหารเงาจันทราด้วย?
จื่อจินมองเยว่อี้ด้วยสายตาขัดแย้งนางต้องยอมรับว่าจวินอู๋เสียมีความคิดที่รอบคอบมาก คนอื่นไม่สามารถเดาได้ว่าจวินอู๋เสียกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ความสามารถที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จะไม่เป็นอันตรายต่อคนอื่นหรอกหรือ?
“เจ้าไม่กลัวหรือ?”จู่ๆ จื่อจินก็ถามขึ้น
“กลัวอะไร?”เยว่อี้มองจื่อจินอย่างงุนงง
“คุณชายจวินเจ้าไม่กลัวเขาหรือ? เขาสามารถชักใยและควบคุมทุกอย่างไว้ในมือเขาได้ รวมทั้งเจ้าและข้าด้วย” จื่อจินพูด
เยว่อี้มองตาจื่อจินที่ฉายแววร้อนรนในสายตานั้น เขามองเห็นความกลัวอยู่ด้วย
“เจ้ากลัวเขาหรือ?”
นั่นทำให้เยว่อี้รู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลกจื่อจินไม่ได้อยู่กับคุณชายจวินมานานหรอกหรือ?
จื่อจินพยักหน้า
เมื่อก่อนนางไม่กลัวหรอกแต่ตอนนี้ นางรู้สึกถึงความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในใจนางที่มีต่อจวินอู๋เสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวานนี้ หลังจากที่นางได้ยินจวินอู๋เสียเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกมา ความกลัวในใจจื่อจินก็เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด
ในคำพูดของจวินอู๋เสียนางไม่พบความตั้งใจที่ต้องการจะช่วยหรือปกป้องเยว่อี้เลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้จื่อจินหวาดกลัวอย่างมาก
เยว่อี้เป็นพันธมิตรของจวินอู๋เสียเช่นเดียวกับวิหารหยกวิญญาณที่เป็นพันธมิตรของจวินอู๋เสีย
สมองอันชาญฉลาดของจวินอู๋เสียอาจช่วยให้นางทำทุกอย่างที่ต้องการได้สำเร็จแต่นางจะปฏิบัติกับพันธมิตรของตนอย่างไร?