ตอนที่ 1725 ไม่ไว้ใจ (1)
“เจ้ายังตกใจอยู่หรือ?”กู่อิ่งเอียงคอมองจื่อจิน
จื่อจินก้มหน้าลงแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย
กู่อิ่งหัวเราะเบาๆและพูดว่า “รีบกลับไปเถอะ”
จื่อจินเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มสดใสของกู่อิ่งด้วยแววตาลังเลขณะที่นางสบตากับกู่อิ่งนั้นเอง หัวใจของนางก็หวั่นไหว นางรีบก้มหน้าลงและวิ่งหนีไป
กู่อิ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิมเขามองจื่อจินที่วิ่งหนีไปอย่างลนลาน รอยยิ้มสดใสอ่อนโยนบนใบหน้าของเขาค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิด
“วิหารเงาจันทรา……”
หัวใจของจื่อจินเต้นแรงไปตลอดทางที่วิ่งกลับห้องความรู้สึกแปลกๆในหัวใจยังคงไม่หายไป เมื่อนึกได้ว่านางออกไปเพื่อเอาอาหารมาให้เยว่อี้และสุดท้ายก็กลับมามือเปล่า นางจึงเดินต่อไปที่ห้องเยว่อี้ด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน
ภายในห้องของเยว่อี้จวินอู๋เสียเพิ่งเสร็จสิ้นการรักษาเบื้องต้นสำหรับเยว่อี้
เมื่อจื่อจินเห็นจวินอู๋เสียหัวใจนางก็เต้นผิดจังหวะ แต่ความรู้สึกที่นางเคยมีต่อจวินอู๋เสียเมื่อก่อนนี้ได้หายไปโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจของนางตอนนี้กลับมุ่งไปที่เด็กหนุ่มซึ่งนางบังเอิญเจอที่สวน
จื่อจินอาศัยอยู่ในวิหารหยกวิญญาณมาตั้งแต่เล็กเพราะวิหารหยกวิญญาณ นางจึงมีความเกลียดชังต่อศิษย์ของสิบสองวิหาร แต่ไม่รู้ทำไม สำหรับเด็กหนุ่มที่งดงามเจิดจ้าคนนั้น นางไม่สามารถทำให้ตัวเองรู้สึกไม่ชอบเขาได้เลยสักนิด นางยังจำได้ ตอนที่นางพบกู่อิ่งครั้งแรก กู่อิ่งไม่ถูกกับจูเก๋ออิน ทำให้นางอดคิดไม่ได้ว่า สิบสองวิหารก็ใช่ว่าจะไม่มีคนดีอยู่เลย
“เรื่อง……ข้าวต้ม……ไม่มีคนอยู่ในครัวเลย”จื่อจินไม่กล้าสบตาจวินอู๋เสีย จึงได้หลบตา นางไม่อยากให้จวินอู๋เสียรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในสวนเมื่อครู่ เนื่องจากสิ่งน่ารังเกียจที่จูเก๋ออินทำไว้ และในขณะเดียวกันนางก็ไม่อยากให้จวินอู๋เสียรู้ว่านางพบกับกู่อิ่ง
ถึงยังไงกู่อิ่งก็มาจากวิหารมารโลหิต และจวินอู๋เสียก็เห็นคนของสิบสองวิหารเป็นศัตรู
“ข้าให้คนไปเตรียมแล้ว”จวินอู๋เสียพูดอย่างเฉยชา ไม่แสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำพูดของจื่อจินมากนัก
อาการของเยว่อี้ในตอนนี้เพื่อให้เขาหายดีให้เร็วที่สุด จึงจำเป็นต้องใช้อาหารยา และอาหารยาที่จวินอู๋เสียคิดขึ้นนั้น นอกจากตัวนางเองแล้ว ก็มีเพียงเย่ฉาและเย่เม่ยที่รู้วิธีทำ ทั้งสองคนได้รับการสอนทีละขั้นตอนจากจวินอู๋เสีย
