Genius Doctor Black Belly Miss – ตอนที่ 1909-1912

ตอนที่ 1909-1912

ตอนที่ 1909 มหกรรมตบหน้า (1)
เมื่อเป็นอิสระแล้ว กู่อิ่งก็ยืดแขนยืดขาและยืนบนพื้นที่เปื้อนเลือด ไม่แม้แต่จะมองศพทั้งสองที่นอนอยู่บนพื้น
“ความทรมานเล็กน้อยแค่นี้จะนับเป็นอะไรได้? ก็แค่เกาให้หายคันเท่านั้น” เขายิ้มมุมปากเย้ยหยัน
เขาได้ลิ้มรสการทรมานทุกรูปแบบที่วิหารมารโลหิตมาแล้ว จะรู้สึกรู้สาอะไรกับการลงมือเล็กๆน้อยๆแค่นี้?
“คุณชาย หลังจากนี้เราควรทำอย่างไรต่อ? กู่อี้ทอดทิ้งท่านแล้ว ท่านจะกลับไปที่อารามหลิงซวีไหมขอรับ?” ชายชุดดำถาม
กู่อิ่งส่ายหน้า
“จะกลับไปทำไมตอนนี้? ข้ายังรอชมการแสดงอันยอดเยี่ยมในวันพรุ่งนี้อยู่ และเจ้าต้องจำที่ข้าบอกไว้ให้ดีด้วย”
“ขอรับ ข้าน้อยจำได้ ข้าจะดูแลความปลอดภัยของกู่ซินเยียนขอรับ” ชายชุดดำกล่าว
กู่อิ่งพยักหน้าอย่างพอใจ เท้าเปลือยเปล่าของเขาก้าวข้ามเลือดของตัวเองที่อยู่บนพื้น แล้วหยิบเสื้อคลุมตัวนอกที่ถูกโยนไว้บนพื้นขึ้นมาคลุมตัวเอง จากนั้นก็ก้าวเดินไปบนแสงจันทร์ที่สาดส่องบนพื้น ออกจากที่นั่นไปอย่างสง่างาม
ค่ำคืนผ่านไปจนฟ้าสว่าง
การประชุมสุดยอดของสิบสองวิหารได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ประมุขของวิหารต่างๆเริ่มเดินทางไปยังสถานที่ประชุมตั้งแต่เช้าตรู่ การประชุมสุดยอดในวันนี้เปิดให้เฉพาะประมุขของสิบสองวิหารเท่านั้น แม้แต่ผู้อาวุโสก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วม
ประมุขวิหารปีศาจเพลิงมาถึงสถานที่ประชุมตั้งแต่เช้าตรู่ เขานั่งอยู่ตรงที่นั่งของตัวเองแล้ว ขณะที่ประมุขคนอื่นๆเดินเข้ามาทีละคน บรรยากาศในวันนี้ดูเคร่งขรึมจริงจังเล็กน้อย สีหน้าของประมุขวิหารต่างๆก็เคร่งขรึมกว่าเมื่อวาน
เมื่อจวินอู๋เสียมาถึงสถานที่ประชุม ประมุขจากวิหารต่างๆได้มาถึงกันหมดแล้ว นางหาที่นั่งตรงปลายแถวแล้วนั่งลง
เมื่อเห็นว่าทุกคนมาถึงแล้ว ประมุขวิหารปีศาจเพลิงก็ลุกขึ้นพูดว่า “เดิมทีสิบสองวิหารเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหตุผลที่พวกเราต่อต้านเก้าอารามได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะเรารวมใจเป็นหนึ่ง แต่ระยะนี้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นระหว่างเรา แค่ครึ่งปีพวกเราขัดแย้งกันหลายเรื่องและต่อสู้กันไม่หยุด ศิษย์ของแต่ละวิหารถูกฆ่าตายอย่างต่อเนื่อง ข้าคิดว่าวิหารต่างๆสูญเสียคนไปไม่น้อย การที่เชิญทุกคนมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อให้ทุกคนนั่งลงคุยกันอย่างสงบ เราสนับสนุนกันและกันมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ไม่ควรหลั่งเลือดกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ หากเป็นเช่นนี้ไปนานๆ ก็มีแต่จะทำให้เก้าอารามดูอย่างสนุกเท่านั้น ความสูญเสียของเราจะกลายเป็นผลประโยชน์ของพวกเขา ข้าเชื่อว่าทุกคนที่นี่เข้าใจดี”
“ข้าคิดว่าคำพูดของประมุขวิหารปีศาจเพลิงมีเหตุผล วิหารมังกรของเราตัดสินใจสงบศึกกับวิหารมารโลหิต วันนี้ข้าจะแสดงจุดยืนให้ชัดเจน” เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ประมุขวิหารมังกรก็ลุกขึ้นยืนและพยักหน้าไปทางกู่อี้ที่มีสีหน้ามืดมน
