ราวกับผีที่ไร้ตัวตน จวินอู๋เสียเร็วมากจนคนในห้องโถงตอบสนองไม่ทัน เหล่ายอดฝีมือของอาณาจักรบนที่อวดเก่งก่อนหน้านี้ พอจวินอู๋เสียปรากฏตัว พวกเขาก็กลายเป็นฝูงลูกแกะที่รอการถูกเชือด แม้ว่าจวินอู๋เสียจะฆ่าเพื่อนๆของพวกเขาต่อหน้าต่อตา พวกเขาก็ไม่สามารถยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้
ตอนนี้จวินอู๋เสียได้เรียกแหวนวิญญาณออกมา การเคลื่อนไหวของนางจึงเร็วขึ้นกว่าเดิม นางเร็วมากจนพวกเขาตอบโต้ไม่ทัน ทำได้แค่เบิกตากว้างเพ่งมองหวังจะมองการเคลื่อนไหวของจวินอู๋เสียให้ออก!
แต่ทั้งห้องโถง ยกเว้นหนานกงเล่ยแล้ว ไม่มีใครมองตามจวินอู๋เสียทันเลยสักคน พวกหัวกะทิทั้งหลายของอาณาจักรบนยังทำไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าผู้อาวุโสของเก้าอารามเลย!
แสงสีแดงและแสงสีเขียวเข้มปะทะกันอยู่กลางห้องโถง เหล่าผู้อาวุโสของเก้าอารามพากันหวาดกลัวและตกตะลึงในการต่อสู้ระหว่างผู้ใช้แหวนวิญญาณ ไม่ต้องพูดถึงการก้าวออกไปเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆทั้งสองด้านของห้องโถงก็กระอักเลือดจากแรงปะทะที่กระจายออกมาแล้ว พลังกดดันที่รุนแรงทำให้แค่จะยืนก็ยังลำบาก
“แม่งเอ๊ย! จะให้นังนั่นทำสำเร็จไม่ได้! ไปกันเร็ว!” หนึ่งในคนของอาณาจักรบนตะโกนออกมา แม้ว่าพวกเขาจะยโสโอหัง แต่พวกเขาก็มองออกว่าแหวนวิญญาณของหนานกงเล่ยแข็งแกร่งสู้จวินอู๋เสียไม่ได้ ตอนนี้ทั้งสองยังสู้กันได้ แต่อีกไม่นานความต่างชั้นของแหวนวิญญาณจะพลิกสถานการณ์เป็นการเล่นงานฝ่ายเดียว เมื่อถึงจุดนี้พวกเขาก็ไม่สนอะไรอีกแล้ว และพากันวิ่งเข้าไปเพื่อจะใช้จำนวนเป็นข้อได้เปรียบและโค่นล้มจวินอู๋เสีย!
แต่ก่อนที่คนของอาณาจักรบนจะได้เข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ เงาสีดำจำนวนมากก็เข้ามาขวางทันที “คิดจะเข้าไปยุ่ง พวกเจ้ายังไม่คู่ควร” เย่กูเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสพร้อมเหยียดยิ้มที่มุมปาก เขามองคนที่อยากจะวิ่งเข้าไปด้วยความดูถูก เย่ฉาและเย่เม่ยยืนอยู่ทางซ้ายและขวา ทั้งสามคนขวางทางคนของอาณาจักรบนเอาไว้
“พวกเจ้าเป็นใคร?” คนของอาณาจักรบนตะโกนเสียงดัง พวกเขาไม่ทันได้สังเกตว่าคนทั้งสามปรากฏตัวขึ้นเมื่อไร
“ใครงั้นหรือ?” เย่กูเลิกคิ้ว “ก็เป็นคนที่จะฆ่าพวกเจ้าไง จำไว้ให้ดีว่าพวกเราคือกองทัพราตรี พอลงนรกไปก็อย่าลืมบอกพญายมราชด้วยว่า พวกเรากองทัพราตรีคือคนที่ฆ่าพวกเจ้า!”
