ตอนที่ 127
พื้นสนามแข่งขันสั่นสะเทือนและเริ่มโค้งงอ สักพักพื้นสนามก็ยกตัวลอยขึ้นไปบนอากาศและคว่ํากลับหัว
ผู้ตื่นขึ้นบางคนแสดงสีหน้าตระหนกออกมาและยืนจังก้าเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้ ฮักจุนที่ยืนอยู่ข้างๆซูฮยอนก็มีท่าทีไม่ต่างจากคนอื่นมากนัก
“อย่าตื่นตระหนก”ซูฮยอนส่ายหัวและจับแขนของฮักจุนเอาไว้ “ไม่มีอะไรต้องกังวล ยืนนิ่งๆก็พอ”
“ครับ?”
ฮักจุนสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ แม้สถานการณ์ในปัจจุบันจะตกอยู่ในความยุ่งเหยิงและความสับสน แต่ผู้ตื่นขึ้นส่วนใหญ่ยังอยู่ในความสงบ ไม่กระโตกกระตาก ฮักจนรู้สึกละอายใจเล็กน้อยที่ตัวเองแสดงอาการตื่นตูมโดยไม่จําเป็น เขาค่อยๆละมือออกจากด้ามดาบและใช้สายตามองพิจารณาภูมิทัศน์ที่กําลังเปลี่ยนไป
พวกเขายืนรออีกประเดี๋ยว ไม่นานสภาพแวดล้อมรอบข้างก็กลายเป็นสีขาวโพลนเหมือนเข้าโลกหอคอยแห่งการทดสอบ..
ซูฮยอนแหงนคอขึ้นมองด้านบน คนที่ยืนอยู่ข้างๆกอร์ดอนโรฮันมีบางอย่างผิดแผกไปจากเดิมเพราะซูฮยอนสังเกตเห็นว่าบริเวณหลังฝ่ามือของจอห์นนี่ แบรด มีวงเวทย์สีม่วงเล็กๆเปล่งประกายรําไรออกมา เหตุการณ์ทั้งหมดต้องเป็นฝีมือของเขาอย่างแน่นอน
“เอาล่ะ เสร็จเรียบร้อย
ฟรี่บ!!!
จอห์นนี่ แบรดหายตัวไปอย่างรวดเร็วเหมือนน้ําค้างยามเพรางาย เมื่อกอร์ดอนโรฮันเห็นว่าคนข้างตัวหายไป เขาจึงตัดสินใจกระโดดลงมาด้านล่างกลางวงผู้ตื่นขึ้นนับร้อยคน
“พวกนายคิดว่าเป็นไงบ้าง? ฉันเตรียมความพร้อมล่วงหน้าเอาไว้นิดหน่อย เพื่องานวันนี้โดยเฉพาะเลยนะ” กอร์ดอนโรฮันพูด
คําพูดของกอร์ดอนโรฮันไม่ถูกต้องซะที่เดียว เพราะมันเกินขอบเขตคําว่า [นิดหน่อย] ไปไกล
สนามแข่งขันทั้งหมดสร้างขึ้นมาจากหินอีเธอร์ระดับต่ํา และ การทําให้ภาพหลอนปก คลุมทั่วสนามยังต้องใช้หินอีเธอร์ระดับกลางอีกหลายก้อน เพื่อให้ได้ผลภาพหลอนคุณภาพสูง….
“ไม่น่าเชื่อว่าบนโลกจะมีไอ้บ้าใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายกับเรื่องแบบนี้ด้วย”
“ความรวยคือความสามารถอย่างหนึ่งของฉันอ่ะนะ” กอร์ดอนโรฮันยิ้มละไมและตอบกลับผู้ตื่นขึ้นคนหนึ่งที่บ่นรําพึง ก่อนกล่าวต่อว่า “อย่างที่พวกคุณทราบกัน ผมเป็นเจ้าภาพหลักของการแข่งขันและก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมด้วยเช่นกัน ดังนั้นผมจึงพยายามตั้งกฏที่ยุติธรรมสําหรับทุกคนขี้นมา”
“นายบอกว่าจะตั้งกฏที่ยุติธรรม? ยุติธรรมกับผีน่ะสิ ภารกิจรอบคัดเลือกถูกเก็บไว้เป็น ความลับแถมกฎรอบชิงชนะเลิศก็ไม่ยอมเปิดเผยอีก”
ผู้ตื่นขึ้นชาวเอเชียคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงไม่สบอารมณ์ เหมือนเขากําลังคิดว่าการแข่งขันจะไม่เกิดความโปร่งใส หากเจ้าภาพหลักอย่างกอร์ดอนโรฮันเข้าร่วมการแข่งขัน
“ภารกิจไม่ได้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของฉัน และก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของจอห์นนี่ แบรดด้วยเช่นกัน”
“หมายความว่าไง?”
