ตอนที่ 113
แขนของแร้งที่กําลังยืนไปหามัลคอล์มหยุดชะงักลงกลางอากาศ เขารีบเหลียวหลัง หันหน้าไปมองต้นเสียง
ซูฮยอนเดินออกมาจากกระเพราะของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ โดยใช้มือจ้างเขี้ยวแหล มคมให้เปิดออก
“คิมซูฮยอน”แร้งยนคิ้วขึ้นสูง
ซูฮยอนผู้ถูกคาดการณ์ว่าตายไปแล้ว เดินผงาดออกมาจากปากของอูโรโบรอส ซึ่งหมายความว่า….
<<เขาไม่ได้โจมตีจากภายนอก แต่เลือกโจมตีจากภายใน>>
เลือกต่อสู้จากภายในเหมือนเป็นการเดิมพันบนรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเอาชีวิตของตัวเองไปแขวนบนเส้นด้าย
พิษที่หล่อเลี้ยงอยู่ในร่างกายของอูโรโบรอส รุนแรงถึงขั้นที่ว่าไม่อาจพรรณนาออก มาเป็นคําพูดได้
<<อย่าบอกนะว่า เขารู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าโจมตีภายนอกให้ตายยังไง ก็ไม่มีทางเอาชนะอูโรโบรอสได้?>>
ถ้าเป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ นับว่าซูฮยอนตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด ไม่มีกลวิธีใดสามารถโค่นล้มอูโรโบรอสที่มีร่างกายใหญ่โตจากภายนอกได้
แน่นอนว่าการต่อสู้จากภายในก็รับประกันผลลัพธ์ไม่ได้เช่นกัน ว่าจะสามารถโค่นล้มอูโรโบรอสได้
การกระทําของซูฮยอนเรียกได้ว่าเป็นการเดิมพันอย่างแท้จริง
โอกาสระหว่าง” ศูนย์เปอร์เซ็นต์” และ“ หนึ่งเปอร์เซ็นต์” เป็นตัวเลขที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย แม้ตัวเลขจะดูน้อยนิดไม่สําคัญ แต่อย่างน้อยมันก็มีโอกาสสัมฤทธิผล
“เจ้าใช้กลยุทธ์ใดกันแน่?”
สายตาของแร้งจึงตามองไปทางซูฮยอน พลังเวทย์ชนิดเดียวกันที่เคยกดดันมัลคอล์ม ลอยวนห้อมล้อมซูฮยอน
นอกจากพลังเวทย์ ยังมีนักเวทย์แห่งความมืดจํานวนหนึ่ง แยกย้ายกระจายกําลังออกไปรายล้อมซูฮยอนเอาไว้ด้วยเช่นกัน
“เจ้าสังหารอูโรโบรอสได้ยังไง?”
“จะสนใจไปทําไม มันสําคัญด้วยเหรอ?” ซูฮยอนตอบ
“เจ้าพูดถูก มันไม่สําคัญ”
สําหรับตอนนี้ สิ่งที่สําคัญที่สุดคือการตายของอูโรโบรอส และด้วยเหตุผลนี้เอง อาจทําให้นักเวทย์แห่งความมืดสูญเสียอํานาจทั้งหมดไป
<<ไม่สิ มันยังไม่จบ>>
แร้งละสายตาออกจากร่างซูฮยอนและหันไปมองซากศพของอูโรโบรอส ซึ่งนอนเกยอยู่บริเวณชายฝั่ง
แม้ภาพรวมที่ออกมาจะดูย่ําแย่ แต่สําหรับแร้งมันเปรียบเหมือนพรจากพระเจ้าที่แฝงตัวมามากกว่า
ซากศพของอูโรโบรอสไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้เดียรดาษ ต่อให้ออกค้นหาไปทั่วทวีปจนหมดลมหายใจสุดท้าย ก็ไม่มีทางหาตัวมันพบ