กู่อี้ลุกขึ้นยืนเช่นกัน และพยักหน้าตอบรับ แต่ในใจสาปส่งประมุขวิหารมังกรหลายร้อยหลายพันครั้ง
เขายินดีสงบศึกแหงอยู่แล้วสิ! กู่อิ่งถูกส่งตัวให้ไปแล้ว ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาได้รับการแก้ไขแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดๆที่พวกเขาจะต้องเหนื่อยกับเรื่องนี้อีกต่อไป
เมื่อประมุขวิหารคนอื่นๆเห็นวิหารมังกรและวิหารมารโลหิตตกลงกันได้ พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันอย่างจริงจัง
ถึงอย่างไร พวกเขาก็ไม่อยากต่อสู้ต่อแล้ว แม้ว่าจะยังมีความเป็นศัตรูอยู่ในใจ แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาจะไม่สามารถทนต่อการสูญเสียได้ ตอนนี้วิหารปีศาจเพลิงเป็นผู้นำให้วิหารต่างๆหาทางออกจากความขัดแย้ง พวกเขาย่อมเต็มใจปฏิบัติตามเพื่อหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้
“ประมุขวิหารปีศาจเพลิงพูดมีเหตุผล เดิมทีสิบสองวิหารเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก็ไม่ควรที่จะต่อสู้กัน” ประมุขวิหารจื่อเหลยออกเสียงเห็นด้วย หลังจากต่อสู้กับวิหารปีศาจเพลิงมากว่าครึ่งปี ทำให้คนของพวกเขาลดลงมากจนยากจะรับไหว
ประมุขวิหารปีศาจเพลิงยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ถูกแล้ว ไม่ว่าวิหารต่างๆจะมีความขัดแย้งแบบใดอยู่ แต่เพื่อสันติสุขในสิบสองวิหารของเรา ข้าหวังว่าทุกคนจะเปลี่ยนจากศัตรูเป็นมิตรได้ ลืมความบาดหมางทั้งหมดในอดีตเพื่อสร้างความสงบสุขขึ้นอีกครั้ง”
ตอนที่ 1910 มหกรรมตบหน้า (2)
คำพูดของประมุขวิหารปีศาจเพลิงทำให้เกิดเสียงปรึกษากันขึ้นอีกครั้ง
ในตอนนั้นเอง ร่างหนึ่งในสภาพน่าสังเวชซึ่งแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบวิหารปีศาจเพลิงได้วิ่งเข้ามาในสถานที่จัดประชุมอย่างรีบร้อน
ใบหน้าของประมุขวิหารปีศาจเพลิงเป็นสีเข้มขึ้นทันที
“มีอะไร? รีบร้อนอะไรนัก?”
“ท่านประมุข! พวกเราพบสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดแล้วขอรับ!” ศิษย์คนนั้นกล่าวด้วยใบหน้าวิตกกังวล
ประมุขวิหารปีศาจเพลิงสั่นสะท้านเล็กน้อย ที่ประชุมซึ่งเงียบสงบอยู่แต่เดิมก็เดือดพล่านขึ้นทันที สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ประมุขวิหารปีศาจเพลิง
นับตั้งแต่สิ้นจักรพรรดิแห่งความมืด วิหารทั้งหลายไม่เคยล้มเลิกการค้นหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเลย เพื่อหลีกเลี่ยงการแก้แค้นขากราชอาณาจักรแห่งความมืด พวกเขาจึงได้แต่ดำเนินการอย่างลับๆ แต่ถึงจะทุ่มเทพยายามอย่างหนักก็ไม่พบเบาะแสอะไรเลย คำว่าสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดสำหรับพวกเขาจึงกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเจอ
แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่าคนจากวิหารปีศาจเพลิงจะหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเจอจริงๆ!
