”ไม่ถือว่าเป็นคนธรรมดาแล้ว?” เฉียวฉู่แปลกใจ เขาเฉลียวใจว่ากำลังจะได้ยินเรื่องที่น่าเหลือเชื่อบางอย่าง
จวินอู๋เสียวางพู่กันในมือลงและประสานมือวางลงบนม้วนหนังสือตรงหน้า
”เจ้ายังจำตอนที่เย่ฉาตายในหุบเขาเมฆาได้ไหม?”
เฉียวฉู่นิ่งงันไปครู่หนึ่ง
ตอนนั้นพวกเขายังไม่คุ้นเคยกับเย่ฉาและไม่รู้ว่ามีองครักษ์ซ่อนตัวคอยปกป้องจวินอู๋เสียอยู่ จนกระทั่งช่วงเวลาวิกฤตนั้นเอง เย่ฉาก็ปรากฏตัวขึ้น แต่เพราะความห่างชั้นของพลัง เขาจึงเลือกระเบิดตัวเองเพื่อปกป้องพวกเขา
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ เฉียวฉู่ก็แอบกลืนน้ำลายอย่างเงียบๆ
ระเบิดตัวเองพลีชีพ เป็นคำต้องห้ามที่เหมือนเกล็ดย้อนสำหรับจวินอู๋เสีย
หลังจากเย่ฉาระเบิดตัวเองแล้วก็ไม่เหลือแม้แต่ซากศพ สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือกระดูกงูหนึ่งชิ้น ตอนนั้นพวกเฉียวฉู่ได้แต่นำสิ่งนี้กลับไปที่สำนักวิหคเพลิงด้วย และใช้กระดูกงูนี้แทนตัวเย่ฉา ฝังมันไว้บนภูเขาด้านหลัง
จากนั้น……
จู่ๆเย่ฉาก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง!
”เออใช่……ข้าอยากถามมาตลอดเลย เย่ฉาคนปัจจุบันเป็นคนเดียวกับเย่ฉาตอนนั้นรึเปล่า?” เฉียวฉู่ถามอย่างระมัดระวัง
จวินอู๋เสียพยักหน้า
”เป็นเขามาตลอดตั้งแต่แรกแล้ว ในกองทัพราตรีมีคนจำนวนมากที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง พวกเขาเป็นเมล็ดของต้นวิญญาณที่อู๋เหยานำมา พวกเขาเป็นวิญญาณ แต่เมล็ดพืชยังไงก็เป็นแค่เมล็ดพืช ต้นวิญญาณส่งผลไม่ถึงเมล็ดเหล่านั้น อู๋เหยาจึงใช้เลือดตัวเองช่วยเสริมให้” ใช้เมล็ดของต้นวิญญาณเป็นจิตวิญญาณและเลือดของจวินอู๋เหยาเป็นเลือดเนื้อ นี่คือต้นกำเนิดของคนส่วนใหญ่ในกองทัพราตรี พวกเขาไม่มีร่างกายที่แท้จริง จึงถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ กระดูกงูคือสิ่งที่จวินอู๋เหยาใช้สร้างพวกเขา นั่นคือสาเหตุที่มีเศษกระดูกงูเหลืออยู่หลังจากเย่ฉาระเบิดตัวเองไปแล้ว
เหตุผลที่กองทัพราตรีไร้คู่ต่อสู้ในอาณาจักรกลางนั้น ไม่ใช่แค่เพราะพลังในการต่อสู้ของพวกเขาเท่านั้น แต่เพราะพวกเขาเกือบจะเป็นอมตะด้วย
ตราบใดที่กระดูกงูไม่ถูกทำลาย จวินอู๋เหยาก็ทำให้พวกเขาเกิดใหม่ได้ แต่คนที่เกิดใหม่ แม้ว่าจะสืบทอดความทรงจำในอดีตมาได้ แต่ความรู้สึกมากมายที่เคยมีจะหายไป สำหรับคนที่เสียชีวิต แม้ว่าวิญญาณจะไม่ถูกทำลาย แต่พวกเขาต้องผ่านการกลับมาเกิดใหม่ ในแง่หนึ่งก็คือความตาย การเกิดใหม่ก็แค่ใช้วิญญาณดวงเดิมกับร่างกายใหม่ ”ตัวตนของเย่กูนั้นแตกต่าง” จวินอู๋เสียอธิบายต่อ เย่กูเป็นเด็กกำพร้าของเผ่าวิญญาณ เขาได้ดื่มเลือดของจวินอู๋เหยา จึงสามารถใช้พลังวิญญาณปีศาจได้
