สีหน้าของซือถูเหิงไม่ได้ดีขึ้นเลยหลังจากได้ยินคำพูดของจวินอู๋เสีย
“อาณาจักรล่าง! ทำไมต้องไปที่อาณาจักรล่าง! จวินอู๋เสีย เจ้าผัดวันประกันพรุ่งมาห้าปีแล้ว เจ้าต้องการอะไรกันแน่?” น้ำเสียงของซือถูเหิงค่อนข้างไม่พอใจ
พวกเฉียวฉู่ที่อยู่ด้านข้างมองอย่างโง่งม ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เจอหลงจิ่วที่เปิดเผยตรงไปตรงมา และได้เจอฉินเกอที่เหมือนเสือหน้ายิ้ม แล้วจู่ๆก็เจอกับซือถูเหิงที่เป็นพวกหัวแข็ง พวกเขาจึงทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ แต่สีหน้าของเย่กูนั้นน่าเกลียดอย่างที่สุด ดูราวกับอยากจะชกหน้าซือถูเหิงเต็มทนแล้ว
“ซือถู เจ้าอยู่นี่เอง” ทันใดนั้น เสียงอารมณ์ดีก็ดังเข้าหูของทุกคน บรรยากาศตึงเครียดพลันสลายไป
ฉินเกอก้าวเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โดยมีหลงจิ่วผู้กำยำเดินตามหลัง “ฉินเกอ? เจ้าตามหาข้าทำไม?” เมื่อซือถูเหิงเห็นฉินเกอ สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ยังคงบึ้งตึงอยู่
“ข้าจะบอกเจ้าว่า เมื่อวานนี้คุณหนูได้แจ้งกับข้าเรื่องที่จะไปอาณาจักรล่างแล้ว ข้าปรึกษากับหลงจิ่วแล้วและรู้สึกว่าไม่เป็นไร พวกเราเลยตกลง” ฉินเกอตอบด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของซือถูเหิงตึงเครียดทันที “ตกลง? เรื่องแบบนี้ พวกเจ้าตกลงง่ายๆได้ยังไง? ทำไมไม่ปรึกษาข้าก่อน!”
ฉินเกอตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาและพูดว่า “เจ้าเก็บตัวในช่วงที่ผ่านมาไม่ใช่หรือ? หลงจิ่วกับข้าไม่อยากรบกวนเจ้า พวกเราสองคนเลยตัดสินใจกันเอง ต้นไม้วิญญาณก็พูดแล้วนี่ว่า หลังจากออกมาแล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรที่ตกลงกันไม่ได้ ก็ให้พวกเราสามคนลงคะแนนเสียงกัน ในเมื่อข้ากับหลงจิ่วตกลงแล้ว งั้นเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้” คำพูดของฉินเกอนุ่มนวลแต่หนักแน่น ใบหน้าของซือถูเหิงเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ
“ฉินเกอ พวกเจ้ามันหาเรื่องวุ่นวายจริงๆ! ข้าไม่สนแล้ว!” ซือถูเหิงสะบัดเสื้อจากไปด้วยความโกรธ
พวกเฉียวฉู่มองซือถูเหิงเดินฟึดฟัดจากไป คำพูดของฉินเกอเมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการช่วยจวินอู๋เสีย แต่……ฉินเกอกับซือถูเหิงเป็นพวกเดียวกันไม่ใช่หรือ?
