จวินอู๋เสียหรี่ตามองรูปสลักก้อนเมฆที่ถูกทำลายด้วยมือตัวเอง ความรู้สึกในแววตาหมุนเวียนไปอย่างเงียบๆ
เมื่อฝุ่นจางหาย รูปสลักก้อนเมฆก็กลายเป็นเศษหินกองหนึ่ง
แต่ในเวลานี้ ความสนใจของทุกคนอยู่ที่กระดูกชิ้นเล็กๆที่ลอยอยู่กลางอากาศ!
ดวงตาของจวินอู๋เสียเบิกกว้าง นางมองไปที่กระดูกซึ่งปกคลุมด้วยรัศมีแสง แล้วหันไปมองไป๋สวี่อย่างไม่รู้ตัว
“เหรินหวงไม่เคยเอากระดูกวิญญาณออกจากสำนักธาราเมฆ อันที่เขาเอาติดตัวไปด้วยนั้นเป็นของปลอมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคนจากอาณาจักรบน” ไป๋สวี่มองกระดูกวิญญาณของจริงแล้วถอนหายใจยาว
เหรินหวงไม่เคยมั่นใจว่าจะสามารถหลบหนีการตามล่าของอาณาจักรบนได้ เขาจึงวางแผนเผื่อเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ตั้งแต่ต้น และซ่อนกระดูกวิญญาณของจริงเอาไว้ เขาไม่กล้าพกมันติดตัวไปด้วย เพราะกลัวว่าจะมีสักวันที่เขาตกอยู่ในมือของอาณาจักรบน เขาเริ่มวางแผนและแกะสลักรูปสลักนั้น แล้วซ่อนกระดูกวิญญาณของจริงเอาไว้ข้างใน คงไม่มีใครคิดว่าเขาจะกล้านำของสำคัญเช่นนี้ไปไว้ในสถานที่ที่ใครๆก็สามารถเข้าถึงได้!
ไป๋สวี่เป็นคนเดียวที่รู้ว่ากระดูกวิญญาณของจริงอยู่ที่ไหน แม้แต่ซูหย่าและเทียนเจ๋อก็ไม่รู้ความลับนี้
“นั่นคือกระดูกวิญญาณที่เจ้าต้องการ เอามันไปทำให้แผนของเจ้าสำเร็จซะ” ไป๋สวี่มองไปที่จวินอู๋เสียอยู่ครู่หนึ่ง กลอุบายที่กล้าหาญของเหรินหวงทำให้กระดูกวิญญาณไม่ถูกค้นพบในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เรื่องจะเลวร้ายที่สุดหากอาณาจักรบนเข้าควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในอาณาจักรกลางจริงๆ ถ้าควบคุมอาณาจักรกลางได้อย่างสมบูรณ์แล้วแต่ยังไม่พบกระดูกวิญญาณ พวกเขาจะต้องกลับมาที่สำนักธาราเมฆอีกครั้งแน่นอน ถึงตอนนั้นพวกเขาคงหากระดูกวิญญาณเจอจริงๆ
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ไป๋สวี่กล้ามอบกระดูกวิญญาณให้จวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียถีบปลายเท้าทะยานขึ้นไปในอากาศและคว้าจับกระดูกวิญญาณเอาไว้ในมือ
กระดูกวิญญาณเรียวยาวและเย็นเมื่อสัมผัส หลังจากที่มองดูใกล้ๆ จวินอู๋เสียก็สังเกตเห็นว่าเจ้าสิ่งที่เรียกว่ากระดูกวิญญาณนี้ จริงๆแล้วมันคือกระดูกนิ้วของมนุษย์ จากมุมมองทางการแพทย์ของนาง กระดูกนิ้วนี้น่าจะเป็นของผู้ชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
เพียงแต่นางไม่สามารถระบุอายุของกระดูกนิ้วนี้ได้ นางสังเกตเห็นว่ามีรอยขีดข่วนเล็กๆอยู่เต็ม แม้ว่ามันจะถูกเก็บไว้อย่างดี แต่ก็ยังหลีกหนีการเสื่อมไปตามกาลเวลาไม่ได้
“ขอบคุณผู้อาวุโสไป๋สวี่” จวินอู๋เสียห่อกระดูกวิญญาณด้วยผ้าเช็ดหน้าของนางอย่างระมัดระวัง และเก็บมันไว้ในกระเป๋ามิติของนาง
ตอนนี้กระดูกวิญญาณอยู่ในมือนางแล้ว นี่หมายความว่าเหยื่อที่นางใช้โยนล่ออาณาจักรบนก็สมบูรณ์แล้ว
ไป๋สวี่ส่ายหน้า
“เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า ที่ข้าทำก็แค่บอกเจ้าว่าของดูต่างหน้าของอาจารย์ปู่เจ้าอยู่ที่ไหน ตอนนี้มันอยู่ในมือเจ้าแล้ว เจ้าอยากใช้มันยังไงในอนาคตก็ขึ้นอยู่กับเจ้า จวินอู๋เสีย ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ปล่อยให้เลือดของเหรินหวงไหลไปอย่างเปล่าประโยชน์ จงกวาดล้างอาณาจักรบน แก้แค้นให้อาจารย์ปู่เจ้า!” สายตาของไป๋สวี่พลันเปลี่ยนเป็นคมกริบราวกับดาบ!
