แววตามั่นใจและมีชีวิตชีวาที่หนานกงเล่ยเคยมีได้หายไปหมดสิ้น ในเวลานี้หนานกงเล่ยเหมือนคนที่สูญเสียความมุ่งมั่นทะเยอทะยานไปจนหมดและกลายเป็นคนไร้ค่า
ซูจิ่งเหยียนต้องถอนหายใจให้กับความฉลาดของจวินอู๋เสีย ดูจากสภาพของหนานกงเล่ยในตอนนี้ เกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่สามารถรวบรวมความกล้าเผชิญหน้ากับจวินอู๋เสียในฐานะศัตรูได้อีกแล้ว ความกลัวที่นางนำมาให้เขาจะตามติดเขาไปตลอดชีวิต และมีความเป็นไปได้ที่ความกลัวนี้จะแพร่กระจายไปยังคนอื่นๆในอาณาจักรบน
นี่เป็นการเดินหมากอีกตาหนึ่งของจวินอู๋เสียใช่หรือไม่?
ซูจิ่งเหยียนเองก็ไม่แน่ใจ
ที่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ ศพกระจายเกลื่อนไปทั่วทุกหนแห่ง เลือดที่นองอยู่ก็ยังไม่ทันแข็งตัวดี จวินอู๋เสียก้าวออกจากห้องโถงแต่ไม่ได้จากไปเลยทันที นางเดินไปที่ด้านข้างห้องโถงและก้าวเข้าไปในห้องที่อยู่ติดกับห้องโถง ไป๋สวี่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องโถงอย่างชัดเจนผ่านรูเล็กๆ
เมื่อไป๋สวี่เห็นจวินอู๋เสียเดินเข้ามา เขาก็ถอนหายใจ
หลังจากเห็นจวินอู๋เสียก้าวเข้ามา ไม่ต้องพูดเลยว่าพวกเฉียวฉู่ที่อยู่ในห้องเดียวกันนั้นมีสีหน้าสดใสเพียงใด การต่อสู้คราวก่อนที่นางฆ่าชิวอวิ๋น พวกเขาถูกประตูเมืองกั้นขวางเอาไว้ทำให้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเมือง ตอนที่พวกเขาทำลายประตูเมืองและบุกเข้าไปได้ การต่อสู้ในเมืองก็จบลงแล้ว สิ่งที่พวกเขาเห็นมีเพียงศพเกลื่อนพื้นและเลือดไหลนองราวสายน้ำ
แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านรูเล็กๆนั้น และได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจวินอู๋เสีย พวกเขาก็ตระหนักว่าการเติบโตของนางเกินความคาดหมายของพวกเขาไปไกล แข็งแกร่ง!
นอกจากคำนี้ พวกเขาก็คิดคำอื่นมาบรรยายถึงจวินอู๋เสียในตอนนี้ไม่ออกแล้ว
“เสี่ยวเสีย……เจ้า……เก่งมากจริงๆ” เฉียวฉู่มองจวินอู๋เสียด้วยดวงตาเป็นประกายราวกับได้เห็นจวินอู๋เหยาอีกคน พลังของจวินอู๋เหยาทำให้เฉียวฉู่เคารพบูชา และจากมุมมองของเฉียวฉู่ พลังของจวินอู๋เสียในตอนนี้ก็ร้ายกาจจนทำให้นึกถึงปีศาจแล้ว
สีหน้าของจวินอู๋เสียแข็งทื่อไปชั่วครู่ นางไม่รู้จะตอบสนองอย่างไรกับคำชมเชยจากเพื่อนๆ
นางฝึกฝนมาหลายปีเพื่ออะไร นางรู้ดีอยู่แก่ใจ และไม่ได้รู้สึกว่าความแข็งแกร่งในตอนนี้จะมีอะไรให้น่าภูมิใจ มันจำเป็นต้องทำก็เท่านั้น
ความเงียบของนางทำให้รอยยิ้มของพวกเฟยเหยียนจางหายไป พวกเขาทำงานหนักตลอดห้าปีที่ผ่านมาเพื่ออะไร? ในช่วงห้าปีนี้ จวินอู๋เสียต้องจ่ายไปเท่าไรจึงจะได้รับพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้? พวกเขาไม่กล้าคิดเลย ห้าปีที่ผ่านมา เหตุผลที่ผลักดันในจวินอู๋เสียแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆนั้น……พอคิดถึงเรื่องนี้หัวใจของพวกเขาก็เจ็บปวด……
พวกเขาควรรู้สึกภูมิใจหรือ?