“ทำให้ทุกท่านต้องเห็นเรื่องน่าอายซะแล้ว” ฉินเกอกล่าวพร้อมประสานมือทักทาย
จวินอู๋เสียส่ายหน้าเล็กน้อย นางชินกับพฤติกรรมของซือถูเหิงแล้ว
“เรื่องที่จะไปอาณาจักรล่าง ข้ากับเหล่าจิ่วตกลงกันแล้ว ดังนั้นเจ้าก็ดำเนินการตามที่เสนอมาได้เลย” ฉินเกอกล่าวพร้อมกับมองจวินอู๋เสีย
“ได้” จวินอู๋เสียพยักหน้า ในบรรดาสามคนจากดินแดนแห่งวิญญาณ ฉินเกอเป็นคนเดียวที่คุยง่ายที่สุด หลงจิ่วขี้เกียจเกินกว่าจะใช้สมอง และซือถูเหิงก็ขัดจวินอู๋เสียไปซะทุกอย่าง มีเพียงฉินเกอที่ฉลาดและทำสิ่งที่สมเหตุสมผล
“จะว่าไป……ครั้งก่อนที่ไปอาณาจักรล่าง ยังไม่ได้เที่ยวดีๆเลย ไปคราวนี้พวกเราไปเที่ยวให้ทั่วเลยดีไหม?” หลงจิ่วที่ตามฉินเกอมาลูบคาง พวกเขาตามจวินอู๋เหยาไปที่อาณาจักรล่างเพื่อตามหาเมล็ดต้นวิญญาณ แต่น่าเสียดายที่จวินอู๋เหยาเจ้าเล่ห์มาก พอพวกเขาเข้าไปใกล้ เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลายปีที่อยู่ในอาณาจักรล่างก็เอาแต่ไล่ตามจวินอู๋เหยา พวกเขาไล่ตามทั้งวันทั้งคืนไม่ได้พัก จะเอาอารมณ์ที่ไหนไปชื่นชมทิวทัศน์ของอาณาจักรล่าง?
“ไม่ต้องห่วง รับรองเลยว่าไปอาณาจักรล่างคราวนี้ เจ้าอยากดูอะไร ข้าจะพาเจ้าไปดูทุกอย่างเลย!” เฉียวฉู่และหลงจิ่วเป็นเหมือนตะเภาเดียวกัน เมื่อได้ยินหลงจิ่วพูด เขาก็ก้าวออกมาตบหน้าอกอาสาทันที
“เด็กดี! ข้าหวังพึ่งเจ้าแล้ว!” หลงจิ่วตบบ่าเฉียวฉู่อย่างพอใจ
“อาณาจักรล่าง! ทำไมต้องไปที่อาณาจักรล่าง! จวินอู๋เสีย เจ้าผัดวันประกันพรุ่งมาห้าปีแล้ว เจ้าต้องการอะไรกันแน่?” น้ำเสียงของซือถูเหิงค่อนข้างไม่พอใจ
พวกเฉียวฉู่ที่อยู่ด้านข้างมองอย่างโง่งม ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เจอหลงจิ่วที่เปิดเผยตรงไปตรงมา และได้เจอฉินเกอที่เหมือนเสือหน้ายิ้ม แล้วจู่ๆก็เจอกับซือถูเหิงที่เป็นพวกหัวแข็ง พวกเขาจึงทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ แต่สีหน้าของเย่กูนั้นน่าเกลียดอย่างที่สุด ดูราวกับอยากจะชกหน้าซือถูเหิงเต็มทนแล้ว
“ซือถู เจ้าอยู่นี่เอง” ทันใดนั้น เสียงอารมณ์ดีก็ดังเข้าหูของทุกคน บรรยากาศตึงเครียดพลันสลายไป
ฉินเกอก้าวเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โดยมีหลงจิ่วผู้กำยำเดินตามหลัง “ฉินเกอ? เจ้าตามหาข้าทำไม?” เมื่อซือถูเหิงเห็นฉินเกอ สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ยังคงบึ้งตึงอยู่
“ข้าจะบอกเจ้าว่า เมื่อวานนี้คุณหนูได้แจ้งกับข้าเรื่องที่จะไปอาณาจักรล่างแล้ว ข้าปรึกษากับหลงจิ่วแล้วและรู้สึกว่าไม่เป็นไร พวกเราเลยตกลง” ฉินเกอตอบด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของซือถูเหิงตึงเครียดทันที “ตกลง? เรื่องแบบนี้ พวกเจ้าตกลงง่ายๆได้ยังไง? ทำไมไม่ปรึกษาข้าก่อน!”
ฉินเกอตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาและพูดว่า “เจ้าเก็บตัวในช่วงที่ผ่านมาไม่ใช่หรือ? หลงจิ่วกับข้าไม่อยากรบกวนเจ้า พวกเราสองคนเลยตัดสินใจกันเอง ต้นไม้วิญญาณก็พูดแล้วนี่ว่า หลังจากออกมาแล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรที่ตกลงกันไม่ได้ ก็ให้พวกเราสามคนลงคะแนนเสียงกัน ในเมื่อข้ากับหลงจิ่วตกลงแล้ว งั้นเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้” คำพูดของฉินเกอนุ่มนวลแต่หนักแน่น ใบหน้าของซือถูเหิงเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ
“ฉินเกอ พวกเจ้ามันหาเรื่องวุ่นวายจริงๆ! ข้าไม่สนแล้ว!” ซือถูเหิงสะบัดเสื้อจากไปด้วยความโกรธ
พวกเฉียวฉู่มองซือถูเหิงเดินฟึดฟัดจากไป คำพูดของฉินเกอเมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการช่วยจวินอู๋เสีย แต่……ฉินเกอกับซือถูเหิงเป็นพวกเดียวกันไม่ใช่หรือ?
“ทำให้ทุกท่านต้องเห็นเรื่องน่าอายซะแล้ว” ฉินเกอกล่าวพร้อมประสานมือทักทาย
จวินอู๋เสียส่ายหน้าเล็กน้อย นางชินกับพฤติกรรมของซือถูเหิงแล้ว
“เรื่องที่จะไปอาณาจักรล่าง ข้ากับเหล่าจิ่วตกลงกันแล้ว ดังนั้นเจ้าก็ดำเนินการตามที่เสนอมาได้เลย” ฉินเกอกล่าวพร้อมกับมองจวินอู๋เสีย
“ได้” จวินอู๋เสียพยักหน้า ในบรรดาสามคนจากดินแดนแห่งวิญญาณ ฉินเกอเป็นคนเดียวที่คุยง่ายที่สุด หลงจิ่วขี้เกียจเกินกว่าจะใช้สมอง และซือถูเหิงก็ขัดจวินอู๋เสียไปซะทุกอย่าง มีเพียงฉินเกอที่ฉลาดและทำสิ่งที่สมเหตุสมผล
“จะว่าไป……ครั้งก่อนที่ไปอาณาจักรล่าง ยังไม่ได้เที่ยวดีๆเลย ไปคราวนี้พวกเราไปเที่ยวให้ทั่วเลยดีไหม?” หลงจิ่วที่ตามฉินเกอมาลูบคาง พวกเขาตามจวินอู๋เหยาไปที่อาณาจักรล่างเพื่อตามหาเมล็ดต้นวิญญาณ แต่น่าเสียดายที่จวินอู๋เหยาเจ้าเล่ห์มาก พอพวกเขาเข้าไปใกล้ เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลายปีที่อยู่ในอาณาจักรล่างก็เอาแต่ไล่ตามจวินอู๋เหยา พวกเขาไล่ตามทั้งวันทั้งคืนไม่ได้พัก จะเอาอารมณ์ที่ไหนไปชื่นชมทิวทัศน์ของอาณาจักรล่าง?
“ไม่ต้องห่วง รับรองเลยว่าไปอาณาจักรล่างคราวนี้ เจ้าอยากดูอะไร ข้าจะพาเจ้าไปดูทุกอย่างเลย!” เฉียวฉู่และหลงจิ่วเป็นเหมือนตะเภาเดียวกัน เมื่อได้ยินหลงจิ่วพูด เขาก็ก้าวออกมาตบหน้าอกอาสาทันที
“เด็กดี! ข้าหวังพึ่งเจ้าแล้ว!” หลงจิ่วตบบ่าเฉียวฉู่อย่างพอใจ