การตายของเพื่อนรักกระตุ้นความโกรธของผู้อาวุโสที่อ่อนโยนคนนี้ได้สำเร็จ เขาเกลียดตัวเองที่เก่งแค่ทักษะทางการแพทย์อย่างเดียวเท่านั้น เขาต่อสู้ไม่เป็น จึงไม่สามารถใช้ชีวิตของตัวเองไปสู้กับอาณาจักรบนได้!
“นี่เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว” จวินอู๋เสียหรี่ตา ดวงตาทอประกายน่ากลัว นางเงยหน้าขึ้นและเห็นเพื่อนๆของนางยืนอยู่ด้านหลังไป๋สวี่ด้วยสายตาเร่าร้อน ไม่ว่าพายุแบบไหนจะรอนางอยู่ นางได้ก้าวออกไปแล้วและไม่มีทางให้ถอยกลับได้อีก ทำได้เพียงก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ!
หลังจากได้กระดูกวิญญาณมาแล้ว ในตอนที่พวกเขาออกจากสำนักธาราเมฆ จวินอู๋เสียก็ทำการจุดไฟเผาสำนักธาราเมฆ ทุกอย่างที่เหรินหวงเหลือทิ้งไว้ไม่ควรให้คนของอาณาจักรบนมาทำให้แปดเปื้อน
นางยืนอยู่หน้าทะเลเพลิง และสาบานว่าวันหนึ่งนางจะสร้างสำนักธาราเมฆขึ้นใหม่อีกครั้ง!
เมื่อฝุ่นจางหาย รูปสลักก้อนเมฆก็กลายเป็นเศษหินกองหนึ่ง
แต่ในเวลานี้ ความสนใจของทุกคนอยู่ที่กระดูกชิ้นเล็กๆที่ลอยอยู่กลางอากาศ!
ดวงตาของจวินอู๋เสียเบิกกว้าง นางมองไปที่กระดูกซึ่งปกคลุมด้วยรัศมีแสง แล้วหันไปมองไป๋สวี่อย่างไม่รู้ตัว
“เหรินหวงไม่เคยเอากระดูกวิญญาณออกจากสำนักธาราเมฆ อันที่เขาเอาติดตัวไปด้วยนั้นเป็นของปลอมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคนจากอาณาจักรบน” ไป๋สวี่มองกระดูกวิญญาณของจริงแล้วถอนหายใจยาว
เหรินหวงไม่เคยมั่นใจว่าจะสามารถหลบหนีการตามล่าของอาณาจักรบนได้ เขาจึงวางแผนเผื่อเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ตั้งแต่ต้น และซ่อนกระดูกวิญญาณของจริงเอาไว้ เขาไม่กล้าพกมันติดตัวไปด้วย เพราะกลัวว่าจะมีสักวันที่เขาตกอยู่ในมือของอาณาจักรบน เขาเริ่มวางแผนและแกะสลักรูปสลักนั้น แล้วซ่อนกระดูกวิญญาณของจริงเอาไว้ข้างใน คงไม่มีใครคิดว่าเขาจะกล้านำของสำคัญเช่นนี้ไปไว้ในสถานที่ที่ใครๆก็สามารถเข้าถึงได้!
