จวินอู๋เสียยืนสงบนิ่งอยู่กลางห้องโถง แม้ว่าหนานกงเล่ยจะเรียกแหวนวิญญาณออกมาก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆจากนาง สีหน้าของนางไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ความสงบนิ่งของนางขัดหูขัดตาหนานกงเล่ยอย่างที่สุด เขาได้แต่รวบรวมกำลังใจลุกขึ้นยืน แหวนวิญญาณสีแดงในมือเปล่งรัศมีออกมาจางๆ
ในห้องโถงตอนนี้มีเพียงเสียงร้องของต้าฮั่นที่ดังไม่หยุด ขณะที่คนอื่นๆต่างกลั้นหายใจกันแล้ว
“ท่านหนานกง……ช่วย……ช่วยข้าด้วย……” ใบหน้าซีดขาวของต้าฮั่นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ดวงตามองไปที่หนานกงเล่ยด้วยความหวัง
หนานกงเล่ยหายใจช้าลง และจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของจวินอู๋เสีย เขาระแวดระวังมาก ไม่กล้าผ่อนคลายแม้แต่น้อย
จวินอู๋เสียเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่ยากที่สุดที่เขาเคยเจอมา หนานกงเล่ยมั่นใจในพลังของตัวเองพอสมควร เนื่องจากเขาอยู่ในสี่อันดับแรกของสิบยอดฝีมือ พลังของแหวนวิญญาณของเขาไม่ใช่สิ่งที่ชิวอวิ๋นจะเทียบได้ กวาดตามองทั่วทั้งอาณาจักรบน พลังของแหวนวิญญาณที่สามารถเทียบกับเขาได้มีเพียงสิบยอดฝีมือเท่านั้น เขาอดไม่ได้ที่จะแอบคาดเดาว่าแหวนวิญญาณของจวินอู๋เสียแข็งแกร่งเพียงใด
ท่ามกลางเสียงร้องคร่ำครวญของต้าฮั่น จวินอู๋เสียดึงดาบแสงของนางออก จากนั้นก็ตัดคอของเขาภายใต้สายตาระแวดระวังของหนานกงเล่ย
เลือดอุ่นๆสาดกระเซ็นเข้าใส่ทุกคนในห้องโถง หยดเลือดอุ่นเหนียวกระเด็นเข้าใส่ใบหน้าและร่างกายของพวกเขา ทุกคนสะดุ้งตกใจราวกับเลือดนั้นคือประกายไฟร้อนๆ
หนานกงเล่ยเบิกตากว้าง เขาไม่คิดว่าในเวลาแบบนี้จวินอู๋เสียยังไม่ลืมที่จะฆ่าเจ้าคนปากพล่อยนั่น นางมั่นใจในตัวเองมากขนาดนั้นเลยหรือ?
“แหวนวิญญาณสินะ?” จวินอู๋เสียสะบัดเลือดออกจากดาบ ดวงตาเย็นชากวาดมองต้าฮั่นที่หัวหลุดจากบ่า เมื่อเห็นหัวของเขากลิ้งไปที่เท้าของหนานกงเล่ย ประกายเย็นชาในแววตาของนางก็เข้มยิ่งขึ้น
“ได้ยินว่าเจ้าเป็นหนึ่งในสิบยอดฝีมือ” จวินอู๋เสียเลื่อนสายตาขึ้นมองหนานกงเล่ย
“ใช่” หนานกงเล่ยรู้สึกเหมือนมีหินติดอยู่ในลำคอของเขา แม้ว่าจะไม่เจ็บ แต่ก็รู้สึกไม่สบายอย่างมาก ทุกครั้งที่พูดเขาจะรู้สึกคันในลำคอ
เป็นเรื่องที่แปลกมาก จวินอู๋เสียยังไม่เรียกแหวนวิญญาณของนางออกมา แต่หนานกงเล่ยก็รู้สึกถึงความกดดันอย่างรุนแรงแล้ว ขนาดเขาเรียกแหวนวิญญาณของตัวเองออกมาแล้ว ความกดดันก็ยังไม่ลดลง
จวินอู๋เสียไม่พูดอะไรอีก ท่ามกลางสายตาที่จ้องเขม็งของหนานกงเล่ย แหวนวิญญาณสีเขียวเข้มก็ปรากฏขึ้นบนมือขวาของนางทันที!