คำพูดของเย่กูทำให้พวกคนของอาณาจักรบนโกรธจนหน้าเขียว พวกเขาส่งเสียงคำรามและวิ่งเข้าใส่พวกเย่ฉา!
คนของเก้าอารามที่ยืนอยู่ด้านข้างมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า ในชั่วพริบตาทั้งห้องโถงก็กลายเป็นสนามรบที่ดุเดือด การต่อสู้รุนแรงมากจนไม่มีช่องว่างให้พวกเขาเข้าไปแทรก!
“ผู้อาวุโสซู ท่านว่า……พวกเราควรทำ……” ผู้อาวุโสของอารามหลีหุนที่กลัวจนสติไม่อยู่กับตัวมองไปที่ซูจิ่งเหยียนอย่างหวาดหวั่น ซูจิ่งเหยียนรอดชีวิตมาได้สองครั้งหลังจากพบกันจวินอู๋เสีย เหล่าผู้อาวุโสของเก้าอารามจึงพากันขอคำแนะนำจากซูจิ่งเหยียนโดยไม่รู้ตัว
ซูจิ่งเหยียนกระพริบตาและรวบรวมพลังวิญญาณทั่วทั้งร่างอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อต้านผลจากแรงปะทะ เขามองไม่เห็นการต่อสู้ระหว่างจวินอู๋เสียและหนานกงเล่ย แต่เขารู้อย่างชัดเจนอยู่เรื่องหนึ่ง
คำประกาศที่จะล้างเก้าอารามด้วยเลือดของจวินอู๋เสียจะเป็นไปตามนั้นในเร็วๆนี้
“อย่าเข้าไปยุ่ง” ซูจิ่งเหยียนพูดเสียงต่ำพร้อมกับก้าวถอยหลัง เหล่าผู้อาวุโสของเก้าอารามที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็พากันทำตาม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเลือกที่จะปฏิบัติตามการตัดสินใจของซูจิ่งเหยียนด้วยความตื่นตระหนก
อาณาจักรบนคือศัตรู ไม่ใช่มิตรของเก้าอาราม การเชื่อฟังก่อนหน้านี้ก็แค่ถูกบีบบังคับให้จำใจทำเท่านั้น
ตอนนี้จวินอู๋เสียได้เรียกแหวนวิญญาณออกมา การเคลื่อนไหวของนางจึงเร็วขึ้นกว่าเดิม นางเร็วมากจนพวกเขาตอบโต้ไม่ทัน ทำได้แค่เบิกตากว้างเพ่งมองหวังจะมองการเคลื่อนไหวของจวินอู๋เสียให้ออก!
แต่ทั้งห้องโถง ยกเว้นหนานกงเล่ยแล้ว ไม่มีใครมองตามจวินอู๋เสียทันเลยสักคน พวกหัวกะทิทั้งหลายของอาณาจักรบนยังทำไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าผู้อาวุโสของเก้าอารามเลย!
แสงสีแดงและแสงสีเขียวเข้มปะทะกันอยู่กลางห้องโถง เหล่าผู้อาวุโสของเก้าอารามพากันหวาดกลัวและตกตะลึงในการต่อสู้ระหว่างผู้ใช้แหวนวิญญาณ ไม่ต้องพูดถึงการก้าวออกไปเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆทั้งสองด้านของห้องโถงก็กระอักเลือดจากแรงปะทะที่กระจายออกมาแล้ว พลังกดดันที่รุนแรงทำให้แค่จะยืนก็ยังลำบาก
“แม่งเอ๊ย! จะให้นังนั่นทำสำเร็จไม่ได้! ไปกันเร็ว!” หนึ่งในคนของอาณาจักรบนตะโกนออกมา แม้ว่าพวกเขาจะยโสโอหัง แต่พวกเขาก็มองออกว่าแหวนวิญญาณของหนานกงเล่ยแข็งแกร่งสู้จวินอู๋เสียไม่ได้ ตอนนี้ทั้งสองยังสู้กันได้ แต่อีกไม่นานความต่างชั้นของแหวนวิญญาณจะพลิกสถานการณ์เป็นการเล่นงานฝ่ายเดียว เมื่อถึงจุดนี้พวกเขาก็ไม่สนอะไรอีกแล้ว และพากันวิ่งเข้าไปเพื่อจะใช้จำนวนเป็นข้อได้เปรียบและโค่นล้มจวินอู๋เสีย!
