”พี่เย่เม่ย ช่วยบอกพวกเรามาตามตรงเถอะ……เสี่ยวเสียผ่านห้าปีนี้มาได้ยังไง?” ฮัวเหยามองด้านหลังของจวินอู๋เสียที่กำลังห่างออกไปด้วยหัวใจที่เจ็บปวด เขาไม่สามารถหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติได้เหมือนเฉียวฉู่ หลังจากเจอจวินอู๋เสีย เขาก็ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของนาง แต่เขาไม่รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย เขาแค่คิดว่า……ห้าปีที่ผ่านมานี้นางมีชีวิตอยู่ยังไง และนางแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?
ช่วงเวลาห้าปีที่ผ่านมา จวินอู๋เสียไม่ได้กล่าวถึงมากนัก แม้ว่าจะพูดขึ้นมา ก็จะทำเป็นมองข้ามไปอย่างไม่ใส่ใจเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
แต่ตลอดห้าปีที่ผ่านมา พวกเฉียวฉู่ฝึกฝนกันหนักมาก แต่พวกเขาก็บรรลุถึงขั้นพลังวิญญาณสีทองเท่านั้น ตอนที่พวกเขากลับมาจากโลกวิญญาณครั้งก่อน พวกเขาอยู่ในพลังวิญญาณสีเงินเท่านั้น จากพลังวิญญาณสีเงินไปขั้นพลังวิญญาณสีทอง พวกเขาต้องฝึกฝนอย่างหนักโดยไม่ได้พักผ่อน โชคดีที่ร่างวิญญาณไม่รู้สึกเหนื่อย การที่สามารถบรรลุถึงขั้นนั้นได้ พวกเขาใช้วิชาเสริมวิญญาณของจวินอู๋เสียเพื่อเร่งผลการฝึก มันยากถึงขนาดนี้เลยทีเดียว
แต่ความก้าวหน้าของจวินอู๋เสียก็อยู่เหนือจินตนาการของพวกเขาอีกครั้ง
การควบแน่นแหวนวิญญาณ นางควบแน่นแหวนวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ในเวลาแค่ห้าปี คนธรรมดาจะทำแบบนี้ได้อย่างไร?
เย่เม่ยถอนหายใจ หลังจากจวินอู๋เสียเดินออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉียวฉู่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เขารู้ดีว่าเด็กๆพวกนี้ฝืนทำตัวสบายๆมีความสุขต่อหน้าจวินอู๋เสีย แต่ลึกๆในใจพวกเขาล้วนเป็นทุกข์ แต่ไม่กล้าเปิดเผยออกมาต่อหน้านาง
”คุณหนูในช่วงห้าปีนี้……” ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จวินอู๋เสียเดินอยู่บนขอบเหวแห่งความเป็นตายอยู่หลายครั้ง วิธีการฝึกของดินแดนแห่งวิญญาณใช้ได้กับร่างวิญญาณเท่านั้น ถ้าจวินอู๋เสียอยากฝืนใช้วิธีนี้ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ นอกจากนั้นวิธีการฝึกนี้จะส่งผลให้เกิดความเสียหายร้ายแรงกับร่างมนุษย์ได้ ตอนที่จวินอู๋เสียฝึกจึงต้องกินยาเป็นจำนวนมากอยู่เสมอ ตอนช่วงแรกๆนางกระอักเลือดจนเป็นเรื่องปกติ ต้องกินยากำใหญ่ๆเพื่อประคองตัวเองไว้ไม่ให้ล้ม ตอนนั้นพวกเย่เม่ยถึงกับเหงื่อตก พวกเขาอยากห้ามจวินอู๋เสีย ไม่อยากให้นางฝึกแบบไม่คิดถึงชีวิตเช่นนั้น แต่ทุกครั้งที่มองตานาง พวกเขาก็ได้แต่กลืนคำพูดกลับเข้าไป……
จวินอู๋เสียออกจากห้องและเดินผ่านทางเดินในวัง สัตว์อสูรสีดำเดินตามนางมาอย่างช้าๆ
”ท่านกลัวหรือ?” จู่ๆสัตว์อสูรสีดำก็พูดขึ้น
การเชื่อมโยงระหว่างจิตวิญญาณระหว่างมันกับจวินอู๋เสียทำให้มันรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในใจของจวินอู๋เสียได้อย่างชัดเจน
ตั้งแต่นางได้พบกับพวกเฉียวฉู่ การสั่นไหวของวิญญาณนางก็ชัดเจนมาก นางดูเหมือนต่อต้านที่จะยอมรับเพื่อนๆอย่างที่สุด ถึงแม้จะยอมรับเนื่องจากพ่ายแพ้ความดื้อรั้นของเฉียวฉู่ แต่นางก็ยังเว้นระยะห่างจากเพื่อนๆอยู่ดี
”คงงั้น” ไม่มีอะไรต้องปิดบังระหว่างจวินอู๋เสียกับสัตว์อสูรสีดำ
นางจะไม่กลัวได้อย่างไร?
หลังจากประสบกับการต่อสู้ที่โหดร้ายและได้เห็นเหรินหวงระเบิดตัวเองแล้ว นางจะไม่รู้สึกกลัวได้อย่างไร?
