WS บทที่ 131 เดินทางกลับ PART 2
ในห้องโถงภารกิจ เมอร์ลินกับเลอแรนก้ายืนอยู่ตรงหน้าพ่อมดชุดเทาและยื่นแหวนมนต์ดําไปในพวกเขา
“กรุณารอสักครู่ พวกเราของเวลาตรวจสอบสักเล็กน้อย”
พ่อมดชุดเทาได้เปิดการทํางานบนตัวอักษรรูนบนแหวน พวกมันได้ทําหน้าที่บันทึกทุกอย่างไว้ในนั้น
นี่จึงเป็นวิธีตรวจสอบว่าพวกเขาทําตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายไว้รึเปล่า
ในขณะที่เมอร์ลินกําลังรออยู่เงียบ ๆ เขาสังเกตเป็นภารกิจค้างคาวแวมไพร์ที่เมืองดอนกลินได้รับการทําเครื่องหมายว่า “สําเร็จ” แล้ว
เลอแรนก้าได้มองตามไปทางเดียวกับเมอร์ลิน แทนที่จะประหลาดใจเธอกลับพูดอย่างเรียบ ๆ
“บางทีพ่อมดโฮล์มส์กับแม่มดรีลลิสคงจะมาถึงที่นี่ก่อนพวกเราจะส่งภารกิจไปเรียบร้อนแล้ว”
เมอร์ลินพยักหน้า พวกเขาได้ทําภารกิจอย่างอิสระ ตราบใดที่พวกเขาทําสําเร็จและมาส่งภารกิจได้ ใครจะมาส่งก่อนหรือส่งที่หลังก็ไม่ใช่เรื่องสําคัญ
ส่วนสาเหตุที่พวกเขามาช้ากว่าพวกโฮล์มส์ก็เพราะว่าอาการบาดเจ็บของเลอแรนก้าทําให้ต้องแวะพักอยู่บ่อย ๆ
หลังจากนั้นไม่นานพ่อมดชุดเทาจํานวนหนึ่งได้กลับมาพร้อมกับแหวนของเมอร์ลินและเลอแรนก้า บางคนได้มองเมอร์ลินอย่างจริงจังและพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า
“พวกเราได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว พวกเขาทําภารกิจสําเร็จ พวกคุณทําให้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ก่อนหน้านี้พ่อมดโฮล์มส์กับแม่มดรีลลิสได้รับของรางวัลไปแล้ว พวกคุณจะรับของรางวัลตอนนี้หรือไม่”
“เอาตอนนี้เลย” เมอร์ลินตอบโดยไม่ลังเล เขาต้องการแต้มสันบสนุนจํานวนมากและความเพลิงพิโรธ คาถาธาตไฟระดับหนึ่ง
พ่อมดชุดเทาพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะจารึกอันษรรูนบนแหวนของพวกเขา จากนั้นก็มีคําว่า “ห้าสิบ” ปรากฏบนแหวนของเมอร์ลิน
หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว พ่อมดชุดเทาได้มองเมอร์ลินอย่างแปลก ๆ ดูเหมือนพวกเขาจะรู้ว่าเขาเป็นนักเวทย์หกธาตุเรียบร้อยแล้ว
นักเวทย์หกธาตุนั้นหายากมาก แม้แต่องค์ขนาดใหญ่เองก็มีน้อยมาแทบจะนับคนได้เลย
เมื่อไม่อะไรแล้วเมอร์ลินได้โค้งคํานับเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั้นเขาก็ออกจากห้องโถงภารกิจไปพร้อมกับเลอแรนก้า
เมื่อพวกเขากลับมาถึงหอคอยของพ่อมดลีโอ เลอแรนก้าเหลือบมองเมอร์ลินด้วยสายตาที่ซับซ้อน เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาว่า
“ฉันกําลังจะถูกส่งออกจากดินแดนมนต์ดําเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นฉันจะอยู่แต่ในหอคอยเพื่อสร้างคาถาระดับหนึ่ง”
“ฉันขอให้คุณประสบความสําเร็จและเลื่อนขึ้นเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง” เมอร์ลินให้กําลังใจเธอ
“ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน…”
เธอเองก็รู้ว่ามันมีโอกาสเล็กน้อยที่จะบรรลุเป้าหมายแต่อย่างน้อยเธอก็ขอลองพยายามดู
จากนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันต่อเล็กน้อย ก่อนจะแยกย้ายกลับไปที่ห้องของตัวเอง
เมื่อเมอร์ลินมาถึงห้องของเขา เขาก็รีบตรวจสอบพลังจิตของเขาทันที เขาพบว่าพลังจิตของเขาได้รับการปรุงแต่งให้แข็งแกร่งมากขึ้น เรื่องนี้มันอยู่เหนือความรู้ที่เขามี เขาจึงตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามันมีผลข้างเคียงหรือไม่
อย่างไม่ก็ตาม เขาไม่พบผลข้างเคียงใด ๆ เลยแถมพลังจิตของเขามีความเสถียรมากขึ้นไปอีกราวกับว่าเขาได้รับการปรับสมดุลโดยเจ้าแมวดํา
“ด้วยความสามารถขนาดนี้จึงไม่แปลกเลยที่จอมเวทย์ฟิเดลจะสามารถสร้างดินแดนมนต์ดําขึ้นมา เขาเป็นคนที่สุดยอกจริง ๆ”
เมอร์ลินอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขา นับตั้งแต่ที่เขาอาศัยอยู่ในดินแดนมนต์ดํามาเป็นเวลาครึ่งปี เขาได้ศึกษาเรื่องราวของเขาและพบว่าจอมเวทย์ฟิเดลเป็นนักเวทย์เก้าธาตุผู้ยิ่งใหญ่ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรรูน เขาได้สร้างวงแหวนเวทย์มากมายที่ทําให้คนรุ่นหลังใช้ทางเดินอย่างสะดวก
องค์กรอื่น ๆ เองก็ไม่สามารถทําได้เท่าเขา
ส่วนภูติที่สิงอยู่ในผ่นศิลา นั่นเป็นผลมากจากการศึกษาด้านอักษรรูนขั้นสูงสุดจึงจะสามารถสร้างออกมาได้
เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรผิดปกติเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็หันมาใส่ใจแหวนที่เขาได้มาจากชายชราผมเงิน
ตอนนี้ไม่มีอะไรมารบกวนเขาแล้ว เขาจึงกลับไปตรวจสอบภายในแหวนอีกครั้ง
ภายในที่หินธาตุจํานวนมากมีธาตุต่าง ๆ คละกันไป หนึ่งในหินธาตุของชายชราผมเงินมีขนาดเท่ากําปั้นเด็กทารก หินธาตุขนาดนนี้มีมูลค่าอย่างน้อย 10แต้มสนับสนุน
ด้วยจํานวนขนาดนี้ ทําให้เขาไม่จําเป็นต้องแลกหินธาตุไปพักใหญ่เลย
นอกจากหินธาตุแล้ว เขายังพบบันทึกบางส่วนของนักเวทย์ เขาได้เปิดผ่าน ๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงมรดกของหมอกผีที่ชายชราผมเงินได้รับมา
หลังจากทําการค้นหาร่วมชั่วโมง ในที่สุดเขาก็พบของที่ต้องการ
“เจอแล้ว!” เมอร์ลินกล่าวอย่างตื่นเต้น เขาหยิบม้วนหนังสัตว์ขึ้นมาและเปิดออกทันที
“วิธีการสื่อสารกับอสูรธาตุ”
“กลวิธีเปลี่ยนอสูรธาตุให้กลายเป็นภูติธาตุ”
“วิธีสร้างบ่อเลือด”
นี่เป็นบันทึกโบราณของหมอผี มันประกอบไปด้วยวิธีการควบคุมรวมไปถึงการพัฒนาอสูรธาตุ
ส่วนวิธีสร้างบ่อเบือดนั้น เขาได้อ่านคร่าวและพบว่า มันจะช่วยให้ค้างคาวแวมไพร์พัฒนาร่างได้อย่างรวดเร็วด้วยการสังเวยเลือดของคนบริสุทธิ์นับหมื่นซึ่งเป็นวิธีที่โหดร้ายมาก
เมอร์ลินมองไปที่การควบคุมอสูรธาตุด้วยความสนใจแต่ไม่นานเขาก็เลิกสนใจเนื่องจากมันซับซ้อนเกินไปและต้องใช้เวลาอีกมากที่จะควบคุมอย่างสมบูรณ์
ถึงเมอร์ลินจะไม่ปฏิเสธความรู้แขนงอื่นแต่พลังของควบคุมอสูรธาตุมันไปได้ไม่ไกลนัก ดังนั้นมันจึงไม่มากพอที่จะทําให้เขาสนใจศาสตร์ของมัน
เขากําลังมองหาสิ่งที่ทําให้ชายชราผมเงินมีพลังจิตที่เพิ่มสูงขนาดนั้น แม้เขาจะเป็นแค่พ่อมดพเนจรก็ตาม
“เจอแล้ว!!”
ในส่วนท้ายของม้วนหนังสัตว์ เขาพบวิธีการเพิ่มพลังจิตอย่างรวดเร็วด้วยน้ำยาสูตรพิเศษ
“น้ำยาอสูรมนตรา”
ชื่อของมันฟังดูแปลก ๆ ทําให้เมอร์ลินรู้สึกชอบกล นอกจากนี้มันได้บอกส่วนผสมและวิธีการปรุงไว้อีกด้วย
ในดินแดนมนต์ดํามีศาสตร์ความรู้มากมาย ถึงแม้เขาจะล้มเลิกความตั้งใจในการเรียนรู้วิชาอักษรรูนเพื่อที่จะเอาเวลามาทําสมาธิ
ส่วนศาตร์อื่น ๆ อย่างวิชาเล่นแร่แปรธาตุและวิชาปรุงยา เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ทําให้เขาไม่รู้ว่าส่วนผสมพวกนี้มันมีไว้ทําอะไร
“ดูเหมือว่าฉันจะต้องหาเวลาเรียนรู้เรื่องปรุงยาจากพ่อมดฮาวด์”
เมอร์ลินพอจะรู้จักสมาชิกอย่างเป็นทางการที่อยู่ในหอคอยของลีโออย่างพ่อมดฮาวด์ ตัวเขานั้นได้ทุ่มเวลาทั้งหมดไปกลับการปรุงยา แม้ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเกี่ยวส่วนผสมในสูตรน้ำยาอสูรมนตราแต่พ่อมดฮาวด์ต้องรู้แน่นอน
จากนั้นเขาก็เก็บแหวนวงนี้ไว้อย่างดีและหันมาสนใจคาถาระดับหนึ่งเพลิงพิโรธ
ด้วยพลังจิตของเขาในตอนนี้ มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขาจะทําสําเร็จแต่อย่างน้อยเขาก็ของศึกษามันสักเล็กน้อย
*ครืน ครืน ครืน*
ทันใดนั้นเอง เมอร์ลินรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนในอากาศ จากนั้นอักษรรูนลึกลับได้ปรากฏขึ้นมันได้ก่อตัวเป็นวงแหวนเวทย์รูปทรงประหลาด
จากนั้นใจกลางของวงแหวนเวทย์ได้ปรากฏใบหน้าของพ่อมดลีโอ
“เมอร์ลิน มาที่ห้องของข้า”
จากนั้นเสียงได้หายไป อักษรรูนค่อยจางลงและห้องของเมอร์ลินได้กลับสู่ภาวะปกติ
“ พ่อมดลีโอต้องการอะไร” เมอร์ลินขมวดคิ้ว ปกติพ่อมดลีโอไม่มีทางเรียกใครไปหาเขาหากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนจริง ๆ
เขารีบออกจากห้องด้วยความสงสัย ด้วยความช่วยเหลือของวงแหวนเวทย์ ไม่ช้าเขาก็มาถึงหน้าห้องของพ่อมดลีโอ