ตอนที่ 1731 น่าสงสัย (1)
“เจ้าตะโกนหาอะไร?ข้ายังไม่ตาย!” จูเก๋ออินตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด
เด็กหนุ่มหดคอดูท่าทางลังเลที่จะพูด
จูเก๋ออินยิ่งโกรธเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มคนนั้น“คายเรื่องที่เจ้าต้องพูดออกมา หยุดทำเหมือนกำลังจะตายซะที”
เด็กหนุ่มอยากร้องไห้อย่างมากแต่เขาทำได้แค่พูดออกมา “นายน้อย เมื่อกี้ข้าเห็น……ข้าเห็นกู่อิ่ง……”
“อย่าพูดถึงไอ้เวรนั่นต่อหน้าข้า!เจ้าคิดว่าข้ายังหงุดหงิดไม่พอหรือ?” ถ้าบอกว่าคนที่จูเก๋ออินเกลียดที่สุดในวิหารจิงหงตอนนี้คือจวินอู๋เสีย คนที่เขาเกลียดรองลงมาก็ต้องเป็นกู่อิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่าจูเก๋ออินต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างวิหารมังกรและวิหารมารโลหิตใกล้ชิดกันมากขึ้นแต่ไม่ว่าเขาจะพยายามไปพบกับกู่ซินเยียนยังไง กู่อิ่งก็มักจะอยู่เป็นก้างขวางคอเขาเสมอ แม้ว่าเขาจะไปหากู่ซินเยียนตอนที่กู่อิ่งไม่อยู่ แต่จู่ๆกู่อิ่งก็จะปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน และแค่คำพูดไม่กี่คำก็ทำให้จูเก๋ออินแทบอาเจียนเป็นเลือด ความพยายามทั้งหมดในการปรับอารมณ์ของตนก่อนมาก็สูญเปล่า
เนื่องจากการขัดขวางของกู่อิ่งทำให้จนถึงตอนนี้จูเก๋ออินก็ไม่สามารถทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับกู่ซินเยียนใกล้ชิดกันมากขึ้นได้เลย
เมื่อเห็นว่าเวลา10 วัน ผ่านไปเกือบครึ่งแล้ว จูเก๋ออินจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร?
แค่ได้ยินคำว่ากู่อิ่งเขาก็โมโหแล้ว
“ไม่ใช่…….นายน้อยข้าเพิ่งเห็นกู่อิ่งกับนังเด็กจากวิหารเงาจันทราอยู่ด้วยกัน” เด็กหนุ่มรีบพูด
“อะไรนะ?”เสียงของจูเก๋ออินเปลี่ยนเป็นเย็นชา
แม้แต่เฟยเหยียนที่กำลังกินส้มอย่างสบายใจอยู่ด้านหนึ่งก็ยังหูผึ่งเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“เจ้าจะพูดอะไร?หมายความว่ายังไงที่ว่าอยู่ด้วยกัน?” จูเก๋ออินสังเกตเห็นความนัยในสิ่งที่เขาได้ยิน และเกิดความสนใจขึ้นมาทันที
เด็กหนุ่มคนนั้นเล่าทุกสิ่งที่เขาเห็นให้จูเก๋ออินฟังอย่างละเอียด
ในช่วงสองวันที่ผ่านมากู่อิ่งมักถูกพบเห็นว่าอยู่กับจื่อจินแห่งวิหารเงาจันทราบ่อยๆ แม้ว่าทั้งสองจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กันมากนัก แต่ก็มักจะเห็นพวกเขาเดินเล่นด้วยกันในสวนช่วงบ่าย ในตอนแรกพวกผู้เยาว์จากวิหารมังกรไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แต่หลังจากเจอพวกเขาหลายครั้งเข้า ก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรน่าสงสัย
พวกเขาตามทั้งสองคนอยู่ห่างๆอยากจะฟังว่ากู่อิ่งพูดอะไรกับจื่อจิน แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรที่เป็นประโยชน์เลย แต่บ่อยครั้งที่เห็นว่ากู่อิ่งทำให้จื่อจินหัวเราะได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
“หือ?ข้ามักจะพูดว่ากู่อิ่งทำตัวแปลกๆเป็นผู้หญิงตลอดเวลา เจ้านั่นมีปัญหาทางสายตาหรือไง?” จูเก๋ออินจำได้ว่าจื่อจินมี “หน้าตา” อย่างไร ว่ากันตามตรง ตามมาตรฐานของเขา จื่อจินไม่สามารถดึงดูดความสนใจเขาได้เลย นอกจากหุ่นที่ไม่เลวแล้ว ส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไรดีเลย
แต่ในฐานะประมุขน้อยแห่งวิหารมารโลหิตกู่อิ่งกลับเกิดสนใจเด็กสาวหน้าตาธรรมดาจากวิหารเงาจันทราขึ้นมาจริงๆ และยังพยายามนัดพบเพื่อเดินเล่นด้วยกันอีก!? จูเก๋ออินจะไม่คิดว่ามันตลกได้อย่างไร?
