บทที่ 137 ขนนกที่มัดรวมกัน
เมอร์ลินตื่นตั้งแต่เช้าตรู่และนั่งทําสมาธิทันที แม้ว่าจะเข้ามาในดินแดนมนต์ดํามาเกือบปีแถมยังได้รับการช่วยจากเดอะเมทริกซ์ เขาก็ขยันเหมือนเดิมดังที่เคยเป็นมา
หลังจากทํากิจวัตรประจําวันเสร็จ เขาก็ตรงไปที่ชั้นบสุดของหอคอย เมื่อไปถึง เขาก็พบว่ามีนักเวทย์ 9คน รออยู่ด้านหน้าห้องของพ่อมดลีโอ
พวกเขาก็เป็นเหมือนเมอร์ลินที่ได้รับกาคัดเลือกจากพ่อมดลีโอให้เข้าร่วมงานชุมนุมนักเวทย์ของดินแดนมนต์ดํา
พวกเขาก็สนใจทําแต่ธุระของตัวเอง บางคนก็ไปทําภารกิจ บางคนก็ทําแต่สมาธิหรือบางคนก็กําลังสร้างคาถาอยู่ ถึงเมอร์ลินจะอยู่ร่วมหอคอยเดียวกับพวกเขามาเกือบปีแต่เขากไม่รู้จักใครสักคน
การมาของเมอร์ลินไม่ได้รับความสนใจมากนัก บางคนยิ้มทักมายเบา ๆ บางคนก็หันไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจ บางคนก็อยู่เฉย ๆ และเฝ้ารออย่างเงียบ ๆ
ในไม่ช้า พ่อมดลีโอก็ออกมา วันนี้เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวขอบทอง หากไม่มองเบ้าตาที่ว่างเปล่าของเขาก็คงคิดว่าเขาดูดีในชุดนี้มาก เขามีรูปร่างสูงโปร่งสัมผัสได้ถึงพลังอํานาจของเขา
พ่อมดลีโอไม่สนใจความคิดที่มีต่อตัวเขา เขาพูดเบา ๆ ว่า “ในเมื่อทุกคนมากันแล้วก็ไปกันเลย คราวนี้ เมอร์ลินเป็นคนนําพวกเจ้า”
พ่อมดลีโอพูดกับเมอร์ลินด้วยน้ําเสียงที่สงบ แต่ทันทีที่เขาพูดจบ เมอร์ลินก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาที่เขา
เมอร์ลินชําเลืองมองพวกเขาอย่างสงบ เขารู้ดีว่าพ่อมดลีโอต้องการให้ตัวตนและตําแหน่งแก่เขา เมอร์ลินจะเป็นตัวหลักของในงานชุมนุมนักเวทย์ในครั้งนี้ ส่วนอีก 9คนเป็นตัวสํารองที่ใส่มาให้ทีมเต็มเท่านั้น
พ่อมดลีโอกับเมอร์ลินําได้เดินนําออกจากหอคอยพ่อมด
หลังจากเดินทางเพียงไม่ยนาน พวกเขาก็มาถึงจัตุรัสอันกว้างใหญ่ มีแท่งสูงหลายสิบแท่งที่มีอักษรรูนสลักอยู่ ช่างเป็นภาพที่งดงามที่ได้เห็นแท่นสูงกว่าสิบอันได้ตั้งเรียงอย่างเป็นระเบียบ
ในดินแดนมนต์ดํานี้มีขนาดใหญ่มากจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดหาสถานที่สําหรับจัดงานชุมนุมนักเวทย์
มีคนจํานวนมากเคลื่อนไหวไปมาในจัตุรัส ที่ด้านหน้าของจัตุรัสมีเก้าอี้หินหลายแถว สิ่งที่เตรียมไว้สําหรับนักเวทย์ระดับสี่ขึ้นไป
“เมอร์ลินนําพวกเขาไปรอที่นั่นเพื่อจับฉลาก”
พ่อมดลีโอส่งความรับผิดชอบทั้งหมดรวมถึงการดูแลนักเวทย์ทั้งเก้าให้เมอร์ลินทันที เขาไม่คาดคิดว่าตัวเองจะได้รับหน้าที่นี้
เมอร์ลินพยายามจะรั่งพ่อมดลีโอไว้แต่เขาเดินไปไกลแล้ว เมอร์ลินรู้สึกอับจนหนทาง เขาไม่รู้จะทําอะไรต่อดี
“พ่อมดเมอร์ลินงั้นเหรอ”
ทันใดนั้นแม่มดข้าง ๆ เมอร์ลินได้พูขึ้นมาเบา ๆ เธอเป็นหนึ่งในเก้านักเวทย์ของหอคอยพ่อมด ลีโอ เธอมีผมยาวสีน้ําตาลประบ่า เธอสวมกําไลกระดิ่งสีทองเล็ก ๆ บนข้อมืออันบอบบางของเธอ
เธอเห็นว่าตอนนี้เมอร์ลินเป็นผู้รับผิดชอบพวกเขา เธอพูดว่า
“พ่อมดเมอร์ลิน คุณรู้มั้ยว่าพ่อมดลีโอไว้ใจและคาดหวังในตัวคุณมาก อย่างที่คุณรู้ว่าพ่อมดลี โอแทบจะไม่ออกจากห้องของเขาเลย แม้แต่งานชุมนุมนักเวทย์เองเขาก็ไม่อยากจะออกมาเลย แถมยังยัดหน้าที่ให้ลูกกศิษย์ทําแทนอีกแต่งานในครั้งนี้ เขาถึงกับออกมาด้วยตัวเอง พวกเรารู้ตัว ว่าพวกเราไม่คู่ควรที่พ่อมดลีโอจะมาทําแบบนี้และพวกเรามาเข้าร่วมงานชุมนุมเป็นพิธีเท่านั้น”
แม่มดที่มีใบหน้าแบบธรรมดา ดวงตาของเธอจ้องมองอย่างใสชื่อ มันก็ทําให้มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
เมอร์ลินไม่ได้ตอบรับอะไรเธอ เขายิ้มและถามว่า “คุณชื่ออะไร”
“คุณเรียกฉันว่าเอเลน่าได้”
เมอร์ลินพยักหน้าก่อนจะถามว่า “เอเลน่า คุณพอจะรู้มั้ยว่าในงานชุมนุมครั้งก่อน ๆ มีใครบ้างในหอคอยพ่อมดลีโอที่สามารถเข้าไปในรอบลึก ๆ ได้”
เอเลน่าครุ่นคิดไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “น่าจะเป็นพ่อมดเซารอน เมื่อ 12ปีก่อน เขาเป็น ตัวแทนของหอคอย เขาสามารถเอาชนะได้สามครั้งติดต่อกัน แล้วหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งและกลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของดินแดนมนต์ดํา”
เมอร์ลินพยักหน้า เขารู้สึกว่าพ่อมดเซารอนมีความโดดเด่นมากและยิ่งเขาสามารถกลายเป็นพ่อมดระดับหนึ่ง มันแสดงให้เห็นว่าเขามีศักยภาพที่แท้จริง
ในดินแดนมนต์ดํามีนักเวทย์ระดับเริ่มใต้นจํานวนมากแต่มีไม่ถึง 30% ที่พวกเขาเหล่านั้นจะสามารถเลื่อนระดับได้เป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งได้
ส่วนพวกนักเวทย์จากหอคอยพ่อมดลีโอมีเพียง 10% เท่านั้นที่จะสามารถประสบความสําเร็จในการเป็นนักเวทย์ระดับซึ่งมันต่ํากว่ามาตรฐานของดินแดนมนต์ดําด้วยซ้ํา
ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกพักใหญ่กว่างานชุมนุมจะเริ่มต้นขึ้น เมอร์ลินนั่งอยู่กับนักเวทย์อีก 9คน แต่พวกเขาเงียบ ๆ และไม่ได้พูดคุยอะไรมากนัก พวกเขาดูไม่เหมือนนักเวทย์คนอื่น ๆ ที่กําลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“ฉันได้มาว่าพ่อมดเซซิล ลูกศิษย์ของพ่อมดดิวอี้ ได้สร้างคาถาธาตุดินระดับหนึ่งสําเร็จด้วย ฉันว่าเขาต้องโดดเด่นในงานชุมนุมครั้งนี้อย่างแน่นอน ไม่แน่นะนักเวทย์ที่ทรงพลังอาจจะถูกใจในตัวเขา”
