เสียงร้องคร่ำครวญดังก้องไปทั่วเมืองอันกว้างใหญ่ นกนับไม่ถ้วนบินหนีไปด้วยความตกใจ ผู้ใช้พลังวิญญาณสีทองทุกคนพากันหน้าซีดเมื่อเห็นชิวอวิ๋นชักกระตุกและกลิ้งไปมาบนพื้น ไม่มีใครคาดคิดว่าในอาณาจักรกลางจะมีคนที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ คนที่ทำให้ชิวอวิ๋นผู้แข็งแกร่งตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายได้อย่างง่ายดาย
อักขระสีม่วงเหล่านั้นวิ่งจากคอของชิวอวิ๋นไปทั่วทั้งร่างกายอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกเหมือนว่าในเลือดของเขามีแมลงนับไม่ถ้วนกำลังฉีกเส้นเลือดของเขา ความเจ็บปวดและความคันที่ทิ่มแทงนั้นทำให้เขาเกาไปทั่วทั้งตัวไม่หยุด ผิวที่หยาบกร้านของเขาเริ่มบางและเหมือนกับเป็นตุ่มพุพองที่กำลังแตก ผิวบางๆนั้นสามารถมองเห็นเส้นเลือดได้อย่างชัดเจน ชิวอวิ๋นเกาไม่หยุด ผิวของเขาเหมือนปีกจักจั่นที่บอบบาง แค่แตะเบาๆก็ขาดได้แล้วของเหลวสีเหลืองมีกลิ่นเหม็นไหลออกจากบาดแผลของเขา ทุกคนที่มองอยู่ด้านข้างอดคลื่นไส้อยากอาเจียนไม่ได้
พวกผู้ใช้พลังวิญญาณสีทองที่มาจากอาณาจักรบนล้วนเคยทำงานให้กับสิบยอดฝีมือมาก่อน แม้ว่าแหวนวิญญาณจะหายาก แต่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็น แต่พวกเขาไม่เคยเห็นแหวนวิญญาณประเภทที่สามารถเกาะติดกับร่างกายมนุษย์และทำให้เกิดผลเหมือนได้รับพิษเช่นนี้มาก่อน
ถูกฟันตายซะยังจะดีกว่าต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้ ในตอนนี้พวกเขาได้ละทิ้งความหวังที่จะรอดชีวิตไปหมดแล้ว ต่างภาวนาอยู่ในใจว่า……ขอให้พวกเขาถูกเถาวัลย์พวกนั้นทำให้เป็นเนื้อสับดีกว่าที่จะโดนแหวนวิญญาณของจวินอู๋เสียสัมผัสร่าง!
เย่ฉาและคนของกองทัพราตรียืนมองภาพจวินอู๋เสียทำการข่มเหงคนด้วยสายตาเย็นชา ในดวงตาของพวกเขาไม่มีความเมตตาสงสารให้ชิวอวิ๋นเลยแม้แต่น้อย โทษที่บังอาจดูหมิ่นจวินอู๋เหยา ความตายถือว่าไม่มากเกินไปเลย
เย่ฉามองไปที่จวินอู๋เสีย ด้านหลังที่เย็นชานั้นทำให้สายตาของเขาฉายแววซับซ้อน
คุณหนูแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งมากพอที่จะฝังความกลัวให้กับทุกคน นี่ควรเป็นเรื่องที่ดี แต่ภายใต้สิ่งเหล่านี้คือหัวใจที่ปิดสนิทของนาง
เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องกระตุ้นเส้นประสาทของทุกคนที่อยู่ที่นั่น อย่าว่าแต่พวกผู้ใช้พลังวิญญาณสีทองเลย แม้แต่ศิษย์ของเก้าอารามก็เริ่มหายใจไม่ออกและพากันสั่นสะท้าน พวกเขาไม่เคยเห็นการทรมานที่น่าสยดสยองเช่นนี้มาก่อน จวินอู๋เสียทำให้ชิวอวิ๋นตกอยู่ในสภาพมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายได้อย่างง่ายดาย วิธีการสุดโต่งเช่นนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่สบายใจและหวาดกลัวอย่างที่สุด
ซูจิ่งเหยียนเบิกตากว้างขณะที่ร่างของจวินอู๋เสียประทับลงในใจของเขา มันทิ้งร่องรอยความหวาดกลัวที่ไม่สามารถลบเลือนได้เขารู้ว่าจวินอู๋เสียแข็งแกร่งมาก แต่ความแข็งแกร่งของนางไม่ได้อยู่ที่พลังของนาง แต่อยู่ที่การเติบโตอันน่าเหลือเชื่อที่ไม่มีใครสามารถควบคุมได้ เขายังจำได้ว่าตอนที่พบนางครั้งแรก นางเป็นแค่ผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วง แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งปีกว่านิดๆ เมื่อเขาพบนางเป็นครั้งที่สอง นางก็ก้าวเข้าสู่ระดับพลังวิญญาณสีเงินแล้ว ครั้งนี้หลังจากผ่านไปห้าปี……การเติบโตของจวินอู๋เสียยิ่งทำให้ตื่นตะลึงมากขึ้นไปอีก……
แหวนวิญญาณ……
นั่นคือแหวนวิญญาณจริงๆ!
จวินอู๋เสียมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไรในเวลาแค่ห้าปี จากจุดสูงสุดของพลังวิญญาณสีเงินที่กำลังจะเข้าสู่พลังวิญญาณสีทอง มาถึงขั้นควบแน่นแหวนวิญญาณได้?!
นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะกล้าแม้แต่จะคิด!
จวินอู๋เสียใช้เวลาห้าปีฝึกฝนจนสำเร็จและบรรลุสิ่งที่ไม่มีใครสามารถทำได้ บางคนใช้เวลาถึงห้าร้อยปีก็ไม่สามารถได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงนี้เลย
นาง……เป็นมนุษย์แน่หรือ??!
ซูจิ่งเหยียนไม่แน่ใจอีกต่อไปแล้วว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเป็นคนหรือสัตว์ประหลาด!