ป่าถูกทำลายราวกับโดนคลื่นยักษ์ถล่ม ความพินาศเห็นได้ทั่วทุกหนแห่ง ลำต้นหนาถูกหินกระแทกจนหัก เศษซากกระจายเกลื่อน เมื่อดูความเสียหายของต้นไม้แล้ว เรื่องนี้น่าเกิดขึ้นไม่เกินหนึ่งเดือน
ฉูหลิงเย่และชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้าไปในภูเขาพร้อมกลุ่มคนที่ตามมาใกล้ๆ แม้ว่าจะผ่านมานานแล้ว แต่พวกเขายังได้กลิ่นเลือดจางๆในตอนที่พวกเขาเข้าไปในภูเขา
ภายในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรง แต่ก็ยังไม่สามารถล้างเลือดทั้งหมดที่ซึมลึกลงไปในพื้นดินได้ จินตนาการได้เลยว่าเคยเกิดอะไรขึ้นที่นี่
“เฟยเหยียน พาคนไปดูรอบๆ” ฉูหลิงเย่ใจเต้นแรง ในใจเกิดความรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรง พวกเขาได้รับข่าวจากจวินอู๋เสียเมื่อหนึ่งเดือนก่อน และรีบเดินทางจากอาณาจักรล่างมาที่อาณาจักรกลางโดยไม่ได้หยุดพักเลย หลังจากมาถึงอาณาจักรกลางแล้ว พวกเขาก็พบแค่เทียนเจ๋อและศิษย์คนหนึ่งของวิหารหยกวิญญาณ หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบไปที่ภูเขาฝูเหยา แต่สำนักธาราเมฆถูกทิ้งร้างไร้ผู้คนไปแล้ว มีแต่เศษซากที่หลงเหลือจากการต่อสู้ คราบเลือดและอาคารที่พังพินาศทำให้พวกเขารู้สึกกังวลมาก
พวกเขาไม่พบร่องรอยของจวินอู๋เสียเลย ทำได้เพียงแยกย้ายกันค้นหาในบริเวณใกล้เคียงภูเขาฝูเขาโดยไม่หยุดพัก
ฉูหลิงเย่และเฟยเหยียนรวมกลุ่มกันออกค้นหาจวินอู๋เสีย พวกเขารู้สึกทรมานใจไปตลอดทาง พวกเขาอยากตามหานางให้เจอ แต่กลัวว่าถ้าพบนางแล้ว ผลลัพธ์จะไม่เป็นอย่างที่พวกเขาต้องการ
เฟยเหยียนพยักหน้าเงียบๆ แม้ว่าเขาจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่ตอนนี้แม้แต่จะฝืนยิ้มก็ยังยิ้มไม่ออก
พวกเขาแยกย้ายกันออกค้นหาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
หลังจากค้นหามาครึ่งวัน ตั้งแต่ตอนที่ดวงอาทิตย์ลอยสูงอยู่กลางท้องฟ้าจนกระทั่งลาลับขอบฟ้า พวกเขาก็ยังไม่พบเจออะไร
เฟยเหยียนรู้สึกหดหู่ใจ กลิ่นเลือดที่ไม่จางหายไปไหนคอยย้ำเตือนเขาตลอดเวลาว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่นี่ เขามีความหวังอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังหวังว่าครั้งนี้จะไม่เจออะไร เวลาผ่านไปนานแล้ว แต่กลิ่นเลือดยังคงอยู่ เขาจึงหวังว่าเลือดพวกนี้จะไม่ใช่เลือดของพวกจวินอู๋เสีย แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็หวังว่าพวกเขาจะแค่ได้รับบาดเจ็บและกำลังซ่อนตัวอยู่ชั่วคราว
หัวใจของเขาสับสนวุ่นวายขณะที่ค้นหาร่องรอยไปทั่ว
“ท่านนั่นเอง!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
เฟยเหยียนหันกลับไปและเห็นหญิงสาวที่สกปรกมอมแมมกำลังมองมาที่เขาอย่างประหลาดใจ แต่คนๆนี้ไม่ใช่คนที่เฟยเหยียนกำลังตามหา
“เจ้าคือ?” เฟยเหยียนมองนางอย่างสงสัย
ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นเป็นประกาย เมื่อเห็นเฟยเหยียน นางก็ทิ้งผลไม้ป่าที่เก็บมาทันที
“ข้า……ข้าคือศิษย์วิหารหยกวิญญาณ! ข้าเคยเห็นท่านมาก่อน! ท่านคือ……สหายของคุณหนูจวิน!”
หัวใจของเฟยเหยียนเต้นผิดจังหวะ!
วิหารหยกวิญญาณ? คุณหนูจวิน!
เฟยเหยียนพุ่งเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นแทบจะทันที มือของเขาสั่น ดวงตาเบิกกว้าง เขาถามขึ้นว่า “เจ้าคือศิษย์ของวิหารหยกวิญญาณหรือ? เจ้าเห็นอู๋เสียไหม? นางอยู่ที่ไหน?”
ผู้หญิงคนนั้นตกใจกับปฏิกิริยาของเฟยเหยียนและประหม่าอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้สตินางก็พูดเสียงสั่นว่า “เรา……เรา……เราไม่รู้ว่าคุณหนูจวินอยู่ที่ไหน……เรา……”
ผู้หญิงคนนั้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก นางบอกเขาทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น คำบอกเล่าของนางทำให้เขายืนแข็งค้างอยู่กับที่ด้วยความตกใจ
จวินอู๋เหยาถูกจับ? อาจารย์ปู่ของจวินอู๋เสียเสียสละตัวเอง?!