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?” ตอนแรกประมุขวิหารปีศาจเพลิงก็รู้สึกดีใจ แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นสายตาของประมุขคนอื่นๆที่มองมา เขาก็รู้สึกว่าไม่เข้าท่าแล้ว
สำหรับทุกคนที่นั่น สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดคือสิ่งล่อใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สิ่งที่วิหารปีศาจเพลิงต้องการ วิหารอื่นๆก็ต้องการมากพอๆกัน ถ้าคนอื่นรู้ว่าวิหารปีศาจเพลิงค้นพบสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดแล้วจะต้องแย่แน่ๆ!
“ท่านประมุข! ทุกคนตายหมดแล้วขอรับ! เพื่อค้นหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ทุกคนตายหมดแล้ว……ที่นั่นว่างเปล่า……สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดว่างเปล่า……ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย……พวกเราถูกหลอก……ถูกหลอกแล้ว……” ทันใดนั้น ศิษย์คนนั้นก็กระอักเลือดออกมาและล้มลงกับพื้น พูดได้เท่านั้นก็นอนนิ่งไม่ขยับและไม่หายใจอีกต่อไป
จวินอู๋เสียลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไป นางตรวจดูลมหายใจที่จมูกของศิษย์คนนั้น แล้วหันหน้าไปพูดกับคนอื่นๆที่กำลังวิตกกังวลว่า “ตายแล้ว”
ทุกคนอ้าปากค้าง
คำพูดสุดท้ายของศิษย์คนนั้นยังดังก้องอยู่ในใจของทุกคน
สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดที่พวกเขาพยายามค้นหากันอย่างยากลำบาก……
ว่างเปล่างั้นหรือ?
เป็นไปได้ยังไง?
ประมุขวิหารปีศาจเพลิงทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทางพ่ายแพ้ แม้ว่าโอกาสในการเจอสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดจะมีน้อยยิ่งกว่าน้อย แต่ในใจของเขาก็ยังมีเศษเสี้ยวของความหวังมาตลอด ความหวังที่ถูกทำลายอย่างโหดร้ายในวันนี้
“ประมุขวิหารปีศาจเพลิง! นี่มันอะไรกัน! ต่อให้เจ้าไม่อยากให้เราค้นหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดต่อ เจ้าก็ไม่ควรหลอกลวงเราแบบนี้!” ประมุขวิหารเสวียนเทียนลุกพรวดขึ้นทันที ทั้งหน้าทั้งหูแดงก่ำขณะชี้นิ้วต่อว่าประมุขวิหารปีศาจเพลิง
เขาไม่ยอมเชื่ออย่างเด็ดขาดว่าสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดคือของปลอม
ประมุขวิหารคนอื่นๆก็แสดงปฏิกิริยาที่คล้ายกัน จากที่พวกเขาเห็น ทั้งหมดนั่นเป็นเพียงแผนการหลอกลวงของวิหารปีศาจเพลิงเท่านั้น!
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ประมุขวิหารปีศาจเพลิงจะทันได้อธิบายอะไร ศิษย์ในเครื่องแบบของวิหารต่างๆก็วิ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
และสภาพของทุกคนก็แย่มาก ต่างพูดอย่างเดียวกันกับที่ศิษย์ของวิหารปีศาจเพลิงบอก
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือพวกเขาไม่ได้ตายแต่อ่อนแอมาก ในที่สุดประมุขของวิหารต่างๆก็ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดจากปากของศิษย์พวกนั้น
ตามที่ศิษย์พวกนั้นพูด ทุกคนได้เข้าไปในผาสุดสวรรค์และค้นพบสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดผ่านเส้นทางต่างๆ พวกเขาต่อสู้กันเพื่อที่จะอ้างสิทธิ์ในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับไม่ถ้วน แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด สิ่งที่พวกเขาเจอมีแค่สุสานที่ว่างเปล่าเท่านั้น
แม้แต่โลงศพของจักรพรรดิแห่งความมืดก็ว่างเปล่าเช่นกัน!
ตอนที่ 1911 มหกรรมตบหน้า (3)
หลังจากเหล่าศิษย์พบว่าสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเป็นของปลอม พวกเขาก็หมดกำลังใจจะสู้ต่อและได้ร่วมมือกันเพื่อหลบหนีออกจากผาสุดสวรรค์ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่ในเวลาเดียวกัน
ถ้าเป็นแค่ศิษย์จากวิหารเดียวหรือสองวิหารที่กลับมารายงาน มันก็อาจจะไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อศิษย์จากเกือบทุกวิหารพูดแบบเดียวกัน มันต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน!