ไป๋สวี่เป็นคนเดียวที่รู้ว่ากระดูกวิญญาณของจริงอยู่ที่ไหน แม้แต่ซูหย่าและเทียนเจ๋อก็ไม่รู้ความลับนี้
“นั่นคือกระดูกวิญญาณที่เจ้าต้องการ เอามันไปทำให้แผนของเจ้าสำเร็จซะ” ไป๋สวี่มองไปที่จวินอู๋เสียอยู่ครู่หนึ่ง กลอุบายที่กล้าหาญของเหรินหวงทำให้กระดูกวิญญาณไม่ถูกค้นพบในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เรื่องจะเลวร้ายที่สุดหากอาณาจักรบนเข้าควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในอาณาจักรกลางจริงๆ ถ้าควบคุมอาณาจักรกลางได้อย่างสมบูรณ์แล้วแต่ยังไม่พบกระดูกวิญญาณ พวกเขาจะต้องกลับมาที่สำนักธาราเมฆอีกครั้งแน่นอน ถึงตอนนั้นพวกเขาคงหากระดูกวิญญาณเจอจริงๆ
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ไป๋สวี่กล้ามอบกระดูกวิญญาณให้จวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียถีบปลายเท้าทะยานขึ้นไปในอากาศและคว้าจับกระดูกวิญญาณเอาไว้ในมือ
กระดูกวิญญาณเรียวยาวและเย็นเมื่อสัมผัส หลังจากที่มองดูใกล้ๆ จวินอู๋เสียก็สังเกตเห็นว่าเจ้าสิ่งที่เรียกว่ากระดูกวิญญาณนี้ จริงๆแล้วมันคือกระดูกนิ้วของมนุษย์ จากมุมมองทางการแพทย์ของนาง กระดูกนิ้วนี้น่าจะเป็นของผู้ชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
เพียงแต่นางไม่สามารถระบุอายุของกระดูกนิ้วนี้ได้ นางสังเกตเห็นว่ามีรอยขีดข่วนเล็กๆอยู่เต็ม แม้ว่ามันจะถูกเก็บไว้อย่างดี แต่ก็ยังหลีกหนีการเสื่อมไปตามกาลเวลาไม่ได้
“ขอบคุณผู้อาวุโสไป๋สวี่” จวินอู๋เสียห่อกระดูกวิญญาณด้วยผ้าเช็ดหน้าของนางอย่างระมัดระวัง และเก็บมันไว้ในกระเป๋ามิติของนาง
ตอนนี้กระดูกวิญญาณอยู่ในมือนางแล้ว นี่หมายความว่าเหยื่อที่นางใช้โยนล่ออาณาจักรบนก็สมบูรณ์แล้ว
ไป๋สวี่ส่ายหน้า
“เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า ที่ข้าทำก็แค่บอกเจ้าว่าของดูต่างหน้าของอาจารย์ปู่เจ้าอยู่ที่ไหน ตอนนี้มันอยู่ในมือเจ้าแล้ว เจ้าอยากใช้มันยังไงในอนาคตก็ขึ้นอยู่กับเจ้า จวินอู๋เสีย ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ปล่อยให้เลือดของเหรินหวงไหลไปอย่างเปล่าประโยชน์ จงกวาดล้างอาณาจักรบน แก้แค้นให้อาจารย์ปู่เจ้า!” สายตาของไป๋สวี่พลันเปลี่ยนเป็นคมกริบราวกับดาบ!
การตายของเพื่อนรักกระตุ้นความโกรธของผู้อาวุโสที่อ่อนโยนคนนี้ได้สำเร็จ เขาเกลียดตัวเองที่เก่งแค่ทักษะทางการแพทย์อย่างเดียวเท่านั้น เขาต่อสู้ไม่เป็น จึงไม่สามารถใช้ชีวิตของตัวเองไปสู้กับอาณาจักรบนได้!
“นี่เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว” จวินอู๋เสียหรี่ตา ดวงตาทอประกายน่ากลัว นางเงยหน้าขึ้นและเห็นเพื่อนๆของนางยืนอยู่ด้านหลังไป๋สวี่ด้วยสายตาเร่าร้อน ไม่ว่าพายุแบบไหนจะรอนางอยู่ นางได้ก้าวออกไปแล้วและไม่มีทางให้ถอยกลับได้อีก ทำได้เพียงก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ!
หลังจากได้กระดูกวิญญาณมาแล้ว ในตอนที่พวกเขาออกจากสำนักธาราเมฆ จวินอู๋เสียก็ทำการจุดไฟเผาสำนักธาราเมฆ ทุกอย่างที่เหรินหวงเหลือทิ้งไว้ไม่ควรให้คนของอาณาจักรบนมาทำให้แปดเปื้อน
นางยืนอยู่หน้าทะเลเพลิง และสาบานว่าวันหนึ่งนางจะสร้างสำนักธาราเมฆขึ้นใหม่อีกครั้ง!