แม้ว่าต้าฮั่นจะพูดจาร้ายกาจ แต่เขาก็ควบแน่นอักขระวิญญาณได้ 1-2 ตัวแล้ว ถึงจะไม่ใช่แหวนวิญญาณที่สมบูรณ์ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งเช่นกัน ไม่อย่างนั้น เขาจะกล้าพูดเสียงดังต่อหน้าหนานกงเล่ยได้อย่างไร?
แต่คนที่แข็งแกร่งจากอาณาจักรบนเช่นนี้ก็ถูกจวินอู๋เสียจัดการได้อย่างง่ายดาย เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถยืนได้
พวกที่สงสัยในความแข็งแกร่งของจวินอู๋เสียก็ไม่มีความคิดอื่นใดอีกแล้วนอกจากความกลัว พวกเขาเลิกเสแสร้งทำเป็นสงบนิ่งแล้ว แต่ละคนตัวสั่นงันงกราวกับนกกระทาที่กำลังหวาดกลัว พวกเขามองทุกการเคลื่อนไหวของจวินอู๋เสียด้วยความหวาดหวั่น กลัวว่าตนจะเป็นรายต่อไป
ใบหน้าของหนานกงเล่ยดูน่าเกลียดอย่างที่สุด ตอนแรกเขาคิดว่าจะรับมือกับจวินอู๋เสียได้ เขาคิดว่ากองกำลังที่เตรียมไว้ในอารามหลิงซวีจะสามารถถ่วงเวลาได้พักหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าในขณะที่พวกเขากำลังตกตะลึงกับการทำลายล้างแปดอาราม จวินอู๋เสียได้ยื่นกรงเล็บของนางมาที่อารามหลิงซวีแล้ว เพียงครู่เดียวเท่านั้น ทหารที่อยู่ด้านนอกอารามหลิงซวีก็บาดเจ็บล้มตายไปนับไม่ถ้วน ดูจากที่นางตรงดิ่งเข้ามา ก็เห็นชัดแล้วว่าคนพวกนั้นคงจะรอดยาก!
เป็นพลังที่น่ากลัวอะไรขนาดนี้!
หนานกงเล่ยไม่กล้าคิดเลยจริงๆ
พลังของเขายังไม่สามารถสัมผัสได้ว่ามีการสังหารหมู่เกิดขึ้นที่ด้านนอก และไม่สามารถสัมผัสถึงการมาของจวินอู๋เสียได้เลย แค่จุดนี้ก็ทำให้เขารู้สึกหลาดกลัวแล้ว
หนานกงเล่ยรู้สึกถึงความกลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ตัวของเขาเริ่มสั่น ความกลัวที่ครอบงำหัวใจเขาทำให้เขาเกร็งไปทั้งตัว และไม่สามารถละสายตาจากจวินอู๋เสียได้
“จวินอู๋เสีย เจ้าเป็นใครกันแน่? มีความแค้นอะไรกับอาณาจักรบน? เจ้าอยากเป็นศัตรูกับพวกเราจริงๆหรือ?” หนานกงเล่ยระงับความรู้สึกไม่สบายใจลงและพยายามทำให้ตัวเองดูสงบนิ่ง แต่ทันทีที่พูดออกมา เสียงสั่นๆของเขาก็เผยความรู้สึกที่แท้จริงของเขาออกมาหมด
จวินอู๋เสียมองสบตาเขา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าแค่อยากฆ่าพวกเจ้าให้หมด ก็แค่นั้น”
แค่อยากฆ่าพวกเขาให้หมดเนี่ยนะ?!
หนานกงเล่ยเบิกตากว้าง ‘พวกเจ้า’ ที่จวินอู๋เสียพูดถึงไม่ได้หมายความถึงพวกเขาเท่านั้น แต่หมายถึงอาณาจักรบนทั้งหมด!
จวินอู๋เสียต้องเกลียดชังมากแค่ไหนกัน ถึงได้มีความคิดไร้สาระที่จะเป็นศัตรูกับทั้งอาณาจักรบนเช่นนี้?