“ภารกิจทุกอย่างพวกเราจะใช้วิธีการสุ่ม การจัดตั้งทีมก็เหมือนกัน”
“ทีม…?”
“การแข่งขันใช้รูปแบบทีมอย่างงั้นเหรอ?”
คือ?”
ผู้คนจํานวนมากเริ่มฉงาย…
เกอร์ดอนโรฮันกล่าวตอบ “งานครั้งนี้ มีคนเข้าร่วมด้วยกันทั้งหมด 175 คน ฉะนั้นเราจะแบ่งกันเป็นทีม ทีมละไม่เกิน 5 คน แล้วร่วมหัวแก้ไขภารกิจด้วยกัน”
“พอจะบอกเค้าโครงของภารกิจได้ไหม?”
“อย่างที่เคยพูดไป ภารกิจที่แต่ละคนจะได้รับใช้รูปแบบการสุม และการจัดตั้งทีมก็ใช้รูปแบบการสุ่มเหมือนกัน”
“ภารกิจสุม ทีมสุ่ม ขอถามหน่อยว่านายจะใช้วิธีอะไรในการสุ่ม?”
ดึง!!
หมายเลขตั้งแต่ 1 – 35 ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของทุกคน มีห้าคนที่มีหมายเลขเดียวกันหมา
“ใครที่ได้หมายเลขเหมือนกัน หมายความว่าอยู่ทีมเดียวกัน ยกตัวอย่างฉันได้เลข 35 ฉันก็ต้องจับทีมร่วมกับคนที่ได้เลข 35 เป็นต้น อธิบายไปหมดแล้ว ถึงเวลาแยกย้ายไปหาทีมใครทีมมัน จะได้เริ่มการแข่งขันเสียที เดี๋ยวผู้ชมจะเบื่อเอา”
“นายมีนิสัยกระเหี้ยนกระหือรือ สมกับเป็นจอมเอาแต่ใจตัวพ่อจริงๆ”
“ใครก็ตามที่อยากมีปัญหากับฉัน เพียงแค่ก้าวเท้าออกมาข้างหน้า ฉันจะทําให้คุณขาดคุณสมบัติ และไม่ผ่านการคัดเลือกเอง” กอร์ดอนโรฮันพูดพลางกระดูกมือท้าทาย
ไม่มีผู้ตื่นขึ้นคนไหนใจกล้ามากพอโจมตีกอร์ดอนโรฮันก่อน ผู้ตื่นขึ้นบางคนที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงนัก ก็พอคาดเดาจากท่าทางของกอร์ดอนโรฮันได้ว่าอีกฝ่ายกําลังยั่วยุพวกเขา แต่พวกเขาพยายามหักห้ามใจ ไม่ถลันโจมตีอีกฝ่าย ทุกคนรู้ดีว่าต่อสู้กับกอร์ดอนโรฮันที่นี่ ก็ไม่ทําให้อะไรดีนมา
“ถ้าไม่มีใครก้าวออกมา งั้นมาเริ่มขั้นตอนต่อไปกันเถอะ
สิ้นเสียงของกอร์ดอนโรฮัน ผู้ตื่นขึ้น 5 คนที่มีหมายเลขเดียวกันหายวับไปจากสนามแข่งขันทันควัน ซึ่งหมายเลขที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของพวกเขาเป็นเลข 1 แสดงว่าการทําภารกิจไล่ไปตามลําดับ ซูฮยอนผันหน้าไปมองหมายเลขของฮักจุนและซงฮย็องกิ..
