ลั่วชิงเฉิงจากไปพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่ง บนเนินเขาสีเขียวที่เต็มไปด้วยเลือดกลายเป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่า
เหรินหวงอ้าปากหอบหายใจ นี่เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดในชีวิตของเขา แม้ว่าเขาจะเห็นพวกคนชุดดำจากไป แต่ในใจเขาไม่ได้ผ่อนคลายขึ้นเลย ตรงกันข้าม เขากลับระแวดระวังมากขึ้น สายตาของเขามองไปยังภาพด้านหลังที่เปล่าเปลี่ยวภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็น ร่างเล็กนั้นชุ่มโชกไปด้วยเลือด นางยืนอยู่ตามลำพังท่ามกลางกองเลือด หลังของนางตั้งตรง แต่ทำให้ผู้คนอดที่จะกังวลไม่ได้
คุณหนู…… เย่เม่ยรีบวิ่งเข้าไปหาจวินอู๋เสีย แววตาของเขาดูซับซ้อนราวกับอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นใบหน้าของนาง คำพูดทั้งหมดก็ถูกกลืนกลับลงไปทันที
ใบหน้าขาวซีดนั้นเปื้อนเลือดสดๆ สีแดงเลือดตัดกับผิวขาวเนียนของนางราวกับดอกไม้สีเลือดกำลังเบ่งบาน น้ำตาใสๆไหลอาบแก้ม ชะล้างเลือดออกไปอย่างเงียบๆ……
เย่เม่ยยืนตะลึงงัน
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้พบนางจนถึงตอนนี้ พวกเขาผ่านศึกมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเจอกับอันตรายแบบไหน เขาก็ไม่เคยเห็นน้ำตาของนางเลยสักครั้ง เขาคิดมาตลอดว่าคุณหนูจะไม่มีวันร้องไห้
เขาไม่สามารถเชื่อมโยงคำว่า ‘น้ำตา’ กับนางได้เลย
แต่สุดท้ายเย่เม่ยก็คิดผิด
ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีการคร่ำครวญ นางแค่ยืนอยู่เงียบๆท่ามกลางสายลมที่ส่งเสียงหวีดหวิว นางเผชิญกับสายลมเย็นยามพลบค่ำด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่น้ำตาจะหยดลงพื้น มันก็ถูกลมพัดจนแห้ง
มันเป็นความเงียบที่น่าหดหู่ บรรยากาศชวนให้ใจสลาย
เย่เม่ยทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่กับที่
คำขู่ของจวินอู๋เหยาซื้อเวลาให้คนของวิหารหยกวิญญาณได้หายใจหายคอกันบ้าง คนชุดดำพวกนั้นถอยกลับไปด้านหนึ่งพร้อมกับเฝ้ามองลั่วชิงเฉิงที่กำลังกลับไป อยู่ท่ามกลางป่าเขาแต่กลับไม่มีความผ่อนคลายใดๆเลย เลือดกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ศพคนตายเกลื่อนกลาดไปทั่ว ร่างที่นอนอยู่บนพื้นนั้นคือพี่น้องที่พวกนางสนิทสนมคุ้นเคยมากที่สุด ท่ามกลางหุบเขา ในถ้ำที่มืดสลัว พวกนางพึ่งพากันและกันไปไหนไปด้วยกันมานานนับพันปี
แต่ตอนนี้ พวกนางต้องลาจากกันชั่วนิรันดร์ สิ้นวาสนาต่อกันแล้ว
ศิษย์พี่…… เสียงร่ำไห้ดังขึ้น เด็กสาวที่มีบาดแผลมากมายคนหนึ่งคุกเข่าลงท่ามกลางกองเลือด มือของนางสั่นระริกขณะกอดหญิงสาวที่หมดลมหายใจไปแล้วไว้แนบอก พร้อมกับสั่นไปทั้งร่าง
ฮือ! เสียงร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกดังก้องป่าที่เงียบสงัด นกนับไม่ถ้วนตกใจและโผบินขึ้นท้องฟ้า
เสียงนั้นเป็นเสียงที่เศร้าสร้อยและอ้างว้างเหลือเกิน
ประมุขวิหารหยกวิญญาณแดงไปทั้งตัว แยกไม่ออกว่าเป็นสีของชุดเกราะหรือเลือด ผมของเขายุ่งเหยิง เขากวาดสายตาไปทั่วสนามรบ ทันทีที่เห็นร่างของยายเยว่ เขาก็ตัวสั่นและแทบจะยืนทรงตัวไม่ได้
ยายเยว่ที่อยู่กับเขามานับพันปีกำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างสงบ ใต้ร่างของนางคือศิษย์ที่นางกำลังปกป้องซึ่งหมดลมหายใจไปแล้ว ดาบแทงทะลุแผ่นหลังของนางและพุ่งเสียบศิษย์ที่อยู่ใต้ร่างนางไปด้วย เลือดไหลนองพื้น ดวงตาของประมุขวิหารหยกวิญญาณมีน้ำตาเอ่อคลอ
เยว่…… ประมุขวิหารหยกวิญญาณเสียงสั่นเครือ วิหารหยกวิญญาณเก็บตัวอยู่อย่างสันโดษมาพันปี ตอนแรกมีศิษย์ที่ติดตามเขาเหลืออยู่ไม่มากนัก ยายเยว่เป็นคนที่อยู่เคียงข้างเขาก่อนที่วิหารหยกวิญญาณจะตกต่ำ เขาคิดเสมอว่าเขาจะให้นางถอนตัวไปใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบ ไม่คิดเลยว่า……เขาจะทำให้นางมาติดร่างแหด้วยเช่นนี้