“ทำไม?” หนานกงเล่ยไม่ยอมแพ้ เขาไม่เข้าใจ จวินอู๋เสียแข็งแกร่งขนาดนี้ ทำไมนางอยากต่อต้านอาณาจักรบน? ถ้านางต้องการ ด้วยความสามารถของนาง หากไปที่อาณาจักรบน นางจะอยู่ในฐานะใดก็ได้ และมีความเป็นไปได้สูงมากว่าด้วยพรสวรรค์ของนาง การเข้าเป็นสิบยอดฝีมือของอาณาจักรบนจะเป็นเรื่องง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ
ความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่ง อำนาจและตำแหน่งที่อยู่แค่ปลายนิ้วของนาง ทำไม……นางต้องเลือกทางที่อันตรายเช่นนี้?
จวินอู๋เสียมองหนานกงเล่ยนิ่ง นางรู้ว่าที่หนานกงเล่ยพูดเรื่องไร้สาระมากมายเช่นนี้ก็เพื่อถ่วงเวลาให้หัวใจของเขาสงบลง
“ข้าต้องมีเหตุผลที่จะฆ่าพวกเจ้าด้วยหรือ?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว คำพูดที่เอ่ยออกมาฟังดูยโสโอหังอย่างที่สุด
แค่ประโยคเดียวก็ปิดกั้นคำพูดทั้งหมดของหนานกงเล่ย เขาไม่สามารถหาคำใดมาตอบโต้นางได้เลย
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าบอกไปแล้วว่าจะล้างเก้าอารามด้วยเลือด เพราะงั้นก็ต้องมีการนองเลือด ลงมือซะ” จวินอู๋เสียพูดอย่างใจร้อน กลิ่นคาวเลือดโชยเข้าจมูกนาง กลิ่นที่นางรังเกียจอย่างที่สุด บัดนี้เป็นเหมือนเงาตามติดนาง ไม่สามารถกำจัดออกได้
นางเลือกเส้นทางนี้เอง ต่อให้ต้องแบกรับบาปอันหนักหนา นางก็จะเดินต่อไป!
แต่คนที่แข็งแกร่งจากอาณาจักรบนเช่นนี้ก็ถูกจวินอู๋เสียจัดการได้อย่างง่ายดาย เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถยืนได้
พวกที่สงสัยในความแข็งแกร่งของจวินอู๋เสียก็ไม่มีความคิดอื่นใดอีกแล้วนอกจากความกลัว พวกเขาเลิกเสแสร้งทำเป็นสงบนิ่งแล้ว แต่ละคนตัวสั่นงันงกราวกับนกกระทาที่กำลังหวาดกลัว พวกเขามองทุกการเคลื่อนไหวของจวินอู๋เสียด้วยความหวาดหวั่น กลัวว่าตนจะเป็นรายต่อไป
ใบหน้าของหนานกงเล่ยดูน่าเกลียดอย่างที่สุด ตอนแรกเขาคิดว่าจะรับมือกับจวินอู๋เสียได้ เขาคิดว่ากองกำลังที่เตรียมไว้ในอารามหลิงซวีจะสามารถถ่วงเวลาได้พักหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าในขณะที่พวกเขากำลังตกตะลึงกับการทำลายล้างแปดอาราม จวินอู๋เสียได้ยื่นกรงเล็บของนางมาที่อารามหลิงซวีแล้ว เพียงครู่เดียวเท่านั้น ทหารที่อยู่ด้านนอกอารามหลิงซวีก็บาดเจ็บล้มตายไปนับไม่ถ้วน ดูจากที่นางตรงดิ่งเข้ามา ก็เห็นชัดแล้วว่าคนพวกนั้นคงจะรอดยาก!
เป็นพลังที่น่ากลัวอะไรขนาดนี้!
