เมื่อเมอร์ลินได้รับคํายืนยันแล้วว่าแหวนวงนี้เป็นของจริง เขาก็รู้สึกโล่งใจและก็มันไว้อย่างดี
แต่อย่างไรก็ตามเมอร์ลินไม่ทราบถึงตําแหน่งที่ตั้งของดินแดนมนต์ดํา เขาจึงถามพ่อมดฮิลล์ไปว่า
“พ่อมดฮิลล์ ท่านทราบหรือไม่ว่าที่ตั้งของดินแดนมนต์ดําอยู่ที่ไหน?”
ชายชราได้ครุ่นคิดอย่างจริงจัง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เงยหน้าขึ้นและพูดอย่างไม่แน่ใจว่า
“ว่าใครหลายคนจะรู้ถึงชื่อเสียงขององค์กรเวทมนต์เหล่านี้แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครทราบถึงตําแหน่งที่ตั้งที่แน่นอน ข้าเคยได้ยินมาว่าที่ตั้งของดินแดนมนต์ดําอยู่ในเทือกเขาเคอร์ดิช เทือกเขาแห่งนั้นกว้างใหญ่ไพศาล บางทีเหรียญตราที่เจ้ามีอาจจะช่วยเจ้าในการหาตําแหน่งก็ได้”
“เทือกเขาเคอร์ดิช” เมอร์ลินเก็บสถานที่นี้ไว้ในใจ เขาตั้งใจว่าเมื่อกลับไปถึงปราสาทเขาจะหาแผนที่และข้อมูลไปยังที่นั่น
“พ่อมดฮิลล์”
เมอร์ลินเงยหน้าขึ้นและพูดกับชายชราด้วยท่าที่จริงจัง “ถ้าผมสามารถเข้าร่วมดินแดนมนต์ดําได้ ผมจะค้นคว้าหาสูตรยาที่ทําให้โครงสร้างเวทมนต์ของท่านให้เสถียรโดยเร็วที่สุด”
ชายชรายิ้มและพูดว่า “ข้าขอขอบคุณน้ำใจของพ่อมดเมอร์ลินมาก เนื่องจากข้าชรามากแล้ว ข้าอาจมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่กี่ปี”
พ่อมดฮิลล์รู้ยินดีที่เมอร์สินให้คําสัญญาต่อเขา แม้ตอนนี้สถานการณ์ของเขาจะดีขึ้นแต่มันก็อยู่ใต้เพียงชั่วคราวเท่านั้น หากเขาขาดสติโครงสร้างเวทมนต์อาจพังทลายทันที
ดังนั้นเมอร์ลินที่เข้าร่วมกับดินแดนมนต์ดําจึงเป็นความหวังเดียวของเขา
หลังจากเมอร์ลินก็กลับไปยังรถม้า เขาตั้งว่าหากไปถึงปราสาทเมื่อไหร่ เขาจะต้องตรวจสอบเรื่องของเชอรีสกับลุงแพรตต์เป็นอย่างแรก เขาเชื่อว่าลุงแพรตต์จะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม
“ท่านบารอน ผู้บัญชาการแพรตต์กลับมาแล้วขอรับ” พ่อบ้านได้เข้ามารายงานให้เมอร์ลินทราบอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาเดินไปถึงห้องโถง เขาก็พบกับเชอรส เบนินและผู้บัญชาการแมนซ์
“บารอรเมอร์สิ้น!”
เบนินและผู้บัญชาการแมนซ์รีบโค้งคํานับอย่างสุภาพให้กับเมอร์ลินทันทีที่พวกเขาเห็นเมอร์ลินเดินเข้ามา
เมอร์ลินรู้สึกแปลก ๆ ก่อนหน้านี้ทั้งสองเคยดูถูกเขาแต่ตอนนี้พวกเขาได้โค้งคํานับให้กับเมอร์ลินแล้ว
เมอร์ลินพยักหน้ารับอย่างไร้อารมณ์ เขาสังเกตเห็นว่าท่าที่อวดเบ่งของเบนินหายไปเยอะมาก อาจเป็นเพราะเขาได้ผ่านอุปสรรคมามากมายจึงทําให้ท่าที่อวดเบ่งราวกับเจ้าชายได้ค่อย ๆ หายไป
“ลุงแพรตต์ บารอนวอร์เรนได้ทําให้ลุงเดือดร้อนรึเปล่า?” เมอร์ถามพลางถามไปที่แพรตต์
แพรตต์หัวเราะเบา ๆ “บารอนวอร์เรนจะกล้าทําให้เราเดือดร้อนได้อย่างไร ทันทีที่พวกเราบอกว่าพวกเราเป็นอัศวินของท่านบารอนเมอร์ลิน บารอนวอร์เรนใต้ถอยทันที เขายังบอกว่าเขาจะมาปราสาทด้วยตัวเองเพื่อมาขออภัยกับท่านบารอนโดยตรงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าด้วยขอรับ” แพรตต์กล่าวด้วยสีหน้าที่ดูถูกเหยียดหยาม ดูเหมือนว่าเขาจะรังเกียจขุนนางอย่างบารอนวอร์เรนมาก
เมอร์ลินพอจะเข้าใจว่าทําไม บารอนวอร์เรนถึงยอมถอย แม้ว่าพวกเขาจะมีตําแหน่งบารอนเหมือนกันแต่สถานะของสังคมของพวกเขานั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง ตัวเขานั้นได้รับการเอาใจใส่จาก เคานต์เซิลผู้ซึ่งเป็นเจ้าเมืองอย่างดี นอกจากนี้เขายังเป็นพ่อมดแสนลึกลับ แม้แต่พวกวิสเคานต์เองก็ไม่กล้าปฏิบัติกับเมอร์สินอย่างหยาบคาย ดังนั้นบารอนวอร์เรนก็ยังไม่ต่างกัน