“อ๊ะ?อ๋อ” จื่อจินชะงักเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ได้แต่ก้มหน้าเงียบ ความรู้สึกแปลกๆเข้ามาในใจนาง
ในเวลาไม่นานเย่กูก็เดินถือชามข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมออกมา กลิ่นนั้นแตกต่างจากข้าวต้มธรรมดาทั่วไป มันมีกลิ่นขมเจืออยู่เล็กน้อย
เมื่อจื่อจินได้กลิ่นนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ชามข้าวต้มทันที
เย่กูไม่ได้สนใจสายตาของจื่อจินเขาเดินไปที่ข้างเตียงของเยว่อี้ จากนั้นก็มองไปที่จวินอู๋เหยาซึ่งนั่งไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้ แล้วหันไปมองจวินอู๋เสียที่อยู่ข้างๆจวินอู๋เหยา เขาถอนใจอยู่ในใจและยกชามข้าวต้มขึ้นอย่างยอมจำนน เขานั่งบนขอบเตียงของเยว่อี้และหยิบช้อนขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ “พี่เลี้ยงเด็ก”
“เดี๋ยวก่อน!”ทันใดนั้น จื่อจินก็ตะโกนออกมา
เย่กูหันไปมองจื่อจินอย่างงุนงง
สายตาของจื่อจินจ้องเขม็งไปที่ชามข้าวต้มข้าวต้มนี้ค่อนข้างพิเศษ มันไม่ได้ทำจากธัญพืชทั่วไป สีข้าวต้มเป็นสีเขียวจางๆ ทำให้จื่อจินรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
“นี่คืออะไร?”จื่อจินเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสียด้วยสายตาสงสัยและแข็งกร้าวเล็กน้อย
จวินอู๋เสียหรี่ตาเมื่อเห็นสายตาของจื่อจินดูแตกต่างออกไป นางก็เอ่ยถามขึ้นช้าๆว่า “เจ้ากังวลเรื่องอะไร?”
ตอนที่ 1726 ไม่ไว้ใจ (2)
คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้จื่อจินสะดุ้งเล็กน้อยสายตาที่นางมองจวินอู๋เสียก็ค่อยๆสั่นไหว
นางกังวลเรื่องอะไร?แม้แต่ตัวนางเองก็อธิบายไม่ถูก ที่จริง ตอนที่คำพูดพวกนั้นหลุดออกจากปากนาง จื่อจินก็รู้สึกเสียใจแล้ว แต่คำพูดที่พูดไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป ไม่สามารถเอากลับคืนได้
“ข้า……”
“เอามานี่”จวินอู๋เสียพูดพลางมองเย่กู
เย่กูเดินไปตรงหน้าจวินอู๋เสียจากนั้นจวินอู๋เสียก็เอื้อมมือมาตักข้าวต้มใส่ปากตัวเองหนึ่งช้อนก่อนจะกลืนมันลงไป
นางรู้ว่าจื่อจินสงสัยอะไร
“ได้แล้วใช่ไหม?”จวินอู๋เสียถามจื่อจินพร้อมกับเลิกคิ้ว
จื่อจินหน้าแดงก่ำในใจรู้สึกละอายเป็นอย่างมาก
เยว่อี้ที่นอนอยู่บนเตียงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแววตาของเขาไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้จื่อจินไม่ไว้ใจจวินอู๋เสียมากขนาดนี้
คำถามที่จื่อจินพูดออกมาเมื่อกี้เห็นได้ชัดว่านางสงสัยว่ามีคนทำอะไรกับข้าวต้ม
“ข้า……ข้าไม่ได้……”จื่อจินค่อนข้างตื่นตระหนกและรู้สึกผิด