“เลข 17 และ เลข 33 เหรอ…”
“ในหมู่พวกเรา คนที่จะเริ่มต้นทําภารกิจก่อน เหมือนจะเป็นนายนะซูฮยอน”
“นั่นสินะ”
หมายเลขที่ซูฮยอนได้คือเลข 3 เขามองหาผู้ตื่นขึ้นที่ได้หมายเลขเดียวกันเจอแล้ว แต่ในจํานวน 4 คน ซูฮยอนคุ้นหน้าแค่ 2 คนเท่านั้น
<<อีก 2 คน ฉันไม่เคยเห็นเลยแฮะ>>
ปกติซูฮยอนจะจดจําชื่อของผู้ตื่นขึ้นโดยตรง มากกว่ามานั่งจดจําใบหน้าของอีกฝ่าย เหตุผลที่ซูฮยอนจําใบหน้าของเพื่อนร่วมทีม 2 คนได้ เป็นแค่เรื่องบังเอิญล้วนๆ ซูฮยอนไม่ได้รู้ลึกไปถึงนิสัยใจคอของพวกเขา
“กว่าจะถึงรอบของตัวเอง ทุกคนคงเบื่อหน่ายแย่ พวกเรามาดูเหตุการณ์ข้างในฆ่าเวลากันดีกว่า” กอร์ดอนโรฮันพูดเนิบนาบ
เปาะ!!!
ทันทีที่กอร์ดอนโรฮันดีดนิ้ว จอภาพขนาดใหญ่จํานวน 4 จอ ปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวผู้ตื่นขึ้น
บนหน้าจอฉายภาพผู้ตื่นขึ้นกลุ่มหนึ่งที่กําลังเริ่มต้นทําภารกิจรอบคัดเลือกของงานสงครามแก่งแย่งอันดับ กลุ่มของพวกเขาถูกเรียกตัวไปยังสถานที่ไหนสักแห่ง ซึ่งรอบตัวพวกเขาเต็มไปด้วยความมืดมิด
“พวกเขากําลังตกอยู่ในภาพหลอนของจอห์นนี่ แบรดใช่ไหม?”
หากเดาไม่ผิด พื้นที่ที่สร้างขึ้นมาจากภาพหลอน อาจมีโครงสร้างคล้ายๆกับการประเมินแรงค์ S เมื่อเข้าไปเหยียบที่นั้น พวกเขาต้องทําภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สําเร็จ
<<ถ้าฉันเกิดทําลายภาพหลอนขึ้นมา คงถูกตัดสิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย จากการคาดคะเนเป้าหมายคือต้องทําภารกิจให้สําเร็จและหนีออกมา>>
ซูฮยอนเริ่มเข้าใจการแข่งขันรอบคัดเลือกได้คร่าวๆ แต่ปัญหาที่น่ากังวล คือข้อบังคับที่ระบุเมื่อเข้าไปข้างในเนี่ยแหละ
<<เมื่อเริ่มต้นทําภารกิจ ฉันคงต้องทบทวนข้อบังคับในรอบคอบเสียก่อน>>
ซูฮยอนละสายตาออกมาจากจอขนาดใหญ่และมองสังเกตบริเวณรอบตัว เขารู้สึกได้ถึงสายของตาจอห์นนี่ แบรดกําลังเฝ้ามองผู้เข้าแข่งขันจากที่ไหนสักแห่ง
<<จอห์นนี่ แบรด เป็นคนที่น่าทิ้งอย่างแท้จริง>>
นานๆจะมีสักครั้งที่ซูฮยอนชื่นชมคนอื่นออกหน้าออกตา ความเกรียงไกรของจอห์นนี่แบรดไม่ได้เป็นผลมาจากความแข็งแกร่ง แต่เป็นความนึกคิดที่เหนือล้ําผู้อื่นต่างหากที่ทําให้เขามีชื่อเสียง
ความสามารถรอบด้านของจอห์นนี่แบรดส่งผลให้ซูฮยอนประหลาดใจตั้งแต่อดีตยันถึงปัจจุบัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกคนคิดว่าเป็นเพียงจินตนาการไม่มีทางเกิดขึ้นจริง จอห์นนี่แบรดผู้มีความคิดนอกกรอบ แตกต่างไปจากคนอื่น มักเนรมิตจินตนาการให้กลายเป็นความจริงได้เสมอ
<<หมายเลขที่ฉันได้คือเลข 3…>>
ซูฮยอนหันหน้ามองเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆที่มีหมายเลขเดียวกันให้แน่ใจอีกครั้ง ก่อนให้ความสนใจไปยังจอภาพขนาดใหญ่ต่อ…
<<น่าสนุกเหมือนกันแฮะ>>
ภาพที่ฉายอยู่บนจอปัจจุบัน เป็นภามพฝูงมอนสเตอร์หลายสิบตัวกําลังห้อมล้อมผู้เข้าแข่งขันเอาไว้รอบทิศทาง
การทดสอบรอบที่ 2 ในที่สุดก็จบลง..
