ตอนนี้จวินอู๋เสียได้รับชัยชนะมากมายติดต่อกัน ยกเว้นว่าซูจิ่งเหยียนจะเป็นบ้าเท่านั้น เขาจะช่วยคนของอาณาจักรบนที่จับประมุขของพวกเขาเป็นตัวประกันไปทำไม?
ยิ่งกว่านั้น ด้วยความสามารถของพวกเขา ต่อให้อยากเข้าร่วมการต่อสู้ พวกเขาจะทำอะไรได้?
ความคิดเดียวกันนี้ผุดขึ้นในใจของผู้อาวุโสทุกคนของเก้าอาราม หัวใจของพวกเขาเต้นระรัว จากที่กลัวในตอนแรกกลายเป็นเอาใจช่วย ตอนนี้พวกเขากำลังแอบภาวนาให้จวินอู๋เสียชนะ และภาวนาให้จวินอู๋เสียช่วยประมุขของพวกเขาจากการควบคุมของอาณาจักรบนได้
กลิ่นคาวเลือดรุนแรงโชยอยู่ในห้องโถง ความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้มันเป็นการทรมานอีกรูปแบบหนึ่ง
การปะทะที่รุนแรงส่งเสียงดังก้องอย่างต่อเนื่อง พื้นหินอ่อนแข็งๆแตกกระจายจากแรงกระแทกที่รุนแรง เศษหินแตกๆถูกกระแสลมดึงดูดเข้าไป และเริ่มหมุนวนเหมือนพายุลูกเห็บก่อความวุ่นวายโกลาหลขึ้นในห้องโถง!
ทันใดนั้น เสียงร้องแสบแก้วหูก็ดังขึ้น แล้วทุกคนก็เห็นร่างเปื้อนเลือดลอยออกมาจากพายุ กระแทกเข้าที่ภาพจิตรกรรมบนผนังในห้องโถงอย่างแรง เลือดสีแดงสดได้เพิ่มความน่าสยดสยองลงบนภาพจิตรกรรมนั้น
หนานกงเล่ยล้มลงบนพื้น แขนขวาที่ใช้ควบคุมแหวนวิญญาณหักในระหว่างการต่อสู้ เลือดไหลออกจากบาดแผลลึกที่ไหล่และไหลลงสู่พื้น แหวนวิญญาณสีแดงลอยอยู่เหนือแขนที่หักของเขา มันชุ่มโชกไปด้วยเลือด รัศมีเดิมของมันถูกปกคลุมด้วยเลือด ทำให้ดูน่ากลัวมาก
ในเวลาแค่สิบนาที ผลลัพธ์ก็ถูกกำหนดออกมาแล้ว!
ร่างของจวินอู๋เสียปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้คนอีกครั้ง ชุดสีขาวของนางเปื้อนเลือด แต่ถ้ามองดูให้ดีจะเห็นว่าเลือดพวกนั้นไม่มีจุดไหนที่เป็นเลือดของนาง
ในเวลาเดียวกัน พวกเย่ฉาได้ฆ่าคนของอาณาจักรบนไปจำนวนมาก ศพที่แขนขาขาดกระจายอยู่ทั่วห้องโถง อารามที่เคยงดงามได้กลายเป็นสนามรบมรณะไปแล้ว ภาพในสายตาของทุกคนมีแต่เลือดและความตาย
หนานกงเล่ยพยายามข่มกลั้นความเจ็บปวดรุนแรง และกระอักเลือดออกมา ตอนนี้แค่จะยืนก็ยังทำได้ยากและต้องใช้ความพยายามอย่างมหาศาลกว่าจะยืนขึ้นได้ เข่าที่เอาแต่กระทบกันยิ่งทำให้เขาดูน่าสมเพช เขาจับแขนที่หักเอาไว้ เลือดหยดจากนิ้วของเขาอยู่เรื่อยๆ ความอุ่นเหนียวที่รู้สึกได้ภายใต้ฝ่ามือเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดรุนแรงทั่วร่างกายของเขา
หลังสู้กับจวินอู๋เสีย เขาก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาสองคนห่างชั้นกันเกินไป ไม่เพียงแต่แหวนวิญญาณที่ห่างชั้นกันเท่านั้น แต่ประสบการณ์ในการต่อสู้ของจวินอู๋เสียไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย ทุกการเคลื่อนไหวของนางพุ่งเป้าไปที่จุดตายของเขา การจู่โจมแต่ละครั้งอันตรายถึงชีวิต เขาต้องยอมสละแขนข้างหนึ่งเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ แต่กระนั้น ความมั่นใจในตัวเองของหนานกงเล่ยก็พังทลายไปแล้ว
ถ้าไม่ได้เจอกับตัวเองโดยตรง พวกเขาคงไม่มีวันเชื่อว่าเด็กสาวจากอาณาจักรกลางจะเอาชนะสิบยอดฝีมือของอาณาจักรบนในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้จริงๆ?!