“การสร้างคาถาระดับหนึ่งได้ภายในหนึ่งปี ถือว่าเป็นอะไรที่สุดยอดมากแต่ถ้าหากจะพูดว่าใครแข็งแกร่งที่สุดในงานชุมนุมครั้งนี้ มันก็น่าจะเป็นพ่อมดโลนต่างหาก”
“คุณกําลังพูดถึงโลนคนนั้นสินะ เขาเหลือเพียงคาถาระดับหนึ่งอีกคาถาเดียว เขาก็จะกลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งอย่างเต็มตัวแล้ว เขาทรงพลังจริง ๆ แต่ฉันคิดว่าอาจารย์ของเขาที่เป็นนักเวทย์ระดับหก คงไม่มีทางให้เขาตกไปอยู่ในมือนักเวทย์คนอื่น ๆ หรอก”
นักเวทย์เหล่านี้กําลังพูดคุยกันอย่างออกรสแต่ตัดภาพมาที่นักเวทย์ทั้งเก้า พวกเขานั้นดูหดหู ไม่พูดไม่พูดจาเลยแม้แต่นิดเดียว
เอเลน่าสังเกตเห็นความสงสัยบนใบหน้าของเมอร์ลิน เธอได้เข้าไปใกล้ ๆ เขาและกระซิบว่า
“พ่อมดเมอร์ลิน บางทีคุณอาจจะยังไม่เข้าใจ พวกเราเป็นลูกศิษย์ของพ่อมดลีโอ ดังนั้นพวกเราจึงต้องทําตัวเงียบ ๆ เข้าไว้”
สีหน้าของเอเลน่าค่อนข้างอึดอัดผิดกับนิสัยของเธอ เมอร์ลินที่ได้ทราบ เขาก็พอจะเข้าใจถึงสถานการณ์ของนักเวทย์ในหอคอยพ่อมดลีโอ พวกเขาต้องต่ําต้อยกว่านักเวทย์คนอื่น ๆ ในดินแดนมนต์ดํา พวกนักเวทย์จากหอคอยนักเวทย์ระดับสี่ยังมีความมั่นใจกว่าพวกเขาทั้งเก้าอีก
ตัวของพ่อมดลีโอนั้นก็เป็นนักเวทย์ระดับหกอย่างไรก็ตามลูกศิษย์ของเขากลับดูหงอยๆ แม้แต่ส่งเสียงยังไม่กล้าเลย
มีคํากล่าวที่ว่ากรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในคืนเดียว ดังนั้นสถานการณ์เช่นนี้จึงเกิดขึ้นบ่อยครั้งในอดีต แม้ว่าในหอคอยพ่อมดลีโอจะปรากฏนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์มากมายแต่ด้วยอัตราการเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งของหอคอยนี้มันน้อยมาก ด้วยเรื่องนี้จึงทําให้เหล่านักเวทย์ที่ถูกส่งมายังหอคอย พ่อมดลีโอถึงขาดความมั่นใจในตัวเอง
“เอ๊ะ พ่อมดเมอร์ลิน คุณก็เข้าร่วมงานชุมนุมด้วยงั้นเหรอ?”
ทันใดนั้นเอง เมอร์ลินก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยจากด้านหลังเขา เมื่อเขาหันกลับไป เขาก็พบกับแม่มดรีลลิสที่เคยทําภารกิจเมืองดอนกลิ่นร่วมกัน
ถัดจากรีลลิสก็คือโฮล์มส์และชายอีกคนหนึ่งเขามีรูปร่างสูง ใหญ่และสวมต่างหูแปลก ๆ ที่รูปร่างคล้ายกับงู
“แม่มดรีลลิส พ่อมดโฮล์มส์” เมอร์ลินขึ้นและทักทายพวกเขา
สีหน้าของพ่อมดโฮล์มส์ดูไม่เย่อหยิ่งแบบเมื่อก่อน เขาดูสุขุมมากขึ้น
“ พ่อมดเมอร์ลิน คุณก็มาเข้าร่วมงานชุมนุมด้วยสินะ” โฮล์มเหลือบมองนักเวทย์อีกเก้าคนที่อยู่ด้านหลังของเมอร์ลินและถามอย่างเย็นชา
เมอร์ลินพยักหน้าและกล่าววา “พวกเราคือตัวแทนจากหอคอยพ่อมดลีโอ แล้วพ่อมดเกรเทลล่ะ เขาไม่ได้พาพวกคุณมาที่นี่ด้วยเหรอ?”