“เอาไปให้เยว่อี้”จวินอู๋เสียไม่แม้แต่จะมองนาง ขณะยื่นช้อนให้เย่กู
เย่กูยังไม่ทันจะยื่นมือออกไปรับก็มีมือใหญ่หยิบช้อนไปจากมือของจวินอู๋เสีย
แล้วเสียงแตกก็ดังขึ้นช้อนกระเบื้องสีขาวถูกมือใหญ่ขยี้จนกลายเป็นฝุ่น ฝุ่นละเอียดนั้นไหลออกมาตามร่องนิ้วและตกลงบนพื้น
“โทษทีข้าคุมแรงไม่ได้ ไปเอาอันใหม่มา” จวินอู๋เหยาที่ขยี้ช้อนจนแหลกคามือพูดขึ้นพลางมองจวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้ม คำพูดของเขาดูเหมือนจะพูดกับเย่กู แต่น้ำเสียงไม่ได้ฟังดูเป็นการขอโทษเลยแม้แต่น้อย
จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เหยาอยู่ครู่หนึ่งและพบว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออก
เย่กูมองจวินอู๋เสียจากนั้นก็ไปมองจวินอู๋เหยา ก่อนจะวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะและรีบวิ่งออกไปจากห้องเพื่อไปเอาช้อนใหม่
เย่กูเพิ่งออกจากประตูเขาก็เห็นเย่เม่ยยืนอยู่ด้านนอก ท่าทางไม่พอใจอย่างมากขณะที่จ้องมองเขา
“ยัยนั่นหมายความว่ายังไง?นางดูถูกฝีมือทำอาหารของข้าเรอะ?” เย่เม่ยได้ยินทุกอย่างอย่างชัดเจนจากนอกประตู เขาไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง
ด้วยความที่เขาเป็นสมาชิกของกองทัพราตรีอันมีเกียรติตอนที่เขาออกศึกในสนามรบ ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษของยัยเด็กจื่อจินนี่ยังเล่นโคลนอยู่ที่ไหน! ถ้าเป็นเมื่อก่อน ใครจะกล้าตั้งคำถามสิ่งที่เขาทำ? อย่าว่าแต่อาหารที่เขาทำเลย ต่อให้เป็นเศษดินที่เขาหยิบขึ้นมาจากไหนก็ไม่รู้ ก็จะมีคนมากมายแก่งแย่งกันเพื่อเคี้ยวมัน
แต่ยัยเด็กนี่กล้ารังเกียจของที่เขาทำงั้นเรอะ?
เมื่อเห็นเย่เม่ยดูโกรธมากเย่กูก็อับจนคำพูด ว่ากันตามจริง ตอนที่เขาเห็นภาพเย่เม่ยสะบัดกระทะอยู่ในครัว ดวงตาของเขาแทบจะถลนออกนอกเบ้า เขาไม่รู้จริงๆว่าลูกน้องของเขามีฝีมือในเรื่อง “งานบ้าน” เช่นนี้
“ใจเย็นๆเจ้าไม่เห็นหรือว่าขนาดหัวหน้ายังต้องป้อนข้าวให้เจ้าเด็กที่นอนอยู่เตียงด้วยตัวเองเลย?” ปฏิกิริยาของเย่ฉาสงบกว่ามาก เขายืนกอดอกมองเย่กูที่มีอาการมุมปากกระตุก
ทั่วทั้งโลกคนที่สามารถได้รับบริการเช่นนั้นจากผู้บัญชาการกองทัพราตรี มีอยู่น้อยนิดมากจริงๆ
สีหน้าของเย่กูยิ่งมืดมนเขามองเย่ฉาและพูดว่า “ต่อไปพวกเจ้าสองคนต้องปิดตา! ห้ามมองเด็ดขาด!”
เย่ฉายักไหล่เพื่อบ่งบอกว่าเขาจะทำตามที่บอกและเย่เม่ยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหุบปากเงียบ
ว่าไปแล้วดูเหมือนเย่กูจะอยู่ในจุดที่แย่กว่าพวกเขา เมื่อเทียบกับเขาแล้ว เย่เม่ยก็รู้สึกขุ่นเคืองน้อยลง