ต้องไม่ลืมว่าเขามีหนังสือเกี่ยวกับการวิจัยคิเมียร่าอยู่ในมือ หน่วยงานสาขาที่วิจัยคิเมียร่าเป็นหลัก สันนิษฐานว่าคิเมียร่าอาจเป็นจุดสูงสุดของศาสตร์แห่งความมืด และการวิจัยก็ดําเนินการมาเนิ่นนานแล้วด้วย
ศพของอูโรโบรอส ผนวกกับสติปัญญาหลักแหลมของมัลคอล์ม…
ไม่แน่ ข้าอาจนําพลังของอูโรโบรอสมาเป็นของตัวเองจริงๆก็ได้!>>
ถ้าเป็นเช่นนั้น ร่างกายแก่ชายเหมือนไม้ใกล้ฝั่งของเขา จะเปลี่ยนสภาพกลายมาเป็นวัยรุ่นแรกแย้มอีกครั้ง
แร้งหยุดจินตนาการที่กําลังเลยเถิดไว้เพียงแค่นั้น ใบหน้าที่เคยโกรธเกรี้ยวคลี่ยิ้มออกมา
เขากําลังเปลี่ยนสถานการณ์ล่อแหลมให้กลายเป็นโอกาส และโอกาสที่ว่านั้นกําลังรออยู่ตรงห
<<ไอ้สารเลวนี้อาจหมดแรงข้าวต้มไปแล้ว>>
ปรายตามองด้วยสายตาเปล่าๆ ก็เห็นได้ชัดว่าผิวของซูฮยอนเริ่มมีความขาวซีดและหมองหม่น
จุดสังเกตที่ตรวจจับได้ยากคือความแข็งแกร่งของซูฮยอน แต่แร้งมั่นใจว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายยกระดับขึ้นพอทําเนา สาเหตุที่ซูฮยอนไม่สามารถซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงได้ แสดงว่าเรี่ยวแรงของเขาคงถดถอยลงไปมาก
ถ้าย้อนกลับไปในอดีต ตอนที่ซูฮยอนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ สถานการณ์อาจแตกต่างออกไปแต่ตอนนี้อีกฝ่ายกําลังอ่อนล้า มีโอกาสสูงที่นักเวทย์แห่งความมืดจะชนะ
“แกอะไรรู้ไหม ฉันดูออกว่าแกกําลังคิดอะไรในหัว” ซูฮยอนกล่าว
ซูฮยอนชักดาบออกมาจากฝักด้วยท่าทีเหี้ยมเกรียม
“โชคเข้าข้างฉันจริงๆ มันช่างเหมาะแก่การทดสอบเป็นอย่างยิ่งและที่สําคัญจะได้ไม่เสียเวลามากเกินไป”
รอยยิ้มมีเลศนัยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากซูฮยอน
ลางสังหรณ์ไม่ดีเป็นสิ่งแรกที่ถาโถมเข้าใส่แร้ง หากมองข้ามผิวขาวซีดและท่าทางอ่อนล้าของซูฮยอน การแสดงออกของซูฮยอนดูกระปรี้กระเปร่ามาก ซึ่งส่วนทางกับสีผิวโดยสิ้นเชิง
แร้งตั้งสติเรียกคืนจิตใจที่ระส่ําระสายให้กลับเข้าที่เข้าทาง เพื่อไม่ให้ตัวเองเกิดความหวาดกลัวจนเผลอก้าวถอยหลัง
เขาฝืนบังคับร่างกายให้ก้าวไปข้างหน้า
“ อย่าลําพองให้มากนัก ความพยายามน่าสมเพชของเจ้าใช้ไม่ได้ผลกับข้า”
วุป!!
แร้งกางแขนทั้ง 2 ข้าง ทันใดนั้นกระแสเวทย์แห่งความมืดเข้าปกคลุมทั่วพื้นที่โดยมีชู ฮยอนเป็นจุดศูนย์กลางไม่นานรอบตัวของซูฮยอนก็มีเวทย์แห่งความมืดหมุนวนโอบล้อม
ครืน!