บางทีพวกเขาคงภูมิใจกับการเติบโตของเสี่ยวเสียจริงๆ แต่พวกเขาก็รู้สึกปวดใจด้วย
ถ้านางปลอดภัยไร้กังวล ทำไมนางต้องผลักดันตัวเองถึงขนาดนี้? ยิ่งนางแข็งแกร่งขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการยืนยันถึงความกดดันที่นางต้องแบกรับด้วยตัวเองมาตลอดห้าปี
“ผู้อาวุโสไป๋สวี่ ท่านตัดสินใจหรือยัง?” จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับสายตาซับซ้อนของเพื่อนๆนางอย่างไรดี จึงได้แต่หันความสนใจไปที่ไป๋สวี่เพื่อถามความตั้งใจของเขาหลังจากที่ได้เห็นทุกอย่างแล้ว
เหตุผลที่นางต้องการจัดการกับหนานกงเล่ยตามลำพังก็เพื่อจะให้ไป๋สวี่เห็นว่าพลังของนางในตอนนี้แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับอาณาจักรบน มีเพียงวิธีนี้ที่จะทำให้ไป๋สวี่มั่นใจที่จะมอบกระดูกวิญญาณให้นาง
ไป๋สวี่มองจวินอู๋เสียราวกับจะหาร่องรอยของผู้เยาว์จากในอดีต แต่ก็ไม่พบอะไร เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “การเติบโตของเจ้าทำให้ข้าตกใจมาก ข้าสัญญาว่าข้าจะมอบกระดูกวิญญาณให้เจ้า แต่……เจ้าต้องสัญญากับข้าอย่างหนึ่ง”
ซูจิ่งเหยียนต้องถอนหายใจให้กับความฉลาดของจวินอู๋เสีย ดูจากสภาพของหนานกงเล่ยในตอนนี้ เกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่สามารถรวบรวมความกล้าเผชิญหน้ากับจวินอู๋เสียในฐานะศัตรูได้อีกแล้ว ความกลัวที่นางนำมาให้เขาจะตามติดเขาไปตลอดชีวิต และมีความเป็นไปได้ที่ความกลัวนี้จะแพร่กระจายไปยังคนอื่นๆในอาณาจักรบน
นี่เป็นการเดินหมากอีกตาหนึ่งของจวินอู๋เสียใช่หรือไม่?
ซูจิ่งเหยียนเองก็ไม่แน่ใจ
ที่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ ศพกระจายเกลื่อนไปทั่วทุกหนแห่ง เลือดที่นองอยู่ก็ยังไม่ทันแข็งตัวดี จวินอู๋เสียก้าวออกจากห้องโถงแต่ไม่ได้จากไปเลยทันที นางเดินไปที่ด้านข้างห้องโถงและก้าวเข้าไปในห้องที่อยู่ติดกับห้องโถง ไป๋สวี่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องโถงอย่างชัดเจนผ่านรูเล็กๆ
เมื่อไป๋สวี่เห็นจวินอู๋เสียเดินเข้ามา เขาก็ถอนหายใจ
หลังจากเห็นจวินอู๋เสียก้าวเข้ามา ไม่ต้องพูดเลยว่าพวกเฉียวฉู่ที่อยู่ในห้องเดียวกันนั้นมีสีหน้าสดใสเพียงใด การต่อสู้คราวก่อนที่นางฆ่าชิวอวิ๋น พวกเขาถูกประตูเมืองกั้นขวางเอาไว้ทำให้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเมือง ตอนที่พวกเขาทำลายประตูเมืองและบุกเข้าไปได้ การต่อสู้ในเมืองก็จบลงแล้ว สิ่งที่พวกเขาเห็นมีเพียงศพเกลื่อนพื้นและเลือดไหลนองราวสายน้ำ
แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านรูเล็กๆนั้น และได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจวินอู๋เสีย พวกเขาก็ตระหนักว่าการเติบโตของนางเกินความคาดหมายของพวกเขาไปไกล แข็งแกร่ง!