นี่……นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!!!!!
ฉูหลิงเย่และชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้าไปในภูเขาพร้อมกลุ่มคนที่ตามมาใกล้ๆ แม้ว่าจะผ่านมานานแล้ว แต่พวกเขายังได้กลิ่นเลือดจางๆในตอนที่พวกเขาเข้าไปในภูเขา
ภายในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรง แต่ก็ยังไม่สามารถล้างเลือดทั้งหมดที่ซึมลึกลงไปในพื้นดินได้ จินตนาการได้เลยว่าเคยเกิดอะไรขึ้นที่นี่
“เฟยเหยียน พาคนไปดูรอบๆ” ฉูหลิงเย่ใจเต้นแรง ในใจเกิดความรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรง พวกเขาได้รับข่าวจากจวินอู๋เสียเมื่อหนึ่งเดือนก่อน และรีบเดินทางจากอาณาจักรล่างมาที่อาณาจักรกลางโดยไม่ได้หยุดพักเลย หลังจากมาถึงอาณาจักรกลางแล้ว พวกเขาก็พบแค่เทียนเจ๋อและศิษย์คนหนึ่งของวิหารหยกวิญญาณ หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบไปที่ภูเขาฝูเหยา แต่สำนักธาราเมฆถูกทิ้งร้างไร้ผู้คนไปแล้ว มีแต่เศษซากที่หลงเหลือจากการต่อสู้ คราบเลือดและอาคารที่พังพินาศทำให้พวกเขารู้สึกกังวลมาก
พวกเขาไม่พบร่องรอยของจวินอู๋เสียเลย ทำได้เพียงแยกย้ายกันค้นหาในบริเวณใกล้เคียงภูเขาฝูเขาโดยไม่หยุดพัก
ฉูหลิงเย่และเฟยเหยียนรวมกลุ่มกันออกค้นหาจวินอู๋เสีย พวกเขารู้สึกทรมานใจไปตลอดทาง พวกเขาอยากตามหานางให้เจอ แต่กลัวว่าถ้าพบนางแล้ว ผลลัพธ์จะไม่เป็นอย่างที่พวกเขาต้องการ
เฟยเหยียนพยักหน้าเงียบๆ แม้ว่าเขาจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่ตอนนี้แม้แต่จะฝืนยิ้มก็ยังยิ้มไม่ออก
พวกเขาแยกย้ายกันออกค้นหาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
หลังจากค้นหามาครึ่งวัน ตั้งแต่ตอนที่ดวงอาทิตย์ลอยสูงอยู่กลางท้องฟ้าจนกระทั่งลาลับขอบฟ้า พวกเขาก็ยังไม่พบเจออะไร
เฟยเหยียนรู้สึกหดหู่ใจ กลิ่นเลือดที่ไม่จางหายไปไหนคอยย้ำเตือนเขาตลอดเวลาว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่นี่ เขามีความหวังอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังหวังว่าครั้งนี้จะไม่เจออะไร เวลาผ่านไปนานแล้ว แต่กลิ่นเลือดยังคงอยู่ เขาจึงหวังว่าเลือดพวกนี้จะไม่ใช่เลือดของพวกจวินอู๋เสีย แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็หวังว่าพวกเขาจะแค่ได้รับบาดเจ็บและกำลังซ่อนตัวอยู่ชั่วคราว
หัวใจของเขาสับสนวุ่นวายขณะที่ค้นหาร่องรอยไปทั่ว
“ท่านนั่นเอง!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
เฟยเหยียนหันกลับไปและเห็นหญิงสาวที่สกปรกมอมแมมกำลังมองมาที่เขาอย่างประหลาดใจ แต่คนๆนี้ไม่ใช่คนที่เฟยเหยียนกำลังตามหา
“เจ้าคือ?” เฟยเหยียนมองนางอย่างสงสัย
ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นเป็นประกาย เมื่อเห็นเฟยเหยียน นางก็ทิ้งผลไม้ป่าที่เก็บมาทันที
“ข้า……ข้าคือศิษย์วิหารหยกวิญญาณ! ข้าเคยเห็นท่านมาก่อน! ท่านคือ……สหายของคุณหนูจวิน!”
หัวใจของเฟยเหยียนเต้นผิดจังหวะ!
วิหารหยกวิญญาณ? คุณหนูจวิน!
เฟยเหยียนพุ่งเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นแทบจะทันที มือของเขาสั่น ดวงตาเบิกกว้าง เขาถามขึ้นว่า “เจ้าคือศิษย์ของวิหารหยกวิญญาณหรือ? เจ้าเห็นอู๋เสียไหม? นางอยู่ที่ไหน?”
ผู้หญิงคนนั้นตกใจกับปฏิกิริยาของเฟยเหยียนและประหม่าอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้สตินางก็พูดเสียงสั่นว่า “เรา……เรา……เราไม่รู้ว่าคุณหนูจวินอยู่ที่ไหน……เรา……”
ผู้หญิงคนนั้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก นางบอกเขาทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น คำบอกเล่าของนางทำให้เขายืนแข็งค้างอยู่กับที่ด้วยความตกใจ
จวินอู๋เหยาถูกจับ? อาจารย์ปู่ของจวินอู๋เสียเสียสละตัวเอง?!
นี่……นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!!!!!