เมื่อแหวนวิญญาณสีเขียวเข้มปรากฏออกมา ลมหายใจของหนานกงเล่ยก็แทบจะหยุดลงในทันทีนั้น
แหวนวิญญาณนั้นเปล่งประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าแหวนวิญญาณสีแดงในมือเขา ความแข็งแกร่งของแหวนวิญญาณส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับพลังของเจ้าของ ดูจากแหวนวิญญาณที่จวินอู๋เสียเรียกออกมาและความแตกต่างของแหวนวิญญาณทั้งสองวง ผลลัพธ์ก็เห็นๆกันอยู่แล้ว
แหวนวิญญาณสีแดงในมือของหนานกงเล่ยเหมือนถูกกลบด้วยแหวนวิญญาณสีเขียวเข้มจนดูหมองคล้ำไป
เพียงเท่านี้หัวใจของหนานกงเล่ยก็ดิ่งลงสู่ก้นเหวทันที
มิน่าล่ะ…… จวินอู๋เสียถึงได้กล้ายโสโอหังขนาดนั้น!
ที่แท้แหวนวิญญาณของนางก็ฝึกฝนจนถึงขั้นนี้แล้ว!
“งั้นก็เริ่มจากเจ้าก่อนแล้วกัน” จวินอู๋เสียยิ้ม แต่กลับทำให้หนานกงเล่ยรู้สึกหนาวยะเยือกแทน
เริ่มจากเขา?
หมายความว่าจวินอู๋เสียวางแผนจะกำจัดสิบยอดฝีมือของอาณาจักรบนไปทีละคนงั้นหรือ?
อวดดีอะไรเช่นนี้!
ร่างของจวินอู๋เสียหายวับไปทันทีโดยไม่ให้หนานกงเล่ยได้มีเวลาคิดไปมากกว่านี้!
ความสงบนิ่งของนางขัดหูขัดตาหนานกงเล่ยอย่างที่สุด เขาได้แต่รวบรวมกำลังใจลุกขึ้นยืน แหวนวิญญาณสีแดงในมือเปล่งรัศมีออกมาจางๆ
ในห้องโถงตอนนี้มีเพียงเสียงร้องของต้าฮั่นที่ดังไม่หยุด ขณะที่คนอื่นๆต่างกลั้นหายใจกันแล้ว
“ท่านหนานกง……ช่วย……ช่วยข้าด้วย……” ใบหน้าซีดขาวของต้าฮั่นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ดวงตามองไปที่หนานกงเล่ยด้วยความหวัง
หนานกงเล่ยหายใจช้าลง และจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของจวินอู๋เสีย เขาระแวดระวังมาก ไม่กล้าผ่อนคลายแม้แต่น้อย
จวินอู๋เสียเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่ยากที่สุดที่เขาเคยเจอมา หนานกงเล่ยมั่นใจในพลังของตัวเองพอสมควร เนื่องจากเขาอยู่ในสี่อันดับแรกของสิบยอดฝีมือ พลังของแหวนวิญญาณของเขาไม่ใช่สิ่งที่ชิวอวิ๋นจะเทียบได้ กวาดตามองทั่วทั้งอาณาจักรบน พลังของแหวนวิญญาณที่สามารถเทียบกับเขาได้มีเพียงสิบยอดฝีมือเท่านั้น เขาอดไม่ได้ที่จะแอบคาดเดาว่าแหวนวิญญาณของจวินอู๋เสียแข็งแกร่งเพียงใด
ท่ามกลางเสียงร้องคร่ำครวญของต้าฮั่น จวินอู๋เสียดึงดาบแสงของนางออก จากนั้นก็ตัดคอของเขาภายใต้สายตาระแวดระวังของหนานกงเล่ย
เลือดอุ่นๆสาดกระเซ็นเข้าใส่ทุกคนในห้องโถง หยดเลือดอุ่นเหนียวกระเด็นเข้าใส่ใบหน้าและร่างกายของพวกเขา ทุกคนสะดุ้งตกใจราวกับเลือดนั้นคือประกายไฟร้อนๆ
หนานกงเล่ยเบิกตากว้าง เขาไม่คิดว่าในเวลาแบบนี้จวินอู๋เสียยังไม่ลืมที่จะฆ่าเจ้าคนปากพล่อยนั่น นางมั่นใจในตัวเองมากขนาดนั้นเลยหรือ?