ทันใดนั้น ใบหน้าของประมุขวิหารทุกคนก็ซีดขาว พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดที่พวกเขาทุ่มเทความพยายามลงไปมากจะว่างเปล่า……
ระเบิดลูกใหญ่นี้ทำให้ประมุขทุกคนรู้สึกปวดใจ มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งพันปีที่ผ่านมา เพื่อที่จะค้นหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ยอดฝีมือต้องพลีชีพไปกี่คน และทรัพย์สมบัติมากมายเท่าไรที่ต้องเสียไป
แต่สุดท้าย……
ก็ไม่มีอะไรเลย
การเสียสละและการหมดเปลืองของพวกเขา ทั้งหมดกลายเป็นเรื่องตลก
ที่ประชุมเงียบกริบ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาจำศิษย์ที่ตัวเองส่งไปผาสุดสวรรค์ได้ และรู้ว่าศิษย์พวกนั้นเป็นคนของวิหารตัวเองจริงๆ พวกเขาก็คงไม่ยอมเชื่อ
การไล่ตามที่กินเวลานับพันปี สุดท้ายก็เป็นแค่เรื่องตลก
พวกเขาโดนราชอาณาจักรแห่งความมืดเล่นงานอีกแล้ว!
“มิน่า……มิน่าล่ะ ราชอาณาจักรแห่งความมืดถึงไม่ได้พยายามยับยั้งเราตามหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ฮ่าๆ……ที่แท้พวกเขา……ก็รู้มาตลอดว่ามันเป็นของปลอม……” ประมุขวิหารคลื่นมรกตหัวเราะ แต่มันฟังเหมือนเขากำลังร้องไห้มากกว่า
ประมุขวิหารคนอื่นๆล้วนไม่สามารถยอมรับความเป็นจริงที่โหดร้ายนี้ได้ เพื่อที่จะแย่งชิงสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด พวกเขาได้ทำสิ่งต่างๆไปตั้งเท่าไร ศิษย์ถูกส่งไปตายมากมายแค่ไหน เพียงเพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาณาจักรกลาง
แต่ตอนนี้ สิ่งที่พวกเขาทำไปทั้งหมดช่างน่าขำสิ้นดี
พวกเขาวางแผนการต่างๆและเสียสละยอดฝีมือของตนไปมากมาย สุดท้ายสิ่งที่พวกเขาได้รับมีเพียงการเยาะเย้ยจากราชอาณาจักรแห่งความมืด
ความจริงนี้ทำให้ประมุขทุกคนแทบกระอักเลือด
จวินอู๋เสียนั่งชื่นชมสีหน้าแบบคนใจสลายของประมุขวิหารต่างๆอยู่ที่เก้าอี้อย่างเงียบๆ
สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดไม่เคยเป็นเรื่องโกหก มันมีอยู่จริง น่าเสียดายที่พวกเขามาช้าเกินไป ทุกอย่างที่นั่นถูกนางกวาดไปจนเกลี้ยงแล้ว สมบัติส่วนใหญ่ตอนนี้อยู่ในท้องของหนูนรกของเย่เจี๋ย นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาจะไม่มีวันได้รู้
สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดที่ว่างเปล่าเป็น “ของขวัญ” ชิ้นแรกที่จวินอู๋เสียให้แก่สิบสองวิหาร
หลังจากนี้จะมี “ของขวัญดีๆ” รอให้พวกเขาได้เพลิดเพลินอยู่อีกมาก!
ข้างในที่ประชุมกลายเป็นหม้อต้มเดือดๆจากข่าวนี้ ประมุขวิหารปีศาจเพลิงตกใจมากจนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ใบหน้าสับสนมึนงง
เพื่อสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ดูจากช่วงเวลาที่เขาครองตำแหน่งแล้ว พวกเขาได้สูญเสียผู้อาวุโสไปมากกว่า 10 คนแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาสูญเสียยอดฝีมือและศิษย์ทั่วไปไปมากเพียงใด แต่……
ประมุขวิหารปีศาจเพลิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ข่มความรู้สึกที่อยากจะกระอักเลือดลงไป และมองดูความวุ่นวายในที่ประชุม จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที
แม้ว่าจะไม่พบสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด แต่ความแข็งแกร่งของวิหารปีศาจเพลิงก็ยังอยู่เหนือวิหารอื่นๆ!