การช่วยจวินอู๋เหยาและแก้แค้นอาณาจักรบนคือแรงผลักดันที่ทำให้นางอยู่ต่อมาได้ แต่นางก็รู้ดีว่าภายใต้จุดประสงค์เช่นนี้ อันตรายที่ซ่อนอยู่นั้นน่ากลัวเพียงใด นางไม่อยากให้พวกเฉียวฉู่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ และไม่อยากดึงตระกูลจวินให้มาอยู่ในวังวนที่อันตรายนี้ด้วย
จวินอู๋เสียต้องยอมรับว่านางไม่สามารถรับมันได้แล้ว นางไม่อยากทนรับความสิ้นหวังเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้วอีก ไม่อยากมองคนที่นางห่วงใยตายไปต่อหน้าต่อตาอีกแล้ว
ช่วงเวลาห้าปีที่ผ่านมา จวินอู๋เสียไม่ได้กล่าวถึงมากนัก แม้ว่าจะพูดขึ้นมา ก็จะทำเป็นมองข้ามไปอย่างไม่ใส่ใจเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
แต่ตลอดห้าปีที่ผ่านมา พวกเฉียวฉู่ฝึกฝนกันหนักมาก แต่พวกเขาก็บรรลุถึงขั้นพลังวิญญาณสีทองเท่านั้น ตอนที่พวกเขากลับมาจากโลกวิญญาณครั้งก่อน พวกเขาอยู่ในพลังวิญญาณสีเงินเท่านั้น จากพลังวิญญาณสีเงินไปขั้นพลังวิญญาณสีทอง พวกเขาต้องฝึกฝนอย่างหนักโดยไม่ได้พักผ่อน โชคดีที่ร่างวิญญาณไม่รู้สึกเหนื่อย การที่สามารถบรรลุถึงขั้นนั้นได้ พวกเขาใช้วิชาเสริมวิญญาณของจวินอู๋เสียเพื่อเร่งผลการฝึก มันยากถึงขนาดนี้เลยทีเดียว
แต่ความก้าวหน้าของจวินอู๋เสียก็อยู่เหนือจินตนาการของพวกเขาอีกครั้ง
การควบแน่นแหวนวิญญาณ นางควบแน่นแหวนวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ในเวลาแค่ห้าปี คนธรรมดาจะทำแบบนี้ได้อย่างไร?
เย่เม่ยถอนหายใจ หลังจากจวินอู๋เสียเดินออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉียวฉู่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เขารู้ดีว่าเด็กๆพวกนี้ฝืนทำตัวสบายๆมีความสุขต่อหน้าจวินอู๋เสีย แต่ลึกๆในใจพวกเขาล้วนเป็นทุกข์ แต่ไม่กล้าเปิดเผยออกมาต่อหน้านาง
”คุณหนูในช่วงห้าปีนี้……” ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จวินอู๋เสียเดินอยู่บนขอบเหวแห่งความเป็นตายอยู่หลายครั้ง วิธีการฝึกของดินแดนแห่งวิญญาณใช้ได้กับร่างวิญญาณเท่านั้น ถ้าจวินอู๋เสียอยากฝืนใช้วิธีนี้ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ นอกจากนั้นวิธีการฝึกนี้จะส่งผลให้เกิดความเสียหายร้ายแรงกับร่างมนุษย์ได้ ตอนที่จวินอู๋เสียฝึกจึงต้องกินยาเป็นจำนวนมากอยู่เสมอ ตอนช่วงแรกๆนางกระอักเลือดจนเป็นเรื่องปกติ ต้องกินยากำใหญ่ๆเพื่อประคองตัวเองไว้ไม่ให้ล้ม ตอนนั้นพวกเย่เม่ยถึงกับเหงื่อตก พวกเขาอยากห้ามจวินอู๋เสีย ไม่อยากให้นางฝึกแบบไม่คิดถึงชีวิตเช่นนั้น แต่ทุกครั้งที่มองตานาง พวกเขาก็ได้แต่กลืนคำพูดกลับเข้าไป……
จวินอู๋เสียออกจากห้องและเดินผ่านทางเดินในวัง สัตว์อสูรสีดำเดินตามนางมาอย่างช้าๆ
”ท่านกลัวหรือ?” จู่ๆสัตว์อสูรสีดำก็พูดขึ้น
การเชื่อมโยงระหว่างจิตวิญญาณระหว่างมันกับจวินอู๋เสียทำให้มันรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในใจของจวินอู๋เสียได้อย่างชัดเจน
ตั้งแต่นางได้พบกับพวกเฉียวฉู่ การสั่นไหวของวิญญาณนางก็ชัดเจนมาก นางดูเหมือนต่อต้านที่จะยอมรับเพื่อนๆอย่างที่สุด ถึงแม้จะยอมรับเนื่องจากพ่ายแพ้ความดื้อรั้นของเฉียวฉู่ แต่นางก็ยังเว้นระยะห่างจากเพื่อนๆอยู่ดี
”คงงั้น” ไม่มีอะไรต้องปิดบังระหว่างจวินอู๋เสียกับสัตว์อสูรสีดำ
นางจะไม่กลัวได้อย่างไร?
หลังจากประสบกับการต่อสู้ที่โหดร้ายและได้เห็นเหรินหวงระเบิดตัวเองแล้ว นางจะไม่รู้สึกกลัวได้อย่างไร?
การช่วยจวินอู๋เหยาและแก้แค้นอาณาจักรบนคือแรงผลักดันที่ทำให้นางอยู่ต่อมาได้ แต่นางก็รู้ดีว่าภายใต้จุดประสงค์เช่นนี้ อันตรายที่ซ่อนอยู่นั้นน่ากลัวเพียงใด นางไม่อยากให้พวกเฉียวฉู่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ และไม่อยากดึงตระกูลจวินให้มาอยู่ในวังวนที่อันตรายนี้ด้วย
จวินอู๋เสียต้องยอมรับว่านางไม่สามารถรับมันได้แล้ว นางไม่อยากทนรับความสิ้นหวังเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้วอีก ไม่อยากมองคนที่นางห่วงใยตายไปต่อหน้าต่อตาอีกแล้ว