ไม่ต้องพูดถึงใครอื่นแค่น้องสาวของกู่อิ่ง กู่ซินเยียน ก็สวยบาดใจขนาดนั้นแล้ว อยู่กับความสวยเช่นนั้นมานาน กู่อิ่งยังสามารถตกหลุมรักนังคนที่ไม่มีอะไรดีนั่นได้ น่าสนใจจริงๆ
“พวกเจ้าได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกันหรือไม่?”จูเก๋ออินถามต่อ
เด็กหนุ่มคนนั้นส่ายหัว
“ทั้งสองคนพูดกันเบามากและกู่อิ่งก็มีพลังที่แข็งแกร่ง พวกเราไม่กล้าเข้าไปใกล้เกินไป กลัวว่าจะถูกจับได้ จึงได้แต่ตามพวกเขาอยู่ห่างๆ แต่ครั้งหนึ่งพวกเราบังเอิญได้ยินพวกเขาพูดถึงคนอื่นจากวิหารเงาจันทรา แต่ก็ฟังไม่เข้าใจเลย”
จูเก๋ออินลูบคางสัญชาตญาณอันเฉียบคมของเขากำลังทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างน่าสงสัยภายใต้เรื่องทั้งหมดนี้
ตอนที่ 1732 น่าสงสัย (2)
จูเก๋ออินลูบคางสัญชาตญาณอันเฉียบคมของเขากำลังทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างน่าสงสัยภายใต้เรื่องทั้งหมดนี้
เฟยเหยียนแอบขมวดคิ้วขณะฟังเรื่องทั้งหมดจื่อจินเป็นคนที่อยู่ข้างกายจวินอู๋เสีย จากที่เขาได้ยินมาจากเฉียวฉู่ ดูเหมือนนางเป็นคนของวิหารหยกวิญญาณ เขาเคยเห็นเด็กสาวคนนั้นมาก่อน นางยังอายุน้อย ดวงตามีแต่ความวิตกกังวล เห็นได้ทันทีว่านางยังอ่อนต่อโลก เป็นคนที่ยังเห็นโลกมาไม่มากนัก
แล้วกู่อิ่งเป็นใครกันล่ะ?
นั่นคือคนที่ยากจะจัดการขนาดจวินอู๋เสียยังต้องจัดการกับเขาอย่างระมัดระวัง
สองคนนี้มาคู่กันได้อย่างไร?
ถ้าบอกว่ากู่อิ่งตกหลุมรักจื่อจินตีเขาให้ตายเฟยเหยียนก็ไม่มีวันเชื่อ แต่เด็กสาวที่ไร้เดียงสาและโง่เขลาอย่างจื่อจินจะเอาชนะกู่อิ่งได้อย่างไร?
ทันใดนั้นเฟยเหยียนก็เริ่มกังวล ไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียรู้เรื่องนี้หรือไม่ ถ้ายังไม่รู้ นั่นจะเป็นอันตรายอย่างมาก!