“เจ้าเป็นคนอาณาจักรกลางจริงๆหรือ?” หนานกงเล่ยหอบอย่างหนัก หลังจากต่อสู้กับจวินอู๋เสีย เขาก็ยิ่งไม่เชื่อว่าจวินอู๋เสียมาจากอาณาจักรกลางจริงๆ ความแข็งแกร่งของนางนั้นน่ากลัวมาก แม้แต่ในอาณาจักรบนก็ยากที่จะหาคู่ต่อสู้ได้
จวินอู๋เสียเก็บแหวนวิญญาณของนางท่ามกลางสายตาจับจ้องของหนานกงเล่ย ดวงตาเย็นชาของนางกวาดมองหน้าเขา “ไม่ใช่”
หนานกงเล่ยถอนหายใจอย่างโล่งอกโดยไม่รู้ตัว
“ข้ามาจากอาณาจักรล่าง” คำพูดของจวินอู๋เสียราวกับเสียงฟ้าผ่า ความมีเหตุผลเสี้ยวสุดท้ายของหนานกงเล่ยพังพินาศทันที!
ยิ่งกว่านั้น ด้วยความสามารถของพวกเขา ต่อให้อยากเข้าร่วมการต่อสู้ พวกเขาจะทำอะไรได้?
ความคิดเดียวกันนี้ผุดขึ้นในใจของผู้อาวุโสทุกคนของเก้าอาราม หัวใจของพวกเขาเต้นระรัว จากที่กลัวในตอนแรกกลายเป็นเอาใจช่วย ตอนนี้พวกเขากำลังแอบภาวนาให้จวินอู๋เสียชนะ และภาวนาให้จวินอู๋เสียช่วยประมุขของพวกเขาจากการควบคุมของอาณาจักรบนได้
กลิ่นคาวเลือดรุนแรงโชยอยู่ในห้องโถง ความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้มันเป็นการทรมานอีกรูปแบบหนึ่ง
การปะทะที่รุนแรงส่งเสียงดังก้องอย่างต่อเนื่อง พื้นหินอ่อนแข็งๆแตกกระจายจากแรงกระแทกที่รุนแรง เศษหินแตกๆถูกกระแสลมดึงดูดเข้าไป และเริ่มหมุนวนเหมือนพายุลูกเห็บก่อความวุ่นวายโกลาหลขึ้นในห้องโถง!