การทดสอบแต่ละรอบจํากัดเวลาอยู่ที่ 30 นาที ในสนานแข่งขันมีด้วยกันทั้งหมด 35 ทีมหากงานยังดําเนินต่อไปโดยไม่หยุดพักและแต่ละทีมมีเวลาจํากัด 30 นาที กว่าจะทดสอบกันได้ครบทุกทีมต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งวันเต็มเลยทีเดียว
“อย่าประหม่าล่ะ”
“พี่ซูฮยอนทําให้เต็มที่ ผมเอาใจช่วยอยู่นะ”
การทดสอบของทีมหมายเลข 2 ยุติลงเร็วกว่าทีมหมายเลข 1 รอบต่อไปเป็นคราวซูฮยอน
เขาผงกศีรษะให้กับคําให้กําลังใจของฮักจุนและซงฮย็องกิ ทั้ง 5 คนที่ได้หมายเลข 3 เหมือนกันลุกขึ้นเตรียมตัว ไม่นานร่างกายของพวกเขาก็หายไปจากสนามแข่งขันพร้อมกัน
ฮักจุนและซงฮย็องกิที่ยืนอยู่ตรงหน้าหายไปจากครรลองสายตาซูฮยอนอย่างกะทันหันภูมิทัศน์รอบตัวเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง พื้นที่ขาวโพลนกลับกลายเป็นพื้นที่มืดสลัวกําแพงสีเทาหม่นสูงชะลูดยากต่อการวัดระดับโอบล้อมพวกเขาเอาไว้
“ฉากรอบข้างดูเรียบง่ายจัง ไม่มีอะไรน่าดึงดูดเลยสักนิด แถมบรรยากาศรอบๆยังอุดอู้อีก”
“เหมือนพวกเราจะติดแหง็กอยู่ในเขาวงกตนะ”
ผู้ตื่นขึ้นมากความสามารถทั้ง 5 คน ถูกเรียกตัวไปยังสถานที่ทดสอบพร้อมกัน เมื่อมาถึงสิ่งแรกที่พวกเขาทําคือตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัว
สภาพแวดล้อมและจุดประสงค์ของภารกิจแต่ละรอบมีความแตกต่างและไม่ซ้ํากัน ฉะนั้นการทดสอบรอบที่ 1 และ การทดสอบรอบที่ 2 พวกเขาจึงไม่สามารถนําข้อมูลมาใช้อ้างอิงได้..