หนานกงเล่ยไม่กล้าคิดเลยจริงๆ
พลังของเขายังไม่สามารถสัมผัสได้ว่ามีการสังหารหมู่เกิดขึ้นที่ด้านนอก และไม่สามารถสัมผัสถึงการมาของจวินอู๋เสียได้เลย แค่จุดนี้ก็ทำให้เขารู้สึกหลาดกลัวแล้ว
หนานกงเล่ยรู้สึกถึงความกลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ตัวของเขาเริ่มสั่น ความกลัวที่ครอบงำหัวใจเขาทำให้เขาเกร็งไปทั้งตัว และไม่สามารถละสายตาจากจวินอู๋เสียได้
“จวินอู๋เสีย เจ้าเป็นใครกันแน่? มีความแค้นอะไรกับอาณาจักรบน? เจ้าอยากเป็นศัตรูกับพวกเราจริงๆหรือ?” หนานกงเล่ยระงับความรู้สึกไม่สบายใจลงและพยายามทำให้ตัวเองดูสงบนิ่ง แต่ทันทีที่พูดออกมา เสียงสั่นๆของเขาก็เผยความรู้สึกที่แท้จริงของเขาออกมาหมด
จวินอู๋เสียมองสบตาเขา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าแค่อยากฆ่าพวกเจ้าให้หมด ก็แค่นั้น”
แค่อยากฆ่าพวกเขาให้หมดเนี่ยนะ?!
หนานกงเล่ยเบิกตากว้าง ‘พวกเจ้า’ ที่จวินอู๋เสียพูดถึงไม่ได้หมายความถึงพวกเขาเท่านั้น แต่หมายถึงอาณาจักรบนทั้งหมด!
จวินอู๋เสียต้องเกลียดชังมากแค่ไหนกัน ถึงได้มีความคิดไร้สาระที่จะเป็นศัตรูกับทั้งอาณาจักรบนเช่นนี้?
“ทำไม?” หนานกงเล่ยไม่ยอมแพ้ เขาไม่เข้าใจ จวินอู๋เสียแข็งแกร่งขนาดนี้ ทำไมนางอยากต่อต้านอาณาจักรบน? ถ้านางต้องการ ด้วยความสามารถของนาง หากไปที่อาณาจักรบน นางจะอยู่ในฐานะใดก็ได้ และมีความเป็นไปได้สูงมากว่าด้วยพรสวรรค์ของนาง การเข้าเป็นสิบยอดฝีมือของอาณาจักรบนจะเป็นเรื่องง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ
ความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่ง อำนาจและตำแหน่งที่อยู่แค่ปลายนิ้วของนาง ทำไม……นางต้องเลือกทางที่อันตรายเช่นนี้?
จวินอู๋เสียมองหนานกงเล่ยนิ่ง นางรู้ว่าที่หนานกงเล่ยพูดเรื่องไร้สาระมากมายเช่นนี้ก็เพื่อถ่วงเวลาให้หัวใจของเขาสงบลง
“ข้าต้องมีเหตุผลที่จะฆ่าพวกเจ้าด้วยหรือ?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว คำพูดที่เอ่ยออกมาฟังดูยโสโอหังอย่างที่สุด
แค่ประโยคเดียวก็ปิดกั้นคำพูดทั้งหมดของหนานกงเล่ย เขาไม่สามารถหาคำใดมาตอบโต้นางได้เลย
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าบอกไปแล้วว่าจะล้างเก้าอารามด้วยเลือด เพราะงั้นก็ต้องมีการนองเลือด ลงมือซะ” จวินอู๋เสียพูดอย่างใจร้อน กลิ่นคาวเลือดโชยเข้าจมูกนาง กลิ่นที่นางรังเกียจอย่างที่สุด บัดนี้เป็นเหมือนเงาตามติดนาง ไม่สามารถกำจัดออกได้
นางเลือกเส้นทางนี้เอง ต่อให้ต้องแบกรับบาปอันหนักหนา นางก็จะเดินต่อไป!