แล้วอีกอย่างตระกูลเนลสันที่มีประวัติอย่างอันยาวนาน ยังถูกกําจัดโดยคําสั่งของเคานต์เซลินเพียงคําเดียว บารอนวอร์เรนคงไม่กล้างัดข้อกับคนที่ได้รับการสนับสนุนจากเคานต์เซลิน เขากลัวว่าชะตากรรมของพวกเขาอาจจบลงแบบเดียวตระกูลเนลสัน
“คนฉลาดมักจะอายุยืนยาวเสมอ…” เมอร์ลินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“เอาล่ะ พ่อบ้าน คุณช่วยเตรียมที่พักให้กับกองอัศวินปักษาอัคคีด้วย”
เมอร์สินได้ทิ้งให้พ่อบ้านจัดการธุระต่าง ๆ ของเบนินกับแมนซ์ ส่วนเขาได้เดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับเชอรีส
เบนินจ้องไปที่หลังของเมอร์ลินและกัดริมฝีปากแน่น สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจออกมา
“คุณชายเบนินโปรดตามผมมาด้วยขอรับ”
เมื่อได้ยินเสียงพ่อบ้าน เบนินก็ได้สติ เขารู้สึกตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เขาจะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขาไม่ใช่เจ้าชายผู้มีเกียรติอีกต่อไปแล้ว
หลังจากผ่านช่วงเวลาอันเร่าร้อน เมอร์ลินก็ได้ขยับลุกขึ้นจากเตียง โดยทางด้านซ้ายของเรามีเชอรีสที่นอนหายใจรวยรินอย่างหมดแรง พวกเขาได้ผ่านช่วงแห่งความสุขอันยาวนาน ข้าวของในห้องกระจายกระจายไปทั่วนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาบ้าคลั่งถึงเพียงใด มันรุนแรงและหนักหน่วงจนทําให้เชอรีสไม่อาจต้านทานไหว เธอได้หมดแรงและจมอยู่ในห้วงนิทรา
ใบหน้าของเชอรีสมีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นมา สีหน้าของเธอดูสงบมาก
ก่อนหน้านี้เชอรีสได้แบกรับความรับผิดชอบของกองอัศวินปักษาอัคคีไว้บนบ่าอันบอบบางของเธอ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอทํางานอยู่ใต้แรงกดดันมหาศาลจึงไม่แปลกเลยที่จะเธอจะเหนื่อยล้าถึงเพียงนี้
แล้วตอนนี้เบนินกับกองอัศวินปักษาอัคคีได้ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์จึงทําให้เธอสามารถปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งนี้ไปได้แล้ว การนอนหลับได้ครั้งนี้เป็นการนอนหลับที่ผ่อนคลายที่สุดนับตั้งแต่เธอหนีออกมาจากเมืองแห่งแสง
ตัดภาพมาที่เมอร์ลิน ตัวเขาได้จ้องมองเชอรีสด้วยแววตาที่เปล่าเปลี่ยว
แม้ว่าเขาจะมียศถาบรรดาศักดิ์ สถานะทางสังคมที่สูงส่งและหญิงสาวที่อยู่ข้างกายแต่เขาก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่า
สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ ก็คือการไล่ตามไขว่คว้าพลังอํานาจที่สูงขึ้นและยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากกว่านี้
เมอร์ลินได้กลับมาตรวจสอบพลังจิตของเขาอีกครั้ง เขารู้สึกว่าเทคนิคการทําสมาธิไม่ได้เพิ่มพลังจิตให้เขามากนัก ยิ่งนานไปผลของมันก็ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ
ส่วนโครงสร้างเวทมนต์ทั้งคาถาลูกไฟกับแช่แข็ง ตอนนี้ถูกในสภาพที่สมบูรณ์ พวกมันสามารถสะสมพลังเวทย์ได้อย่างรวดเร็ว ต้องขอบคุณเดอะเมทริกซ์ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพของคาถาให้ดีกว่าคาถาทั่วไปมาก
ส่วนคาถาธาตุดิน เมอร์ลินตัดสินใจเก็บมันไว้ก่อน เนื่องจากพลังจิตของเขาได้ในตอนนี้ยังน้อยเกินไป
ด้วยความก้าวหน้าของพลังจิตที่ช้าและองค์ความรู้ของนักเวทย์ที่น้อยเกินไป ทําให้เมอร์ลินรู้สึกร้อนรน เขาไม่สามารถรออยู่เฉย ๆ ได้อีกแล้ว เขาต้องการไปที่ดินแดนมนต์ดําเดี๋ยวนี้เลย
“ดูเหมือนต้องอธิบายทุกอย่างให้ท่านพ่อรับรู้ ก่อนที่เราจะเดินทางออกไป…”
เมอร์ลินลูบแหวนสีดําบนมือของเขาเบา ๆ ในขณะมองออกไปข้างนอกด้วยแววตาที่มุ่งมั่น