“ทุกคน! ทุกคนใจเย็นๆก่อน ทั้งหมดนี้เป็นแค่แผนของราชอาณาจักรแห่งความมืด! เราตกหลุมพรางแล้ว! แต่ตราบใดที่พวกเราสิบสองวิหารยังรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ก็ใช่ว่าจะล้มแล้วลุกขึ้นไม่ได้! ความไม่พอใจทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็ให้ทำเหมือนว่าไม่เคยเกิดขึ้น!”
คำพูดของประมุขวิหารปีศาจเพลิงทำให้ทุกคนสงบลงเล็กน้อย ไม่ใช่แค่วิหารเดียวที่ประสบกับความสูญเสีย แต่เป็นทุกวิหาร จึงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขารู้สึกว่ายอมรับไม่ได้
“ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ? แล้วพวกคนที่ตายเพราะสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดล่ะ? พวกเจ้าจะชดเชยยังไง?” เสียงเย็นชาแจ่มชัดดังขึ้นในที่ประชุม
สายตาของทุกคนมองไปที่เจ้าของเสียงนั้นทันที—จวินอู๋เสีย!
ตอนที่ 1912 มหกรรมตบหน้า (4)
“ประมุขวิหารเงาจันทรา พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” สีหน้าของประมุขวิหารปีศาจเพลิงบึ้งตึงทันที ประมุขวิหารอื่นๆก็มองไปที่จวินอู๋เสียอย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าประมุขวิหารจะพูดออกมาเช่นนี้
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่แสดงความกลัวต่อสายตาของเหล่าประมุขทั้งหมดเลยแม้แต่น้อย นางเอนหลังพิงเก้าอี้และเงยหน้ามองทุกคน
“ก็หมายความตามที่พูด สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดว่างเปล่าซะแล้ว แต่คนที่สังเวยชีวิตของแต่ละวิหารเป็นของจริง คนที่ตายเหล่านั้นทุ่มเทด้วยชีวิตแล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาได้คือกลายเป็นเรื่องตลก พวกเจ้าคิดว่ามันเหมาะสมแล้วหรือ?”
ตอนนั้นเอง ประมุขวิหารเสวียนเทียนก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ประมุขวิหารเงาจันทรา เจ้ายังเด็ก อาจจะไม่เข้าใจถึงความสำคัญของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ทำการใหญ่อย่าใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย ถ้าไม่สู้เพื่อความหวังเสี้ยวหนึ่ง จะให้เราใช้ชีวิตอย่างเปล่าประโยชน์หรือ? สิบสองวิหารไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเก้าอาราม ถ้าเรายังคงนั่งรอความตายอยู่เฉยๆ ไม่ช้าก็เร็วเราจะถูกเก้าอารามกวาดล้าง การค้นหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดและได้รับสมบัติของเขาคือวิธีที่จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น เมื่อสมบัติมากองอยู่ตรงหน้า ใครจะยอมล้มเลิกกัน?”
จวินอู๋เสียยิ้มเยาะอย่างเย็นชา
“ตัวเองอยากได้ ทำไมไม่ไปหาเอง? พวกเจ้านั่งรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ แต่คนที่ต้องสังเวยชีวิตคือศิษย์ของพวกเจ้า ตอนนี้สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดว่างเปล่า สำหรับพวกเจ้ามันก็แค่เสียโอกาสที่จะได้สมบัติ แต่สำหรับคนที่พลีชีพใต้ผาสุดสวรรค์พวกนั้น ที่พวกเขาเสียไปคือชีวิต พวกเจ้ามีใครจำคนกลุ่มแรกที่ส่งไปผาสุดสวรรค์ได้บ้าง? มีใครยังจำชื่อของทุกคนได้บ้าง? พวกเขาตายเพราะความทะเยอทะยานของพวกเจ้า แต่ตอนนี้พวกเจ้าคิดแค่ว่าตนเสียสมบัติกองใหญ่ไป ไม่ได้รู้สึกผิดหรือเสียใจต่อคนที่ตายไปเลย ขอถามหน่อยเถอะ……พวกเจ้ายังเป็นคนอยู่ไหม?”