แรงกดดันกระแทกร่างกายซูฮยอนถอยหลังกลับไป แต่แร้งเชื่อว่าแค่นี้ยังไม่พอ
เขาปริปากออกคําสั่งให้แก่บรรดานักเวทย์แห่งความมืด
“ฆ่าเขาซะ”
นักเวทย์แห่งความมืดพร้อมใจยิ่งเวทย์ของพวกเขาโจมตีไปทางซูฮยอน
โซ่หนาเตอะและหัวสว่านสีดํา กลมกลืมไปกับบรรยากาศที่มืดมิด พวกมันบินตรงหาซู ฮยอนและเล็งจุดสําคัญ
ซูฮยอนสามารถต้านทานการโจมตีจากพลังเวทย์ได้ ดังนั้นแทนที่จะใช้การโจมตีเวทย์แห่งความมืดตามปกติ แร้งจึงหันมาใช้เวทย์รูปธรรมที่จับต้องได้แทน
นักเวทย์แห่งความมืดที่อยู่ที่นี่ ล้วนเป็นนักเวทย์มีชื่อเสียงและอยู่อันดับต้นๆของเมืองโมรอส
ขณะที่โซ่และหัวสว่านจํานวนมากกําลังบินไปหาซูฮยอน จู่ๆพวกมันเบนเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน พลังอันน่าเหลือเชื่อทําให้พวกมันเสียการทรงตัว
โซ่และหัวสว่านถูกตัดเป็นชิ้นๆอย่างสวยงาม เมื่อพวกมันโดนทําลายจนเสียรูปทรง ความแข็งแกร่งที่สะสมอยู่ภายในก็ค่อยๆแห้งเหือดไปและสุดท้ายก็ล่วงลงไปกองกับพื้น
ซูฮยอนเคยคิดว่าหากตกอยู่ในเขตแดนความกดดันของแร้ง เขาจะกระดุกกระดิกนิ้วมือตัวเองไม่ได้แต่พอถึงสถานการณ์จริง เขายังสามารถเหวี่ยงดาบได้อยู่ แม้จะช้ากว่าปกติก็ตาม
“อะไรกัน”
“ขะ…เขาทําได้ยังไง?”
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์น่าตกใจยังไม่หมด
ฉัวะ!!!
ม่านพลังสีดําที่สร้างขึ้นโดยแร้งขาดออกจากกันเป็นช่องว่างเล็กๆ นักเวทย์แห่งความมืดที่อยู่รอบนอกรีบถอยร่นไปด้านหลัง
“ถอยออกมา พยายามเว้นระยะห่างเอาไว้และเตรียมการโจมตีรอบถัดไป”
“นายท่าน เวทย์ชุดต่อไป…”
นักเวทย์แห่งความมืดที่กําลังเรียกร้องให้แร้งร่ายเวทย์ชุดใหม่ แต่อยู่ๆพวกเขาก็รู้ สึกเจ็บแปลบกลางหน้าอก พวกเขาจึงก้มหน้าลงไปมองหน้าอกตนเอง
<<ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? >>
หน้าอกของนักเวทย์แห่งความมืดทุกคน ถูกเฉือนจนกลายเป็นแผลเหวอะหวะ พวกเขาล้มไปกองกับพื้นที่ละคนสองคน เลือดสีแดงเข้มกระฉุดออกมาจากรอบบาดแผล
แร้งยกมือลูบคลําหน้าอกตัวเอง เลือดแดงเถือกเปรอะนิ้วมือ หากไม่ได้เสื้อคลุมเวทย์ปกป้องร่างกายเอาไว้ ขั้วหัวใจของเขาคงถูกฟันขาดครึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“แกนี่มันหนังเหนียวจริงๆ” ซูฮยอนพูด
“จะเจ้า”
ซูฮยอนสะบั้นม่านพลังสีดําและก้าวเดินออกมา การปรากฏตัวของซูฮยอนทําให้ดวงตาแร้งถลนเกือบหลุดจากเบ้า
เนตรที่สามเผยโฉมกลางหน้าผากของซูฮยอน ตามตัวมีเกล็ดสีดําแลยืดหยุ่นเคลือบผิวหนังเอาไว้ทั่วร่างกาย
ยิ่งไปกว่านั้นพลังเวทย์ที่แร้งสัมผัสได้จากตัวของซูฮยอน เข้มข้นหนาแน่นขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
สิ่งที่ประจักษ์ตรงหน้าทนโท่ เขาไม่มีทางเข้าใจผิดแน่
“อะ…อูโรโบรอส?”
“โอ้ว….นับว่าแกมีความจําที่ดี”
“พลังนั่นทําไมเจ้าถึง ”
ซูฮยอนมีพลังของอูโรโบรอส ซึ่งเป็นพลังที่แร้งโหยหามาตลอดสิบปีที่ผ่านมา
นอกจากซูฮยอนจะได้ครอบครองความสามารถทางกายภาพของงูยักษ์นั้นได้แล้ว หัวหน้าเหล่านักเวทย์แห่งความมืด สังเกตเห็นดวงตาเล็กๆกลางหน้าผากของศัตรู
ตาดวงที่สามปรากฏขึ้นกลางหน้าผากซูฮยอน มีลักษณะคล้ายดวงตางูมีพิษ
ดวงตาแลดูเกรงขามและมีอํานาจยิ่งใหญ่ เป็นสัญลักษณ์เด่นของอูโรโบรอส
ต่อให้ใช้วิธีที่บันทึกไว้ในหนังสือวิจัยคิเมียร่า ก็ไม่มีทางดึงสัญลักษณ์อํานาจของอูโรโบรอสมาครอบครองเป็นแน่แท้
แร้งรู้สึกว่าการทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทําการวิจัยหามรุ่งหามค่ําตั้งอดีตมาจนถึงตอนนี้ กลายเป็นไร้ประโยชน์ โดนคนไม่รู้จักพื้นเพชุบมือเป็บตัดหน้าไป
“รู้ไหมพลังของอูโรโบรอสมันน่าทึ่งสุดๆเลยนะ” ซูฮยอนเปิดใช้คุณลักษณะใหม่ที่เพิ่งได้รับมาหมาดๆ
เนตรที่สามจ้องมองไปยังแร้ง “ไม่รู้ว่าแกจะรับมือกับมันได้ไหม”
“ส่งมันมาให้ข้าซะ!!”
พื้นที่ซูฮยอนเหยียบย่ําเริ่มกลายเป็นสีดําผิดธรรมชาติ หิน ดิน ทราย อ่อนยวบชั่วพริบตา
และเมื่อเขาลองก้าวไปข้างหน้า เขารู้สึกว่าร่างกายเหมือนถูกดูดลงไปใต้ดิน
<<ข้าจะฝังแกทั้งเป็น!!>>
แร้งขบกราม มือสองข้างกําแน่น แรงกดดันที่ปล่อยออกมาแกร่งกล้าขึ้นหลายเท่า เท้าซูฮยอนจมดินลึกมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้เท้าซูฮยอนจะจมดิน แต่เขาก็สามารถยกเท้าก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ความเร็วไม่ช้าจนเกินไป กําลังพอดีๆ ราวกับว่าพื้นดินใต้เท้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สีหน้าปราศจากความอลักเอสื่อ
“ทําได้แค่นี้เองเหรอ น่าหัวร่อจริงๆ” ซูฮยอนพูด
แร้งเฝ้ามองซูฮยอนที่กําลังกระเถิบใกล้เข้ามา ร่างกายของเขาเริ่มขยับถอยหลัง
สมาธิของแร้งกระจัดกระจายแตกกระเจิง ผลพลังเวทย์ที่พยายามดูดซูฮยอนในจมดิน เริ่มอ่อนกําลังลงความเร็วในการก้าวเดินของเขาจึงไวขึ้น
“ผู้ใช้อํานาจโดยมิชอบ กดขี่บ้านเมือง จิกหัวสั่งคนนั้นคนนี้ ลองลิ้มรสความรู้สึกเดียวกับผู้อื่นรู้สึกยังไงบ้างล่ะ?” ซูฮยอนพูด
“กะแกเป็นใครกันแน่?”
ซูฮยอนไม่คิดตอบคําถามแร้ง เขาเป็นใครนั้นมันไม่สําคัญเลยสักนิด
“แกถามว่าฉันเป็นใคร แล้วแกเคยรู้จักพวกเขาบ้างไหม ในเมื่อแกเป็นคนลงมือฆ่าพวกเขา?”
“พวกเขา” ที่ซูฮยอนกล่าวถึง หมายถึงผู้เคราะห์ร้ายที่กลายเป็นเครื่องสังเวยให้แก่อูโรโบรอส
“เงียบ? ขอเดาว่าแม้แต่หน้าของพวกเขา แกก็ไม่เคยเห็นและไม่เก็บมาใส่ใจด้วยใช่ไหมล่ะ?”
“เรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง”
วุป!!
เท้าซูฮยอนจมลงไปในดินลึกมากขึ้น
เหงื่อไคลเย็บเฉียบไหล่ท่วมร่างกายของแร้ง เขาเค้นพลังเวทย์สํารองที่กักเก็บไว้ในร่างกายออกมาทั้งหมด เพื่อกดร่างกายซูฮยอนในจมหายไปกับดิน
“เจ้าจะไปรู้อะไร การถูกผู้อื่นเลือกปฏิบัติ มันทนทุกข์ทรมานมากขนาดไหน ไอ้พวกบ้านั้นดูหมิ่นถิ่นแคลนพวกเราสารพัด โดยไม่คํานึกถึงความรู้สึก เพียงเพราะพวกเราเป็นนักเวทย์แห่งความมืดจะทําอะไรก็ได้งั้นเหรอ คนแบบพวกมันสมควรตาย”
เวทย์แห่งความมืด สาขาวิชาแขนงหนึ่งที่ภายหลังกลายมาเป็นเป้าหมายของ การดูถูกรังเกียจและปรามาส
แร้งใช้เวลาทั้งชีวิตเดินบนเส้นทางสายนี้ ดังนั้นความขุ่นเคืองที่สั่งสมมาตลอดหลายปี จึงระเบิดใส่นักเวทย์ที่เคยหยามน้ําหน้าพวกเขา
เขาแบกรับความอัปยศฝืนมีชีวิตเรื่อยมา เขาตั้งปณิธานกับตัวเองเอาไว้ เมื่อใดก็ตามหากได้ครอบครองพลังอันแข็งแกร่ง เขาจะกลับมาลงทัณฑ์นักเวทย์ทุกคนที่เคยด่าสาดเสียเทเสียและสิบปีต่อมา เขาก็เจอะพลังที่ใฝ่หา
พลังนั้นเรียกว่าอูโรโบรอส
“เจ้าหาว่าข้าไม่รู้จักพวกเขาใช้ไหม? สําหรับข้า พวกเขาเป็นคนที่ข้ารู้จักเป็นอย่างดี แววตาที่อัดแน่นไปด้วยความเดียดฉันท์และคําพูดเสียดสีไร้ความปรานีหยั่งรากลึกถึงจิตใจของข้าเจ้าที่ไม่รู้อะไรเลย หยุดทําตัวเป็นพ่อพระแล้วหุบปากซะ”
“แกรู้ไหม สิ่งที่แกทํามันผิด”
ทันใดนั้นเนตรที่สามกลางหน้าผากซูฮยอนที่เปิดแง้มไว้ครึ่งหนึ่ง พลันเปิดกว้างอย่างบัดดล
พลังเนตรที่สามค่อยๆกลืนกินเขตแดนที่แร้งสร้างขึ้น
แร้งตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า เพราะที่ผ่านมามันไม่เคยเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนเขาเพิ่มพลังเวทย์ลงไปในเขตแดน อย่างไรก็ตามความพยายามของเขาไม่สัมฤทธิ์ผลเขตแดนถูกกลืนกินเข้ามาเรื่อยๆ ลองวิธีสารพัดสารพันก็ไม่สามารถป้องกันได้
“อะไรกัน ทําไมถึงเป็นเช่นนี้”
แร้งตระหนกตกใจอย่างสมบูรณ์
เขาพินิจมองเนตรที่สามกลางหน้าผากซูฮยอน เขาไม่มั่นใจว่าความสามารถของมันมีอะไรบ้าง
แต่สถานการณ์ปัจจุบัน แร้งพอทราบสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น
ลบล้างพลังเวทย์
เป็นหนึ่งในรูปแบบความสามารถที่ทําให้เวทย์ของศัตรูเสื่อมสภาพ ซึ่งใช้งานได้ก็ต่อเมื่อระดับ สกิลของศัตรูทัดเทียมกับผู้ใช้หรือต่ํากว่าผู้ใช้
<<แต่เวทย์ของข้าได้ไงกัน?>>
แร้งยอมรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ การทําให้เวทย์ของเขาหายไปราวกับไม่มีตัวตนตั้งแต่ต้น หมายความว่าการฝึกปรือมาตลอดหลายสิบปี สูญเปล่าภายในวันเดียว
ไม่ได้การ จะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
“เคราะห์ร้ายที่แกมาเจอฉัน สําหรับเวทย์แห่งความมืดเผลอๆฉันมีความเข้าใจมากกว่าแกด้วยซ้ํา” ซูฮยอนละสายตาออกจากแร้ง แล้วหันไปมองมัลคอล์ม
“และนั้นเป็นเหตุผลหลักที่ทําให้มัลคอล์มตัดสินใจยอมแพ้ไม่เป็นศัตรูกับฉัน”
ในชีวิตที่ผ่านมาเขามีประสบการณ์รับมือนักเวทย์แห่งความมืดหลายครั้งภายในการทดสอบจากชั้นต่างๆ เว้นคนอย่างมัลคอล์มและกลุ่มคนอื่นอีกจํานวนหนึ่ง ใครก็ตามที่เรียกตนเองว่าเป็นนักเวทย์แห่งความมืดส่วนใหญ่เลวทรามจนกู่ไม่กลับเหมือนกันหมด
อันที่จริงแม้พวกเขาอยากถอนตัวหนีห่างออกมาจากเวทย์แห่งความมืด พวกเขาก็ไม่สามารถทําได้
หนทางเดียวที่พวกเขาทําได้ คือเดินหน้าฝึกฝนศาสตร์มืดต่อไป และการไปถึงจุดสูงสุดของศาสตร์มืดจําเป็นต้องละทิ้งศีลธรรมของมนุษย์
เนื่องจากแขนงศาสตร์มืดถูกวางแบบเช่นนั้นมาตั้งแต่แรก ดังนั้นคนมีจริยธรรมอันดีงานจึงไม่มีใครกล้าร่ําเรียน
แม้ศาสตร์มืดจะขัดหลักศีลธรรม แต่ก็มีผู้คนจํานวนไม่น้อยถูกล่อลวงด้วยเสน่ห์อันเป็น เอกลักษณ์ของศาสตร์มืดไม่ว่าใครก็แล้วแต่ หากได้ร่ําเรียนศาสตร์มืดความเร็วในการยกระดับความแข็งแกร่งจะมากกว่าเวทย์ทั่วไปหลายขุมแต่หารู้ไม่ผลเสียที่ตามมาที่หลังจะค่อยๆย้อนกลับ มาทําร้ายผู้ร่ําเรียน
“แกโดนคนอื่นเลือกปฏิบัติทั้งๆพวกเขาไม่รู้ว่าแกเป็นใคร แกเลยเจ้าคิดเจ้าแค้น หวัง ว่าสักวันหนึ่งจะกลับมาคิดบัญชีภายหลัง รู้ไหมหลักการของแกมันบิดเบี้ยวมันตั้งแต่ต้นแล้ว”
ซูฮยอนก้าวเดินไปหาแร้งและมองชายชราหลังค่อมตรงหน้า “ฉันคิดว่า แกคงรู้อยู่แก่ใจ เหตุใดคนจํานวนมากถึงเลือกปฏิบัติและดูหมิ่นพวกแกนัก”
ดาบของซูฮยอนเริ่มขยับเข้าใกล้เป้าหมาย
แร้งไม่ได้ปิดตาแม้ดาบสีเงินเปล่งประกายจะมาถึงลําคอแล้วก็ตาม การที่เขาสามารถก้าวมาอยู่บนจุดสูงสุดของนักเวทย์แห่งความมืดและกลายมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของบรรดานักเวทย์แห่งความมืดในเมืองโมรอสทุกคนไม่ได้เกิดขึ้นจากความปณิธานครึ่งๆกลางๆ
“ไม่ข้าไม่ผิด”แร้งหันศีรษะมองหน้ามัลคอล์ม
“ข้า”
ฉัวะ..
ริ้วเลือดเส้นบางๆแล่นตามร่างกายของแร้ง
“มะไม่ผิ”
แร้งพูดยังไม่จบประโยคดี ร่างกายถูกฝ่าแยกเป็นสองซีกและค่อยๆไหลลงไปกองกับพื้น
ซูฮยอนไม่ทันได้ยินว่าคําสุดท้ายที่อีกฝ่ายจะสื่อคืออะไร ทําให้เขาก้มมองร่างไร้วิญญาณของแร้งด้วยสีหน้าเศร้าใจเล็กน้อย
ชายชรามีชีวิตอยู่โดยยึดมั่นความเชื่อของตนเอง หากความเชื่อไม่ชักจูงให้เขาหลงผิด ในอนาคตเขาอาจจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง
“ข้าขออธิษฐาน” มัลคอล์มก้มมองศพของแร้งพลางหลับตาลง “เพื่อนของข้า ขอให้เจ้าไปเกิดยังภพภูมิที่ดี”
สิ้นคําอธิษฐาน มัลคอล์มช้อนตามองไปยังซูฮยอน
เนตรที่สามค่อยๆหุบลง เกล็ดที่ห่อหุ้มร่างกายหายวับไปจากชั้นผิวหนัง ร่างกายซูฮยอนซวนเซไปมาจะล้มอยู่รอมร่อ
“เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”มัลคอล์มถาม
“ไม่ครับ ผมสบายดี”
เขาฝืนสังขารของตัวเองมากเกินไป หลังจากต่อสู้กับอูโรโบรอสเสร็จ เขาก็มาปะทะกับแร้งและนักเวทย์แห่งความมืดหลายสิบคนต่อเนื่อง ร่างกายของซูฮยอนจึงสะสมความเหนื่อยล้าไว้เต็มประดา
แต่มันเป็นแค่เหตุผลส่วนหนึ่งเท่านั้น เหตุผลหลักๆทําไมซูฮยอนถึงเหนื่อยล้าผิดปกติ เพราะตัวเองฝืนใช้คุณลักษณะที่พึ่งได้รับมาใหม่ ร่างกายที่ปรับตัวไม่ทัน จึงหมดเรียวแรง
<<ฉันเหลิงตัวเองเกินไปหรือป่าวนะ?>>
แม้ตัวเองจะตัดสินใจเลินเล่อไปบ้าง แต่ก็ทําให้เขาเข้าใจความสามารถคร่าวๆขอ งคุณลักษณะใหม่
ซูฮยอนต้องใช้เวลาอีกประมาณหนึ่ง เพื่อให้ตัวเองปรับตัวให้เข้ากับความสามารถใหม่อย่างสมบูรณ์การตัดสินใจสละคุณลักษณะอิมูกิและเปลี่ยนเป็นลักษณะอูโรโบรอส สําหรับเขาไม่เคยรู้สึก เสียใจ..
<<ต่อไปก็..>>
[อัตราความสําเร็จ : 100 เปอร์เซ็นต์
[คุณพร้อมยุติการทดสอบที่นี่เลยหรือไม่?]
ซูฮยอนมองอัตราความสําเร็จและคิดกับตัวเองในใจ
<<ในที่สุดก็ยุติลงเสียที>>