โฮล์มส์สายหัวแล้วพูดว่า “อาจารย์เกรเทลมีการทดลองสําคัญที่ต้องทํา ดังนั้นเขาจึงให้พวกเรามากันเอง”
ในขณะที่ทั้งสองกําลังพูดคุยอย่างสบาย ๆ เมอร์ลินสังเกตเห็นสีหน้าแปลก ๆ ของชายแต่งตัวประหลาดข้างๆ โฮล์มส์ เขาจึงถามไปว่า
“แล้วเขาคือ…?” เมอร์ลินสังเกตเห็นสีหน้าที่มองพวกเขาอย่างเหยียด ๆ สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงเปิดปากถามโฮล์มส์
โฮล์มส์ยังไม่ทันจะพูดอะไร ชายร่างสูงได้หัวเราะเยาะเย้ยไปว่า
“อีฮี โฮล์มส์ ฉันไม่คิดว่ามาก่อนเลยว่าคุณจะผูกมิตรกับลูกศิษย์ของพ่อมดลีโอ เจ้านี้ไม่ต่างขนนกที่นํามามัดรวมกันจริง ๆ ดูเหมือนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คุณจะสร้างคาถาระดับหนึ่งไม่สำเร็จแต่เอาเถอะคุณมีเวลาเกือบสามปี รีบ ๆ เข้าล่ะก่อนที่จะถูกขับไล่จากดินแดนมนต์ดําไป ฮ่า ฮ่า!”
จากนั้นชายคนนั้นก็หัวเราะเยาะเสียงดังและเดินออกไป
เมอร์ลินมองไปทางชายคนนั้นด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบ เขาได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากชายคนนั้น ดูเหมือนว่าพ่อมดโฮล์มส์จะล้มเหลวในการสร้างคาถาระดับหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ถูกกับโฮล์มส์ เขาจึงใช้โอกาสนี้เยาะเย้ยโฮล์มส์
สีหน้าของโฮล์มส์ได้ค่อยจะสู้ดีนัก เขาได้พูดคุยกับเมอร์ลนเล็กน้อยและหันหลังเดินจากไป
“ขนนกที่ถูกมัดรวมกันงั้นเหรอ?”
เมอร์ลินเหลือบมองไปทางชายร่างสูงคนนั้นเดินไป เขาได้กวาดตาไปมองรอบ ๆ และรู้สึกว่ามีสายตาแปลก ๆ จ้องมองมาทางพวกเขา แม้แต่นักเวทย์คนอื่น ๆ ก็ดูถูกพวกเขาทันทีที่ได้ยินว่าพวกเขาเป็นลูกศิษย์ของพ่อมดลีโอ แม้แต่โฮล์มส์เอง เขาก็ยังรู้สึกว่าโฮล์มส์ยังดูถูกพวกเขาผ่านน้ําเสียงเช่นกัน
แม้ว่าเมอร์ลินจะไม่สนใจเรื่องนี้แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี
แม่มดเอเลน่าดูเหมือนเธอจะชินกับเรื่องนี้แล้ว เธอยักไหล่และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อมดเมอร์ลินคุณไม่ต้องไปสนใจเรื่องพรรค์นั้นหรอก เดี๋ยวคุณก็ชินไปเองแหละ ยังไงก็ตามยังมีนักเวทย์ระดับหนึ่งในหมู่ลูกศิษย์ของลีโอด้วย ถึงแม้จะน้อยแต่ใช่ว่าไม่มี” เอเลน่าพูดปลอบเมอร์ลิน
“เอาล่ะ เราไปจับฉลากกันเถอะ”
เมอร์ลินลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาเห็นพ่อมดชุดเทาอยู่ลานประลองที่ยกขึ้นสูง พวกเขากําลังเรียกผู้เข้าร่วมงานชุมนุมให้มาจับฉลากเพื่อกําหนดคู่ต่อสู้ในรอบแรก