”มิน่าล่ะ! เจ้าพูดแบบนี้ข้าก็เข้าใจแล้ว! มิน่าพลังของอาจารย์อาเทียนเจ๋อถึงได้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในช่วงห้าปีนี้ ข้าได้ยินจากเสว่เอ๋อร์ว่าตอนที่เจ้าช่วยเขา พี่ใหญ่อู๋เหยาได้ให้เลือดเขาด้วย พอได้ฟังเจ้าอธิบาย ข้าก็เข้าใจแล้ว!” เฉียวฉู่ตาเป็นประกาย ก่อนหน้านี้พลังของเทียนเจ๋อยังเทียบซูหย่าไม่ได้ แต่ในช่วงห้าปีนี้ คนที่พัฒนาได้เร็วที่สุดก็คือเทียนเจ๋อ
ความเร็วในการพัฒนาของเขาน่าทึ่งมาก ในบรรดาคนทั้งหมด เขาเป็นคนแรกที่บรรลุถึงขั้นพลังวิญญาณสีทอง!
หลังจากบรรลุถึงขั้นพลังวิญญาณสีทอง พลังวิญญาณของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน แสงสีทองเจิดจ้าเปลี่ยนเป็นสีเทาดำในระยะเวลาอันสั้น ตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมันทำให้เทียนเจ๋อกลัวมาก เขาคิดว่าตัวเองมีบางอย่างผิดปกติ
ไม่ได้รู้เลยว่านี่เป็นเรื่องที่สุดยอดมากๆ!
”หลังจากบรรลุขั้นพลังวิญญาณสีทอง พลังวิญญาณจะกลายเป็นพลังวิญญาณปีศาจ……เฮ้! เดี๋ยวนะ! งั้นก็หมายความว่า……สมาชิกทุกคนของกองทัพราตรีก็……อยู่เหนือกว่าขั้นพลังวิญญาณสีทองน่ะสิ?!” เฉียวฉู่ค้นพบความจริงที่น่าตกใจเข้าแล้ว!
จวินอู๋เสียวางพู่กันในมือลงและประสานมือวางลงบนม้วนหนังสือตรงหน้า
”เจ้ายังจำตอนที่เย่ฉาตายในหุบเขาเมฆาได้ไหม?”
เฉียวฉู่นิ่งงันไปครู่หนึ่ง
ตอนนั้นพวกเขายังไม่คุ้นเคยกับเย่ฉาและไม่รู้ว่ามีองครักษ์ซ่อนตัวคอยปกป้องจวินอู๋เสียอยู่ จนกระทั่งช่วงเวลาวิกฤตนั้นเอง เย่ฉาก็ปรากฏตัวขึ้น แต่เพราะความห่างชั้นของพลัง เขาจึงเลือกระเบิดตัวเองเพื่อปกป้องพวกเขา
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ เฉียวฉู่ก็แอบกลืนน้ำลายอย่างเงียบๆ
ระเบิดตัวเองพลีชีพ เป็นคำต้องห้ามที่เหมือนเกล็ดย้อนสำหรับจวินอู๋เสีย
หลังจากเย่ฉาระเบิดตัวเองแล้วก็ไม่เหลือแม้แต่ซากศพ สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือกระดูกงูหนึ่งชิ้น ตอนนั้นพวกเฉียวฉู่ได้แต่นำสิ่งนี้กลับไปที่สำนักวิหคเพลิงด้วย และใช้กระดูกงูนี้แทนตัวเย่ฉา ฝังมันไว้บนภูเขาด้านหลัง
จากนั้น……
จู่ๆเย่ฉาก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง!
”เออใช่……ข้าอยากถามมาตลอดเลย เย่ฉาคนปัจจุบันเป็นคนเดียวกับเย่ฉาตอนนั้นรึเปล่า?” เฉียวฉู่ถามอย่างระมัดระวัง
จวินอู๋เสียพยักหน้า
”เป็นเขามาตลอดตั้งแต่แรกแล้ว ในกองทัพราตรีมีคนจำนวนมากที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง พวกเขาเป็นเมล็ดของต้นวิญญาณที่อู๋เหยานำมา พวกเขาเป็นวิญญาณ แต่เมล็ดพืชยังไงก็เป็นแค่เมล็ดพืช ต้นวิญญาณส่งผลไม่ถึงเมล็ดเหล่านั้น อู๋เหยาจึงใช้เลือดตัวเองช่วยเสริมให้” ใช้เมล็ดของต้นวิญญาณเป็นจิตวิญญาณและเลือดของจวินอู๋เหยาเป็นเลือดเนื้อ นี่คือต้นกำเนิดของคนส่วนใหญ่ในกองทัพราตรี พวกเขาไม่มีร่างกายที่แท้จริง จึงถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ กระดูกงูคือสิ่งที่จวินอู๋เหยาใช้สร้างพวกเขา นั่นคือสาเหตุที่มีเศษกระดูกงูเหลืออยู่หลังจากเย่ฉาระเบิดตัวเองไปแล้ว
เหตุผลที่กองทัพราตรีไร้คู่ต่อสู้ในอาณาจักรกลางนั้น ไม่ใช่แค่เพราะพลังในการต่อสู้ของพวกเขาเท่านั้น แต่เพราะพวกเขาเกือบจะเป็นอมตะด้วย
ตราบใดที่กระดูกงูไม่ถูกทำลาย จวินอู๋เหยาก็ทำให้พวกเขาเกิดใหม่ได้ แต่คนที่เกิดใหม่ แม้ว่าจะสืบทอดความทรงจำในอดีตมาได้ แต่ความรู้สึกมากมายที่เคยมีจะหายไป สำหรับคนที่เสียชีวิต แม้ว่าวิญญาณจะไม่ถูกทำลาย แต่พวกเขาต้องผ่านการกลับมาเกิดใหม่ ในแง่หนึ่งก็คือความตาย การเกิดใหม่ก็แค่ใช้วิญญาณดวงเดิมกับร่างกายใหม่ ”ตัวตนของเย่กูนั้นแตกต่าง” จวินอู๋เสียอธิบายต่อ เย่กูเป็นเด็กกำพร้าของเผ่าวิญญาณ เขาได้ดื่มเลือดของจวินอู๋เหยา จึงสามารถใช้พลังวิญญาณปีศาจได้
”มิน่าล่ะ! เจ้าพูดแบบนี้ข้าก็เข้าใจแล้ว! มิน่าพลังของอาจารย์อาเทียนเจ๋อถึงได้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในช่วงห้าปีนี้ ข้าได้ยินจากเสว่เอ๋อร์ว่าตอนที่เจ้าช่วยเขา พี่ใหญ่อู๋เหยาได้ให้เลือดเขาด้วย พอได้ฟังเจ้าอธิบาย ข้าก็เข้าใจแล้ว!” เฉียวฉู่ตาเป็นประกาย ก่อนหน้านี้พลังของเทียนเจ๋อยังเทียบซูหย่าไม่ได้ แต่ในช่วงห้าปีนี้ คนที่พัฒนาได้เร็วที่สุดก็คือเทียนเจ๋อ
ความเร็วในการพัฒนาของเขาน่าทึ่งมาก ในบรรดาคนทั้งหมด เขาเป็นคนแรกที่บรรลุถึงขั้นพลังวิญญาณสีทอง!
หลังจากบรรลุถึงขั้นพลังวิญญาณสีทอง พลังวิญญาณของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน แสงสีทองเจิดจ้าเปลี่ยนเป็นสีเทาดำในระยะเวลาอันสั้น ตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมันทำให้เทียนเจ๋อกลัวมาก เขาคิดว่าตัวเองมีบางอย่างผิดปกติ
ไม่ได้รู้เลยว่านี่เป็นเรื่องที่สุดยอดมากๆ!
”หลังจากบรรลุขั้นพลังวิญญาณสีทอง พลังวิญญาณจะกลายเป็นพลังวิญญาณปีศาจ……เฮ้! เดี๋ยวนะ! งั้นก็หมายความว่า……สมาชิกทุกคนของกองทัพราตรีก็……อยู่เหนือกว่าขั้นพลังวิญญาณสีทองน่ะสิ?!” เฉียวฉู่ค้นพบความจริงที่น่าตกใจเข้าแล้ว!