นอกจากคำนี้ พวกเขาก็คิดคำอื่นมาบรรยายถึงจวินอู๋เสียในตอนนี้ไม่ออกแล้ว
“เสี่ยวเสีย……เจ้า……เก่งมากจริงๆ” เฉียวฉู่มองจวินอู๋เสียด้วยดวงตาเป็นประกายราวกับได้เห็นจวินอู๋เหยาอีกคน พลังของจวินอู๋เหยาทำให้เฉียวฉู่เคารพบูชา และจากมุมมองของเฉียวฉู่ พลังของจวินอู๋เสียในตอนนี้ก็ร้ายกาจจนทำให้นึกถึงปีศาจแล้ว
สีหน้าของจวินอู๋เสียแข็งทื่อไปชั่วครู่ นางไม่รู้จะตอบสนองอย่างไรกับคำชมเชยจากเพื่อนๆ
นางฝึกฝนมาหลายปีเพื่ออะไร นางรู้ดีอยู่แก่ใจ และไม่ได้รู้สึกว่าความแข็งแกร่งในตอนนี้จะมีอะไรให้น่าภูมิใจ มันจำเป็นต้องทำก็เท่านั้น
ความเงียบของนางทำให้รอยยิ้มของพวกเฟยเหยียนจางหายไป พวกเขาทำงานหนักตลอดห้าปีที่ผ่านมาเพื่ออะไร? ในช่วงห้าปีนี้ จวินอู๋เสียต้องจ่ายไปเท่าไรจึงจะได้รับพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้? พวกเขาไม่กล้าคิดเลย ห้าปีที่ผ่านมา เหตุผลที่ผลักดันในจวินอู๋เสียแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆนั้น……พอคิดถึงเรื่องนี้หัวใจของพวกเขาก็เจ็บปวด……
พวกเขาควรรู้สึกภูมิใจหรือ?
บางทีพวกเขาคงภูมิใจกับการเติบโตของเสี่ยวเสียจริงๆ แต่พวกเขาก็รู้สึกปวดใจด้วย
ถ้านางปลอดภัยไร้กังวล ทำไมนางต้องผลักดันตัวเองถึงขนาดนี้? ยิ่งนางแข็งแกร่งขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการยืนยันถึงความกดดันที่นางต้องแบกรับด้วยตัวเองมาตลอดห้าปี
“ผู้อาวุโสไป๋สวี่ ท่านตัดสินใจหรือยัง?” จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับสายตาซับซ้อนของเพื่อนๆนางอย่างไรดี จึงได้แต่หันความสนใจไปที่ไป๋สวี่เพื่อถามความตั้งใจของเขาหลังจากที่ได้เห็นทุกอย่างแล้ว
เหตุผลที่นางต้องการจัดการกับหนานกงเล่ยตามลำพังก็เพื่อจะให้ไป๋สวี่เห็นว่าพลังของนางในตอนนี้แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับอาณาจักรบน มีเพียงวิธีนี้ที่จะทำให้ไป๋สวี่มั่นใจที่จะมอบกระดูกวิญญาณให้นาง
ไป๋สวี่มองจวินอู๋เสียราวกับจะหาร่องรอยของผู้เยาว์จากในอดีต แต่ก็ไม่พบอะไร เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “การเติบโตของเจ้าทำให้ข้าตกใจมาก ข้าสัญญาว่าข้าจะมอบกระดูกวิญญาณให้เจ้า แต่……เจ้าต้องสัญญากับข้าอย่างหนึ่ง”