ทันใดนั้น เสียงร้องแสบแก้วหูก็ดังขึ้น แล้วทุกคนก็เห็นร่างเปื้อนเลือดลอยออกมาจากพายุ กระแทกเข้าที่ภาพจิตรกรรมบนผนังในห้องโถงอย่างแรง เลือดสีแดงสดได้เพิ่มความน่าสยดสยองลงบนภาพจิตรกรรมนั้น
หนานกงเล่ยล้มลงบนพื้น แขนขวาที่ใช้ควบคุมแหวนวิญญาณหักในระหว่างการต่อสู้ เลือดไหลออกจากบาดแผลลึกที่ไหล่และไหลลงสู่พื้น แหวนวิญญาณสีแดงลอยอยู่เหนือแขนที่หักของเขา มันชุ่มโชกไปด้วยเลือด รัศมีเดิมของมันถูกปกคลุมด้วยเลือด ทำให้ดูน่ากลัวมาก
ในเวลาแค่สิบนาที ผลลัพธ์ก็ถูกกำหนดออกมาแล้ว!
ร่างของจวินอู๋เสียปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้คนอีกครั้ง ชุดสีขาวของนางเปื้อนเลือด แต่ถ้ามองดูให้ดีจะเห็นว่าเลือดพวกนั้นไม่มีจุดไหนที่เป็นเลือดของนาง
ในเวลาเดียวกัน พวกเย่ฉาได้ฆ่าคนของอาณาจักรบนไปจำนวนมาก ศพที่แขนขาขาดกระจายอยู่ทั่วห้องโถง อารามที่เคยงดงามได้กลายเป็นสนามรบมรณะไปแล้ว ภาพในสายตาของทุกคนมีแต่เลือดและความตาย
หนานกงเล่ยพยายามข่มกลั้นความเจ็บปวดรุนแรง และกระอักเลือดออกมา ตอนนี้แค่จะยืนก็ยังทำได้ยากและต้องใช้ความพยายามอย่างมหาศาลกว่าจะยืนขึ้นได้ เข่าที่เอาแต่กระทบกันยิ่งทำให้เขาดูน่าสมเพช เขาจับแขนที่หักเอาไว้ เลือดหยดจากนิ้วของเขาอยู่เรื่อยๆ ความอุ่นเหนียวที่รู้สึกได้ภายใต้ฝ่ามือเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดรุนแรงทั่วร่างกายของเขา
หลังสู้กับจวินอู๋เสีย เขาก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาสองคนห่างชั้นกันเกินไป ไม่เพียงแต่แหวนวิญญาณที่ห่างชั้นกันเท่านั้น แต่ประสบการณ์ในการต่อสู้ของจวินอู๋เสียไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย ทุกการเคลื่อนไหวของนางพุ่งเป้าไปที่จุดตายของเขา การจู่โจมแต่ละครั้งอันตรายถึงชีวิต เขาต้องยอมสละแขนข้างหนึ่งเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ แต่กระนั้น ความมั่นใจในตัวเองของหนานกงเล่ยก็พังทลายไปแล้ว
ถ้าไม่ได้เจอกับตัวเองโดยตรง พวกเขาคงไม่มีวันเชื่อว่าเด็กสาวจากอาณาจักรกลางจะเอาชนะสิบยอดฝีมือของอาณาจักรบนในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้จริงๆ?!
“เจ้าเป็นคนอาณาจักรกลางจริงๆหรือ?” หนานกงเล่ยหอบอย่างหนัก หลังจากต่อสู้กับจวินอู๋เสีย เขาก็ยิ่งไม่เชื่อว่าจวินอู๋เสียมาจากอาณาจักรกลางจริงๆ ความแข็งแกร่งของนางนั้นน่ากลัวมาก แม้แต่ในอาณาจักรบนก็ยากที่จะหาคู่ต่อสู้ได้
จวินอู๋เสียเก็บแหวนวิญญาณของนางท่ามกลางสายตาจับจ้องของหนานกงเล่ย ดวงตาเย็นชาของนางกวาดมองหน้าเขา “ไม่ใช่”
หนานกงเล่ยถอนหายใจอย่างโล่งอกโดยไม่รู้ตัว
“ข้ามาจากอาณาจักรล่าง” คำพูดของจวินอู๋เสียราวกับเสียงฟ้าผ่า ความมีเหตุผลเสี้ยวสุดท้ายของหนานกงเล่ยพังพินาศทันที!