A Wizard’s Secret ความลับของพ่อมด WS บทที่ 111 ช่วงเวลาแห่งความสงบ PART 1
“ดวงตาของพ่อมดลีโองั้นเหรอ?” เลอแรนก้าได้หยุดเดินและหยุดคิดอยู่พักหนึ่ง “เรื่องนี้ฉันไม่รู้ที่มาที่ไปเท่าไหร่นัก เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่ที่ฉันมาถึงดินแดนมนต์ดําแล้ว ฉันได้ยินคนอื่น ๆ เล่ามาว่าสาเหตุที่ดวงตาของเขาเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเป็นผลมาจากการฝึกฝนคาถาประเภทธาตุมืด เขาได้ทําลายดวงตาด้วยมือของเขาเอง จากนั้นใช้น้ำยาประหลาดที่สร้างด้วยคาถาธาตุมืดสร้างดวงตาสีแดงเลือดขึ้นมา ฉันได้ยินมาว่าดวงตาดวงนั้นวิเศษมากแต่ฉันก็ไม่ทราบของข้อมูลของมันมากนัก”
“นี่เขาทําลายดวงตาตัวเองเพื่อฝึกคาถาธาตุมืดงั้นเหรอ?” เมอร์ลินถึงกับพูดไม่ออก เขาจินตนาการไม่ออกว่าจะมีใครที่ยอมทําร้ายตัวเองให้อยู่ในสภาพแบบนี้เพียงเพื่อพลังที่แข็งแกร่ง
“แม้แต่ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน จริงสิ ห้องพักของคุณอยู่บนชั้นสามของหอคอยนะ”
จากนั้นเลอแรนก้าก็พาเมอร์ลินไปที่ชั้นสามของหอคอย เขาเลือกเข้าไปในห้อง ๆ หนึ่ง เขามองดูโดยรอบอย่างคร่าว ๆ และรู้สึกพึงพอใจกับขนาดที่กว้างใหญ่และที่เครื่องเรือนครบครัน
“ผมต้องขอบคุณคุณมากแม่มดเลอแรนก้าที่ช่วยให้ผมตั้งหลักได้ ผมเกรงว่าจะรบกวนเวลาของคุณมากเกินไป” เมอร์ลินโค้งคํานับเลอแรนก้าด้วยความขอบคุณ เขารู้ว่าเวลานั้นมีค่าสําหรับนักเวทย์มากและเธอได้ใช้เวลากับเขาครึ่งทั้งวัน
เลอแรนก้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “จริง ๆ ฉันก็ไม่ได้ช่วยคุณฟรี ๆ หรอกนะ สิ่งที่ทํามันเป็นภารกิจที่ฉันได้รับมาและฉันก็ได้แต้มสนับสนุนในการช่วยคุณด้วย เอาล่ะเดี๋ยวฉันกลับไปที่ห้องโถงก่อนเผื่อจะมีนักเวทย์หน้าใหม่เข้ามา หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ อย่าเกรงใจที่จะมาหาฉัน ฉันอาศัยอยู่ที่ชั้นหกของหอคอย”
หลังจากเธอพูดจบ เธอก็หันหลังและเดินออกจากหอคอยไปทันที
เมอร์ลินก้าวเข้าไปในห้องของเขาและรีบหยิบเทคนิคการทําสมาธิขั้นกลางขึ้นมา
ตัวเนื้อหามันไม่ยากเกินไปที่เขาจะสามารถเข้าความเข้าใจได้ เมอร์ลินรีบปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านสักพัก เมอร์ลินได้ลืมตาอีกข้างด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดี
“มันได้ผลจริง ๆ ด้วย มันได้ผลลัพธ์มากกว่าเทคนิคเก่าอย่างน้อยสามถึงห้าเท่าเลย”
จากนั้นเมอร์ลินก็จดจ่อและทําสมาธิต่อไปอย่างเงียบ ๆ ในห้อง
หนึ่งเดือนต่อมา เมอร์ลินก้าวเดินออกมาจากหอคอยและได้บังเอิญเจอแม่มดเลอแรนก้าเข้าพอดี
ตอนนี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว พวกนักเวทย์ต่างถอดเสื้อคลุมหนา ๆ ออก
เลอแรนก้าได้สวมกางเกงขาสั้นได้รูปซึ่งมันอวดเรียงขาของเธอ ท่อนบนเธอสวมใส่เสื้อผ้าไหมที่บางเบา ด้วยชุดของเธอทําให้เห็นเรือนร่างที่สวยงาม
ในตอนแรกเมอร์ลินคิดว่า พวกนักเวทย์จะเป็นพวกที่จริงจังและเข้มงวดแต่พอเขาได้มาอยู่ร่วมสังคมเดียวกันกับพวกเขา ทําให้เขารู้ว่ามีเพียงส่วนน้อยที่จะคลั่งไคลการฝึกฝนแบบเดียวกับพ่อมดลีโอ
พวกแม่มดก็เหมือนหญิงสาวทั่วไปที่ชอบแต่งตัวสวย ๆ บางคนถึงกับยอมแลกแต้มสนับสนุนเพื่อน้ำยาที่รักษาความเยาว์วัย
แม้ว่านยาพวกนั้นจะไม่มีผลอะไรกับร่างกายของเธอมากนักแต่มันก็เป็นที่ต้องการในหมู่แม่มด
“สวัสดีพ่อมดเมอร์ลิน ในที่สุดคุณก็ก้าวออกมาจากหอคอย” เลอแรนก้าทักทายเมร์ลินด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนเธอจะสังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้ออกจากหอคอยเลย
เมอร์ลินตอบอย่างเป็นกันเองว่า “ฉันกําลังทําสมาธิอยู่ เลยไม่ได้ออกไปไหนเลยแต่ฉันได้ยินข่าวมาว่าแม่มดนาชาจะเปิดสอนหลักสูตรคาถาธาตุลมฟรี ฉันเลยตัดสินใจจะแวะไปดูสักหน่อย”
เลอแรนก้าขมวดคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “แม้ว่าหลักสูตรของแม่มดนาชาจะเป็นคาถาระดับศูนย์แต่ถ้าฉันจําไม่ผิดคุณมีคาถาระดับศูนย์อยู่สามอันแล้วไม่ใช่เหรอ? คุณวางแผนที่จะสร้างอีกอันใช่มั้ย?”
เมอร์ลินตอบคําถามของเธอด้วยความเงียบ เขาทําเพียงยิ้มเบา ๆ เท่านั้น
“พ่อมดเมอร์ลิน ฉันเข้าใจดีกว่าการมีคาถาเพิ่มขึ้นมันจะมีประโยชน์ในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามมันใช้พลังจิตไปจํานวนมากในการสร้างมันและอีกอย่างหากถึงเวลาที่คุณต้องการจะก้าวไปสู่นักเวทย์ระดับหนึ่ง คุณต้องใช้เวลามากขึ้นเป็นเท่าตัว” เลอแรนก้าเตือนด้วยความหวังดี
“หากเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ความพยายามที่คุณทํามาทั้งหมดก็จากสูญเปล่าและอีกอย่างโครงสร้างเวทมนต์ทั้งสามของคุณ พวกมันอาจจะไม่เสถียร ดังนั้นฉันจึงอยากให้คุณมุ่งเน้นไปที่คาถาระดับหนึ่งมากกว่าเอาคาถาระดับศูนย์มากใส่เพิ่มเติม อย่าลืมสิว่าคุณมีเวลาแค่ 3 ปี เท่านั้น”
เมอร์ลินเข้าใจดีกว่าเลอแรนก้าพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง เอาเข้าจริง ๆ หากเขาเป็นพ่อมดธรรมดา ๆ เขาคงจะพอใจกับคาถาทั้งสามที่เขามี หากเขาเสี่ยงที่จะจะเพิ่มมัน บางทีมันอาจจะทําให้ชีวิตของพ่อมดของเขาต้องสิ้นสุดลง
แต่เขามีสิ่งที่นักเวทย์คนอื่นไม่มีนั่นก็คือเดอะเมทริกซ์ นี่จึงสาเหตุที่ทําให้เขาไม่กลัวการเพิ่มคาถา ตราบใดที่เขามีพลังจิตมากพอ เขาก็สามารถสร้างคาถาได้มากเท่าที่เขาต้องการ
การที่เป็นนักเวทย์ที่มีจํานวนมากขึ้น มันจะสร้างความได้เปรียบกว่านักเวทย์ที่มีธาตุน้อยกว่า
“ขอบคุณสําหรับคําเตือนนะ แม่มดเลอแรนก้า ฉันจะจัดการเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวัง” เมอร์ลินยิ้ม
เลอแรนก้าไม่กล่าวอะไรต่อ เธอได้ทําให้ส่วนที่เธอทําได้แล้ว ส่วนที่เหลือนั้นขึ้นอยู่กับเมอร์ลิน เขาจะต้องเป็นคนตัดสินใด้วยตัวเอง
หลังจากนั้นพวกเขาก็พูดกันเล็กน้อย ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
เมอร์ลินเดินไปรอบ ๆ ในที่สุดเขาก็ถึงที่หมาย เบื้องหน้าของเขาเป็นหอคอยที่ค่อนข้างใหม่เอี่ยมและไม่สูงมากนัก มันถึงถูกสร้างขึ้นเร็ว ๆ นี้เนื่องจากแม่มดนาชาเพิ่งได้รับการเลื่อนขั้นเป็นนักเวทย์ระดับสี่
ข่าวการสอนของเธอได้กระจายไปทั่วดินแดนมนต์ดําทําให้มีนักเวทย์จํานวนมากแออัดหน้าหอคอยของเธอ
*วิ้ง วิ้ง*
ทันใดนั้นตัวอักษรรูนบนหอคอยเริ่มเรื่องแสงออกมาเป็นประกาย จากนั้นมีแม่มดปรากฏตัวขึ้นมาและพูดว่า
“ตอนนี้แม่มดนาชาพร้อมแล้ว ทุกท่านโปรดเข้าไปในหอคอยด้วยความสงบ หากใครไม่ปฏิบัติตามจะถูกขับไล่ออกจากหอคอยทันที”
จากนั้นทุกคนก็ตามแม่มดคนนั้นไปอย่างใกล้ชิด เมอร์ลินมองไปเบื้องหน้าอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็ก้าวเท้าตามพวกเขาไป