แม้ว่าเฟยเหยียนจะรู้สึกกังวลอยู่ในใจแต่เขาก็ไม่ได้แสดงมันออกมา ในใจเขากำลังคิดว่าจะส่งข่าวนี้ให้จวินอู๋เสียได้ยังไง แต่อนิจจา เนื่องจากช่วงนี้จูเก๋ออินอารมณ์ไม่ดี เวลาที่ศิษย์คนอื่นอยู่ต่อหน้าเขาจะเจอกับการด่าว่าและคำพูดที่รุนแรง หลายคนถึงกับโดนเตะต่อยด้วย เฟยเหยียนเป็นเพียงคนเดียวที่ทนอยู่กับเขาได้
เมื่อถูกจูเก๋ออินจับตาดูขนาดนี้โอกาสเดียวที่เขาจะหลบออกไปได้ก็คงเป็นตอนกลางคืนเท่านั้น
“พวกเจ้าตามดูพวกเขาต่อไปถ้าพบอะไรก็กลับมาบอกข้าทันที” จูเก๋ออินโบกมือไล่ เด็กหนุ่มคนนั้นถอยออกไปข้างนอกทันที จูเก๋ออินอารมณ์ดีขึ้นมาก เขาเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเฟยเหยียน
“เหยียนเอ๋อร์เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ผิดปกติอะไรไหม?” ช่วงนี้จูเก๋ออินเคยชินกับการขอความเห็นของเฟยเหยียน
เฟยเหยียนหัวเราะเบาๆแล้วตอบว่า “เรื่องแบบนี้ ข้าจะไปรู้ได้ยังไง?”
จูเก๋ออินยิ้มพัดที่เขาไม่ได้ใช้มาพักหนึ่งถูกคลี่ออกพัดให้ตัวเอง “เหยียนเอ๋อร์คิดว่าเจ้ากู่อิ่งนั่นเป็นคนแบบไหน?”
“ข้าไม่รู้ข้ารู้อย่างเดียวว่าเขาชอบต่อต้านนายน้อยของเรา” เฟยเหยียนช่วยกระพือความเกลียดชังที่มีต่อกู่อิ่ง
อย่างที่คาดจูเก๋ออินส่งเสียงหึอย่างดูถูก “อย่างมันมีอะไรมาต่อต้านข้า? ก็แค่เป็นประมุขน้อยแห่งวิหารมารโลหิตแค่ชื่อเท่านั้น ในวิหารมารโลหิตไม่มีที่ให้มันหรอก ประมุขวิหารมารโลหิตคนต่อไปคือกู่ซินเยียนแน่นอนอยู่แล้ว”
“โอ้?”คำพูดเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เฟยเหยียนได้ยินเป็นครั้งแรก
ดูเหมือนจูเก๋ออินจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับกู่อิ่งแต่ทุกครั้งที่เอ่ยถึงกู่อิ่ง จูเก๋ออินก็มักจะไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจน ทำให้เฟยเหยียนอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก
“เหยียนเอ๋อร์เจ้าคอยดูนะ คำพูดของข้าไม่ผิดอย่างแน่นอน ตอนนี้ข้าจะปล่อยมันไปก่อน รอวันหน้า……หึๆ……ไม่ช้าก็เร็วข้าจะคิดบัญชีกับมัน” จูเก๋ออินหรี่ตา ดวงตาฉายแววแห่งความเกลียดชัง
เฟยเหยียนแค่มองเขาและไม่ได้ตอบกลับพอจูเก๋ออินเผลอ เขาก็แอบหยิบแผ่นหยกที่เชื่อมโยงกับคนอื่นๆออกมาเขียนตัวอักษรคำว่า “จิน” ลงไป
เขาจะไปหาจวินอู๋เสียตอนกลางคืนได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจส่งคำเตือนให้จวินอู๋เสียก่อน หวังว่าจวินอู๋เสียจะฉลาดพอที่จะเข้าใจความหมายของเขา
อีกด้านหนึ่งจวินอู๋เสียนั่งอยู่ในห้องของตน มองดูข้อมูลทั้งหมดที่พวกเย่เม่ยรวบรวมในวิหารจิงหงช่วงที่ผ่านมานี้ นางรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวแทนที่สิบสองวิหารส่งมาที่วิหารจิงหงแล้ว พวกเขาไม่ได้ขาดแคลนผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์เลย
ตอนนั้นเองจวินอู๋เสียก็สังเกตเห็นความผิดปกติของแผ่นหยกที่ห้อยอยู่ที่เอวนาง นางหยิบมันขึ้นมาดู บนแผ่นหยกแสดงตัวอักษร “จิน” อย่างชัดเจน!