แต่ก่อนที่คนของอาณาจักรบนจะได้เข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ เงาสีดำจำนวนมากก็เข้ามาขวางทันที “คิดจะเข้าไปยุ่ง พวกเจ้ายังไม่คู่ควร” เย่กูเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสพร้อมเหยียดยิ้มที่มุมปาก เขามองคนที่อยากจะวิ่งเข้าไปด้วยความดูถูก เย่ฉาและเย่เม่ยยืนอยู่ทางซ้ายและขวา ทั้งสามคนขวางทางคนของอาณาจักรบนเอาไว้
“พวกเจ้าเป็นใคร?” คนของอาณาจักรบนตะโกนเสียงดัง พวกเขาไม่ทันได้สังเกตว่าคนทั้งสามปรากฏตัวขึ้นเมื่อไร
“ใครงั้นหรือ?” เย่กูเลิกคิ้ว “ก็เป็นคนที่จะฆ่าพวกเจ้าไง จำไว้ให้ดีว่าพวกเราคือกองทัพราตรี พอลงนรกไปก็อย่าลืมบอกพญายมราชด้วยว่า พวกเรากองทัพราตรีคือคนที่ฆ่าพวกเจ้า!”
คำพูดของเย่กูทำให้พวกคนของอาณาจักรบนโกรธจนหน้าเขียว พวกเขาส่งเสียงคำรามและวิ่งเข้าใส่พวกเย่ฉา!
คนของเก้าอารามที่ยืนอยู่ด้านข้างมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า ในชั่วพริบตาทั้งห้องโถงก็กลายเป็นสนามรบที่ดุเดือด การต่อสู้รุนแรงมากจนไม่มีช่องว่างให้พวกเขาเข้าไปแทรก!
“ผู้อาวุโสซู ท่านว่า……พวกเราควรทำ……” ผู้อาวุโสของอารามหลีหุนที่กลัวจนสติไม่อยู่กับตัวมองไปที่ซูจิ่งเหยียนอย่างหวาดหวั่น ซูจิ่งเหยียนรอดชีวิตมาได้สองครั้งหลังจากพบกันจวินอู๋เสีย เหล่าผู้อาวุโสของเก้าอารามจึงพากันขอคำแนะนำจากซูจิ่งเหยียนโดยไม่รู้ตัว
ซูจิ่งเหยียนกระพริบตาและรวบรวมพลังวิญญาณทั่วทั้งร่างอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อต้านผลจากแรงปะทะ เขามองไม่เห็นการต่อสู้ระหว่างจวินอู๋เสียและหนานกงเล่ย แต่เขารู้อย่างชัดเจนอยู่เรื่องหนึ่ง
คำประกาศที่จะล้างเก้าอารามด้วยเลือดของจวินอู๋เสียจะเป็นไปตามนั้นในเร็วๆนี้
“อย่าเข้าไปยุ่ง” ซูจิ่งเหยียนพูดเสียงต่ำพร้อมกับก้าวถอยหลัง เหล่าผู้อาวุโสของเก้าอารามที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็พากันทำตาม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเลือกที่จะปฏิบัติตามการตัดสินใจของซูจิ่งเหยียนด้วยความตื่นตระหนก
อาณาจักรบนคือศัตรู ไม่ใช่มิตรของเก้าอาราม การเชื่อฟังก่อนหน้านี้ก็แค่ถูกบีบบังคับให้จำใจทำเท่านั้น