“แหวนวิญญาณสินะ?” จวินอู๋เสียสะบัดเลือดออกจากดาบ ดวงตาเย็นชากวาดมองต้าฮั่นที่หัวหลุดจากบ่า เมื่อเห็นหัวของเขากลิ้งไปที่เท้าของหนานกงเล่ย ประกายเย็นชาในแววตาของนางก็เข้มยิ่งขึ้น
“ได้ยินว่าเจ้าเป็นหนึ่งในสิบยอดฝีมือ” จวินอู๋เสียเลื่อนสายตาขึ้นมองหนานกงเล่ย
“ใช่” หนานกงเล่ยรู้สึกเหมือนมีหินติดอยู่ในลำคอของเขา แม้ว่าจะไม่เจ็บ แต่ก็รู้สึกไม่สบายอย่างมาก ทุกครั้งที่พูดเขาจะรู้สึกคันในลำคอ
เป็นเรื่องที่แปลกมาก จวินอู๋เสียยังไม่เรียกแหวนวิญญาณของนางออกมา แต่หนานกงเล่ยก็รู้สึกถึงความกดดันอย่างรุนแรงแล้ว ขนาดเขาเรียกแหวนวิญญาณของตัวเองออกมาแล้ว ความกดดันก็ยังไม่ลดลง
จวินอู๋เสียไม่พูดอะไรอีก ท่ามกลางสายตาที่จ้องเขม็งของหนานกงเล่ย แหวนวิญญาณสีเขียวเข้มก็ปรากฏขึ้นบนมือขวาของนางทันที!
เมื่อแหวนวิญญาณสีเขียวเข้มปรากฏออกมา ลมหายใจของหนานกงเล่ยก็แทบจะหยุดลงในทันทีนั้น
แหวนวิญญาณนั้นเปล่งประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าแหวนวิญญาณสีแดงในมือเขา ความแข็งแกร่งของแหวนวิญญาณส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับพลังของเจ้าของ ดูจากแหวนวิญญาณที่จวินอู๋เสียเรียกออกมาและความแตกต่างของแหวนวิญญาณทั้งสองวง ผลลัพธ์ก็เห็นๆกันอยู่แล้ว
แหวนวิญญาณสีแดงในมือของหนานกงเล่ยเหมือนถูกกลบด้วยแหวนวิญญาณสีเขียวเข้มจนดูหมองคล้ำไป
เพียงเท่านี้หัวใจของหนานกงเล่ยก็ดิ่งลงสู่ก้นเหวทันที
มิน่าล่ะ…… จวินอู๋เสียถึงได้กล้ายโสโอหังขนาดนั้น!
ที่แท้แหวนวิญญาณของนางก็ฝึกฝนจนถึงขั้นนี้แล้ว!
“งั้นก็เริ่มจากเจ้าก่อนแล้วกัน” จวินอู๋เสียยิ้ม แต่กลับทำให้หนานกงเล่ยรู้สึกหนาวยะเยือกแทน
เริ่มจากเขา?
หมายความว่าจวินอู๋เสียวางแผนจะกำจัดสิบยอดฝีมือของอาณาจักรบนไปทีละคนงั้นหรือ?
อวดดีอะไรเช่นนี้!
ร่างของจวินอู๋เสียหายวับไปทันทีโดยไม่ให้หนานกงเล่ยได้มีเวลาคิดไปมากกว่านี้!