หลังจากได้รับอนุญาตจากจ้าววิญญาณแล้ว จวินอู๋เสียก็แจ้งให้พวกเฉียวฉู่รู้ทันทีที่กลับไป นางไม่ได้บอกอะไรพวกเขานอกจากนางจะไปฝึกฝนในสถานที่พิเศษที่จ้าววิญญาณจัดให้เพื่อให้พวกเขาสบายใจ
แน่นอนว่าพวกเฉียวฉู่ไม่สงสัยอะไร
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น จวินอู๋เสียก็มุ่งหน้าไปที่วังจ้าววิญญาณ
สถานที่ที่จ้าววิญญาณจัดเตรียมให้คือวิหารใต้ดินที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มากซึ่งอยู่ที่ไหนสักแห่งในวังจ้าววิญญาณ มีไฟวิญญาณนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในวิหารใต้ดินนั้น ทั้งวิหารสว่างไสวด้วยแสงไฟเล็กๆของพวกมัน
เจ้านั่งตรงนั้นก็ได้ จ้าววิญญาณชี้ไปที่แท่นวงกลมที่ตั้งอยู่ตรงกลางวิหารใต้ดิน
วิธีที่จ้าววิญญาณใช้คือการใช้พลังจิตวิญญาณของพวกเขานำทางและรวมเข้ากับพลังจิตวิญญาณในโลกวิญญาณเพื่อจัดการกับพลังงานที่ปั่นป่วนซึ่งเกิดจากการหลอมรวมพลังจิตวิญญาณกับพลังวิญญาณในร่างของจวินอู๋เสีย นี่เป็นการลดความรุนแรงในการผลักกันระหว่างพลังงานทั้งสองชั่วคราว
แม้ว่าจะเป็นความจริงที่การฝึกฝนด้วยวิธีฝึกของดินแดนแห่งวิญญาณโดยใช้ร่างมนุษย์เป็นเวลาห้าปีจะสามารถบรรลุผลของการฝึกได้เป็นสองเท่า แต่การฝึกฝนเช่นนี้ทำให้เส้นแบ่งระหว่างพลังจิตวิญญาณและพลังวิญญาณของจวินอู๋เสียไม่ชัดเจน พลังทั้งสองไม่ควรผสมกัน แต่พวกมันก็เริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกันในร่างของจวินอู๋เสีย ถ้ายังคงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป พลังจิตวิญญาณที่ผสมพลังวิญญาณจะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่คาดไม่ถึงกับร่างกายของจวินอู๋เสีย ขณะที่พลังวิญญาณที่ผสมพลังจิตวิญญาณจะสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับวิญญาณของนาง
แม้ว่าจะมีเมล็ดของต้นวิญญาณคอยปกป้องวิญญาณของนาง แต่หากร่างกายของนางระเบิด สิ่งที่ตามมาคือวิญญาณจะไม่เสถียร และมันจะกลายเป็นฝันร้าย
จวินอู๋เสียเดินไปนั่งบนแท่นวงกลมตามคำแนะนำ พวกฉินเกออยู่ในวิหารใต้ดินแล้ว จ้าววิญญาณลงนั่งขัดสมาธิข้างๆจวินอู๋เสีย จากนั้นก็พยายามพูดกับจวินอู๋เสียด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยน ระหว่างขั้นตอนทั้งหมดเจ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่พยายามควบคุมพลังของเจ้าไว้ไม่ให้มันผลักพลังจิตวิญญาณของพวกเราออกไปก็พอ พวกเราจะใช้พลังจิตวิญญาณของเราช่วยนำทางเจ้าในการแยกพลังในร่างเจ้า มันอาจจะเป็นกระบวนการที่กินเวลานาน แต่เมื่อเริ่มแล้วก็ไม่สามารถหยุดได้ง่ายๆ จะมีเวลาให้เจ้าได้พักบ้าง แต่ละครั้งพวกเราสี่คนจะผลัดกัน เวียนกันครบแต่ละครั้งก็จะเป็นหนึ่งรอบ เจ้าต้องทนให้ครบหนึ่งรอบก่อนถึงจะพักได้ เข้าใจไหม?
จวินอู๋เสียพยักหน้า
จ้าววิญญาณไม่พูดอะไรอีก อันที่จริงขั้นตอนทั้งหมดในการควบคุมพลังไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น แต่ก็ควรจัดการอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน ไม่เช่นนั้นมันจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อวิญญาณของจวินอู๋เสีย
เจ้าแมวดำนอนอยู่ข้างๆขาจวินอู๋เสียอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย
พวกเจ้าแค่ต้องดูว่าข้าทำยังไง จ้าววิญญาณไม่ลืมหันไปบอกพวกฉินเกอ
ได้ ฉินเกอตอบ ส่วนหลงจิ่วก็พยักหน้าให้ มีเพียงซือถูเหิงที่ไม่พูดอะไรเลย เอาแต่จ้องจวินอู๋เสียที่นั่งอยู่ ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆบนใบหน้าของเขา ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เนื่องจากจ้าววิญญาณไม่อยากให้ล่าช้ามากเกินไป เขาจึงเริ่มใช้พลังจิตวิญญาณของเขาทันที พลังจิตวิญญาณลอยออกมาจากฝ่ามือของจ้าววิญญาณ มันค่อยๆยืดยาวขึ้นและกลายเป็นเส้นด้ายเชื่อมระหว่างฝ่ามือของเขากับตรงกลางหว่างคิ้วของจวินอู๋เสียราวกับว่าไฟวิญญาณที่ลอยอยู่ในวิหารใต้ดินถูกเปิดใช้งานโดยพลังจิตวิญญาณของจ้าววิญญาณ ทำให้แสงของพวกมันสว่างขึ้น มันรู้สึกเหมือนแสงสว่างนั้นมีจิตสำนึกของตัวเอง มันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและรวมตัวกันรอบๆด้ายวิญญาณ แสงนั้นพันกับด้ายวิญญาณสีเทาและหลอมรวมเข้าไปที่ตรงกลางหว่างคิ้วของจวินอู๋เสียทีละนิด……
จวินอู๋เสียหลับตาลงและสัมผัสถึงพลังที่มาจากภายนอกอย่างสงบ
มันเป็นความรู้สึกที่แปลก แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกคุ้นเคย รู้สึกเหมือนตอนที่นางดูดซับพลังจิตวิญญาณผ่านวิชาเสริมวิญญาณ แต่ยังคงมีความแตกต่างอยู่เล็กน้อย