เสียงของจวินอู๋เสียนั้นนุ่มนวลมาก แต่ทุกคำบาดลึกคมกริบเหมือนใบมีด มันแทงทะลุหน้ากากสุภาพบุรุษจอมปลอมของประมุขวิหารทุกคน
คนพวกนี้ใช้ชีวิตของคนอื่นมาแลกเปลี่ยนเพื่อให้ตนเองได้พลังที่ยิ่งใหญ่ พวกเขารู้ดีอยู่แล้วว่าผาสุดสวรรค์เต็มไปด้วยอันตรายทุกรูปแบบ แต่ความทะเยอะทะยานของพวกเขาทำให้พวกเขาส่งคนไปที่ผาสุดสวรรค์อย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นเกิดความคิดที่จะใช้ผู้มีอำนาจในอาณาจักรล่าง
พวกเขาดูถูกเหยียดหยามคนของอาณาจักรล่างจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่ได้มองคนของอาณาจักรล่างเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ
จวินอู๋เสียพยายามค้นหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเช่นกัน แต่นางไปที่นั่นด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ แม้ว่ากองทัพรุ่ยหลินจะเชื่อฟังนาง แม้ว่านางจะเป็นจักรพรรดิของแคว้นเหยียนแล้ว นางจะไม่มีวันยอมใช้ชีวิตของผู้อื่นมาแลกกับพลังของตัวเองเด็ดขาด!
คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้ประมุขทุกคนหน้าเขียวคล้ำทันที พวกเขาจ้องเด็กสาวที่พูดจาไร้ความเกรงใจอย่างโกรธจัด อยากจะเย็บปากนางซะเดี๋ยวนี้
คำพูดของนางระคายหูเกินไป แต่มันก็สะท้อนความคิดที่แท้จริงในใจพวกเขา
“สาวน้อย ถึงเจ้าจะเด็กมาก แต่ก็ควรระวังคำพูดของตัวเองด้วย พวกเราทุกคนที่นี่แก่กว่าเจ้ามาก แม้ว่าเราจะไม่อยากเถียงกับเจ้า แต่เจ้าต้องรู้จักเคารพกันบ้าง ในฐานะประมุขของวิหารต่างๆ เจ้ารู้ไหมว่าเราต้องรับมือกับสิ่งต่างๆมากมายแค่ไหน? เจ้าจะคาดหวังให้เราลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้อย่างไร?
จะให้เราไปค้นหาผาสุดสวรรค์ด้วยตัวเองเนี่ยนะ?” ประมุขวิหารปีศาจเพลิงกล่าวเสียงเหน็บแนม
“ถ้าลงมือทำด้วยตัวเองไม่ได้ งั้นทำไมถึงอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเองล่ะ?” จวินอู๋เสียทำสีหน้าเยาะหยัน ชนชั้นสูงพวกนี้ช่างน่าหัวเราะจริงๆ ชีวิตของผู้อื่นเป็นแค่เบี้ยในสายตาของพวกเขา

Genius Doctor Black Belly Miss

Genius Doctor Black Belly Miss

เธอคอยอดอัจฉริยะแห่งศตวรรษที่ 24. เพียงเข็มเงินเล่มเดียวเธอก็สามารถช่วยชีวิตใครก็ได้ให้พ้นจากความตาย
ทว่าหลังจากการเกิดระเบิดมันทำให้เธอหลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก คนที่นั้นมักเรียกเธอว่า “คุณหนู”
แต่ทว่า “คุณหนู” คนก่อนนั้นของพวกเขานั้นไรซึ่งภูติวิญญาณประจำตัว ทั้งยังร่างกายอ่อนแอและยังไร้ความสามารถใดๆ
แม้กระทั้งคู่หมั่นก็ยังพาคนรักใหม่มาข่มเหงกัน แต่ตอนนี้มีเธอที่เป็นเจ้าของร่างกายนี้ ถ้าใครมันกล้ามาอวดดีใส่เธอ?
เพียงแค่มีเข็มอยู่ในมือเธอ โลกทั้งโลกใบนี้ก็ตกลงเป็นของเธอแล้วทุกหนทุกแห่งที่ไปย่อมเกิดปาฏิหาริย์!
อย่างไรก็ตามเธอได้ช่วยชีวิตชายคนหนึ่งไว้ ไม่รู้ว่าตอนนั้นเธอคิดอะไรอยู่ถึงได้ยอมช่วย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท