เย่ฉายักไหล่ แสดงท่าว่าไม่อยากพูดอะไร
พวกเฉียวฉู่ยิ่งสับสนมากขึ้น คนผู้นี้……เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนของอาณาจักรแห่งความมืด แล้วทำไม……
”เข้าใจแล้ว” จวินอู๋เสียพูดขึ้นทันที
ชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่สนใจเอาเรื่องเย่ฉาไปมากกว่านี้ เขาแค่มองจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าลำบากใจ หลังจากมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว เขาก็พูดว่า “เจ้าไปฆ่าคนมาใช่ไหม? ทั้งตัวมีแต่กลิ่นคาวเลือด เหม็นจริงๆ เจ้าน่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม? ถ้าบาดเจ็บต้องบอกข้านะ ตอนนี้เจ้าจะบาดเจ็บไม่ได้”
คำพูดของชายคนนั้นดูเหมือนเป็นห่วงจวินอู๋เสียชัดๆ แต่ไม่รู้ทำไม พวกเฉียวฉู่ถึงรู้สึกแปลกๆเมื่อได้ยิน เหมือนจะเป็นห่วง แต่ก็รู้สึกว่าไม่ได้จริงใจ ”อืม” จวินอู๋เสียตอบแบบขอไปที
ชายคนนั้นพยักหน้าอย่างพอใจ เขามองจวินอู๋เสียตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง แล้วพูดว่า “ครั้งหน้าเจ้าต้องจำใส่ใจด้วย!”
จวินอู๋เสียไม่สนใจเขา
ดูเหมือนชายคนนั้นก็ไม่ได้สนใจท่าทีของนาง เขามองข้ามมันไปก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ครั้งนี้ยกเว้นให้แล้วกัน ข้าจะไปบอกพวกเหล่าอู่เอง” พูดจบชายคนนั้นก็เดินจากไป
พวกเฉียวฉู่ที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดทำสีหน้าเหลือเชื่อ พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย จุดประสงค์ของชายคนนี้คืออะไรกันแน่? มาเพื่อฟังคำพูดแบบขอไปทีจากจวินอู๋เสียสองสามคำเท่านั้นหรือ?
หลอกง่ายเกินไปแล้ว!
จวินอู๋เสียพาพวกเขาเข้าไปในห้องโถงและหาห้องให้พวกเขาได้พักผ่อน เหล่าสหายนั่งลงอย่างผ่อนคลายราวกับพวกเขาไม่เคยแยกจากกันเลย เย่ฉาออกไปเตรียมเครื่องดื่มมาให้ เฉียวฉู่เอนตัวลงนอนไขว่ห้างบนโซฟานุ่มๆอย่างสบายโดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ตัวเอง
”คนเมื่อกี้……เป็นใครงั้นหรือ?” หรงรั่วมองเย่เม่ยอย่างสงสัย นางรู้ดีว่าถ้าถามจวินอู๋เสียก็คงไม่ได้คำตอบ
เย่เม่ยฝืนยิ้มพลางส่ายหน้า แล้วตอบว่า “พูดตรงๆก็ เจ้าหนี้ นั่นแหละ”
”เจ้าหนี้?” พวกหรงรั่วเบิกตากว้าง
”ไม่จริงใช่ไหม? พี่ใหญ่อู๋เหยารวยขนาดนั้น จะเป็นหนี้ได้ยังไง?” เฉียวฉู่มองเขาอย่างเหลือเชื่อ ทรัพย์สมบัติของจวินอู๋เหยาสามารถฝังคนทั้งเมืองได้สบายๆ พูดถึงหนี้ ใครๆก็เป็นหนี้ได้ มีแค่จวินอู๋เหยาเท่านั้นที่เป็นไปไม่ได้
”ไม่ใช่เงิน แต่เป็นเมล็ด” เย่เม่ยพยายามอธิบายเพิ่ม
”เมล็ด?”
เย่เม่ยพยักหน้า เขามองไปที่จวินอู๋เสียเมื่อเห็นนางไม่คิดที่จะห้าม เขาก็อธิบายต้นสายปลายเหตุให้ฟัง
เดิมทีจวินอู๋เหยาเป็นคนของอาณาจักรบน เป็นเพราะรับรู้ถึงแผนการอันเลวร้ายของอาณาจักรบน เขาจึงหนีมาที่อาณาจักรกลาง แต่ก่อนที่จะมา จวินอู๋เหยาได้นำของบางอย่างที่สำคัญมากมาจากอาณาจักรบนด้วย
ในอาณาจักรบนมีสถานที่ที่คล้ายกับโลกวิญญาณอยู่ โลกวิญญาณนั้นเกิดขึ้นจากความคิดของจ้าววิญญาณที่อยากหาที่อยู่ให้เหล่าวิญญาณที่ไม่อยากสลายหายไปจากโลก แต่ในอาณาจักรบนมีสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งนั่นคือ — ดินแดนแห่งวิญญาณ
ดินแดนแห่งวิญญาณนั้นคล้ายกับโลกวิญญาณ แต่ก็แตกต่างกันด้วย ในดินแดนแห่งวิญญาณมีต้นวิญญาณอยู่ ลือกันว่าวิญญาณทุกดวงของสามอาณาจักรมาจากต้นไม้ต้นนี้ ผลของต้นวิญญาณคือที่ที่วิญญาณนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นมา หลังจากผลสุก พวกมันจะกลายเป็นวิญญาณและเข้าสู่วัฏสงสารเพื่อสร้างชีวิตใหม่ให้เกิดขึ้น
อาจกล่าวได้ว่าดินแดนแห่งวิญญาณเป็นรากฐานของสามอาณาจักร วิญญาณของทุกคนและของทุกชีวิตล้วนมาจากดินแดนแห่งวิญญาณ รวมทั้งจ้าววิญญาณด้วย จ้าววิญญาณเกิดจากต้นวิญญาณเช่นกัน แต่เขาไม่ได้เลือกที่จะเป็นสิ่งมีชีวิต แต่เลือกที่จะอยู่ในสถานะวิญญาณ
พวกเฉียวฉู่ยิ่งสับสนมากขึ้น คนผู้นี้……เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนของอาณาจักรแห่งความมืด แล้วทำไม……
”เข้าใจแล้ว” จวินอู๋เสียพูดขึ้นทันที
ชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่สนใจเอาเรื่องเย่ฉาไปมากกว่านี้ เขาแค่มองจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าลำบากใจ หลังจากมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว เขาก็พูดว่า “เจ้าไปฆ่าคนมาใช่ไหม? ทั้งตัวมีแต่กลิ่นคาวเลือด เหม็นจริงๆ เจ้าน่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม? ถ้าบาดเจ็บต้องบอกข้านะ ตอนนี้เจ้าจะบาดเจ็บไม่ได้”
คำพูดของชายคนนั้นดูเหมือนเป็นห่วงจวินอู๋เสียชัดๆ แต่ไม่รู้ทำไม พวกเฉียวฉู่ถึงรู้สึกแปลกๆเมื่อได้ยิน เหมือนจะเป็นห่วง แต่ก็รู้สึกว่าไม่ได้จริงใจ ”อืม” จวินอู๋เสียตอบแบบขอไปที
ชายคนนั้นพยักหน้าอย่างพอใจ เขามองจวินอู๋เสียตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง แล้วพูดว่า “ครั้งหน้าเจ้าต้องจำใส่ใจด้วย!”
จวินอู๋เสียไม่สนใจเขา
ดูเหมือนชายคนนั้นก็ไม่ได้สนใจท่าทีของนาง เขามองข้ามมันไปก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ครั้งนี้ยกเว้นให้แล้วกัน ข้าจะไปบอกพวกเหล่าอู่เอง” พูดจบชายคนนั้นก็เดินจากไป
พวกเฉียวฉู่ที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดทำสีหน้าเหลือเชื่อ พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย จุดประสงค์ของชายคนนี้คืออะไรกันแน่? มาเพื่อฟังคำพูดแบบขอไปทีจากจวินอู๋เสียสองสามคำเท่านั้นหรือ?
หลอกง่ายเกินไปแล้ว!
จวินอู๋เสียพาพวกเขาเข้าไปในห้องโถงและหาห้องให้พวกเขาได้พักผ่อน เหล่าสหายนั่งลงอย่างผ่อนคลายราวกับพวกเขาไม่เคยแยกจากกันเลย เย่ฉาออกไปเตรียมเครื่องดื่มมาให้ เฉียวฉู่เอนตัวลงนอนไขว่ห้างบนโซฟานุ่มๆอย่างสบายโดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ตัวเอง
”คนเมื่อกี้……เป็นใครงั้นหรือ?” หรงรั่วมองเย่เม่ยอย่างสงสัย นางรู้ดีว่าถ้าถามจวินอู๋เสียก็คงไม่ได้คำตอบ
เย่เม่ยฝืนยิ้มพลางส่ายหน้า แล้วตอบว่า “พูดตรงๆก็ เจ้าหนี้ นั่นแหละ”
”เจ้าหนี้?” พวกหรงรั่วเบิกตากว้าง
”ไม่จริงใช่ไหม? พี่ใหญ่อู๋เหยารวยขนาดนั้น จะเป็นหนี้ได้ยังไง?” เฉียวฉู่มองเขาอย่างเหลือเชื่อ ทรัพย์สมบัติของจวินอู๋เหยาสามารถฝังคนทั้งเมืองได้สบายๆ พูดถึงหนี้ ใครๆก็เป็นหนี้ได้ มีแค่จวินอู๋เหยาเท่านั้นที่เป็นไปไม่ได้
”ไม่ใช่เงิน แต่เป็นเมล็ด” เย่เม่ยพยายามอธิบายเพิ่ม
”เมล็ด?”
เย่เม่ยพยักหน้า เขามองไปที่จวินอู๋เสียเมื่อเห็นนางไม่คิดที่จะห้าม เขาก็อธิบายต้นสายปลายเหตุให้ฟัง
เดิมทีจวินอู๋เหยาเป็นคนของอาณาจักรบน เป็นเพราะรับรู้ถึงแผนการอันเลวร้ายของอาณาจักรบน เขาจึงหนีมาที่อาณาจักรกลาง แต่ก่อนที่จะมา จวินอู๋เหยาได้นำของบางอย่างที่สำคัญมากมาจากอาณาจักรบนด้วย
ในอาณาจักรบนมีสถานที่ที่คล้ายกับโลกวิญญาณอยู่ โลกวิญญาณนั้นเกิดขึ้นจากความคิดของจ้าววิญญาณที่อยากหาที่อยู่ให้เหล่าวิญญาณที่ไม่อยากสลายหายไปจากโลก แต่ในอาณาจักรบนมีสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งนั่นคือ — ดินแดนแห่งวิญญาณ
ดินแดนแห่งวิญญาณนั้นคล้ายกับโลกวิญญาณ แต่ก็แตกต่างกันด้วย ในดินแดนแห่งวิญญาณมีต้นวิญญาณอยู่ ลือกันว่าวิญญาณทุกดวงของสามอาณาจักรมาจากต้นไม้ต้นนี้ ผลของต้นวิญญาณคือที่ที่วิญญาณนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นมา หลังจากผลสุก พวกมันจะกลายเป็นวิญญาณและเข้าสู่วัฏสงสารเพื่อสร้างชีวิตใหม่ให้เกิดขึ้น
อาจกล่าวได้ว่าดินแดนแห่งวิญญาณเป็นรากฐานของสามอาณาจักร วิญญาณของทุกคนและของทุกชีวิตล้วนมาจากดินแดนแห่งวิญญาณ รวมทั้งจ้าววิญญาณด้วย จ้าววิญญาณเกิดจากต้นวิญญาณเช่นกัน แต่เขาไม่ได้เลือกที่จะเป็นสิ่งมีชีวิต แต่เลือกที่จะอยู่ในสถานะวิญญาณ