ซูฮยอนทาบมือลงบนกําแพง เขาปล่อยพลังเวทย์ให้ไหลไปตามฝ่ามือ พลังเวทย์ค่อยๆแทรกซึมไปตามกําแพงทีละนิด ผ่านไปได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขาก็สามารถรับรู้โครงสร้างของเขาวงกตได้คร่าวๆ
ทันใดนั้นเสียงสังเคราะห์ก็ดังมาจากท้องฟ้า
[การทดสอบรอบที่ 3 กําลังเริ่มขึ้น
[คุณต้องหนีออกจากเขาวงกตพร้อมเพื่อนร่วมทีม]
[หากกําแพงเขาวงกตถูกทําลาย กําแพงจะสร้างขึ้นใหม่โดยอัตโนมัติและตําแหน่งทางออกจะถูกสับเปลี่ยน ดังนั้นโปรดระวัง]
[ภายในเขาวงกตคลาคล่ําไปด้วยกับดักและมอนสเตอร์]
[คะแนนความสําเร็จจะถูกคํานวณเมื่อทีมของคุณหนีออกจากเขาวงกตได้สําเร็จ ใครก็ตามที่มีคะแนนมากที่สุดจํานวน 2 คน จะผ่านเข้าสู่การแข่งขันรอบถัดไป]
(หากภารกิจล้มเหลวผู้เข้าร่วมทั้ง 5 คน จะถูกคัดออกจากการแข่งขัน]
(หากคุณสังหารเพื่อนร่วมทีม คุณจะถูกตัดสิทธิ์ทันที)
เสียงสังเคราะห์ที่อธิบายภารกิจให้พวกเขารับทราบ แห้งผาก ไร้ความรู้สึก เหมือนเสียงจากหอคอยแห่งการทดสอบไม่มีผิด
ซูฮยอนรู้สึกถึงมาก ที่มีคนสามารถประยุกต์บรรยากาศการแข่งขันให้เหมือนหอคอยแห่งการทดสอบซึ่งนับว่าน่าสนใจไม่หยอก นอกจากนี้ภารกิจที่กําหนดมาก็ยากเอาเรื่อง
<<ฉันต้องผ่านภารกิจพร้อมเพื่อนร่วมทีมและยังต้องมาแข่งขันกันภายในอีกเหรอเนี่ย>>
เขาจําเป็นต้องประสานงานร่วมกันเป็นทีมและในเวลาเดียวกันยังต้องแข่งขันกันเองภายในอีกซึ่งขั้นตอนค่อนข้างแตกต่างกับการทดสอบในหอคอย เพราะภายในหอคอยไม่มีกฎเช่นนี้
[00:29:48.]
เวลาคงเหลือลอยทนโท่อยู่กลางอากาศ ซึ่งเวลาที่กําหนดก็ยังเป็น 30 นาทีเหมือนอย่างเคย
โชคดีที่ทุกคนไม่ต้องเสียเวลาแนะนําชื่อตัวเอง เพราะบนหัวที่เคยเป็นหมายเลขปัจจุบันเปลี่ยนเป็นชื่อของพวกเขาแต่ละคนเรียบร้อย
“เริ่มกันเลยดีไหม ยิ่งเริ่มต้นเร็ว พวกเราย่อมหาเค้าเงื่อนเบาะแสได้เร็วตามไปด้วย”
“จะแบ่งหน้าที่กันยังไง? แล้วใครจะเป็นผู้นําทีม?”
“ฉันมีสกิลเกี่ยวกับการตรวจค้น จะลองวิธีของฉันก่อนหรือป่าว?”
ผู้ตื่นขึ้นในทีมมีความคิดเห็นแตกต่างกันออกไปตามฉบับของตนเอง ซูฮยอนยืนมองอากัปกิริยาของพวกเขาสักพักและหมุนตัว
“เดี๋ยว!! นายกําลังจะไปไหน?”
“ตามฉันมา” ซูฮยอนพูด
“ตามนายไป? นายจะพาพวกเราไปไหน? พวกเราสามารถเชื่อใจนายได้เหรอ?”
“ฉันเจอทางออกแล้ว สิ่งที่พวกนายควรทํา คือเดินตามฉันมา แค่นั้นก็พอ”
“อะไรนะ?”
เพื่อนร่วมทีม 4 คนแสดงสีหน้างงงันออกมาพร้อมกัน
<<เขาบอกว่าเจอทางออกแล้ว เรื่องจริงเหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?>>
“โครงสร้างของกําแพงออกแบบมาเพื่อให้พลังเวทย์ไหลเวียนไปตามส่วนต่างๆได้อย่างง่ายดายและทั่วถึง สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นคงเป็นเพราะภาพหลอนส่วนหนึ่งสร้างมาจากหินอีเธอร์ล่ะมั้ง”
“นายกําลังจะบอกว่า เข้าใจโครงสร้างของเขาวงกตทั้งหมด ผ่านการปล่อยพลังเวทย์ให้ไหลเวียนไปตามกําแพงอย่างงั้นเหรอ?”
พวกเขาเป็นถึงผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S เรื่องที่ซูฮยอนกล่าวออกมา พวกเขาสามารถทําความเข้าใจได้ อย่างรวดเร็ว
“ถูกต้องนายมีความรู้รอบตัวใช่ได้”
“ต่อให้เป็นอย่างที่นายพูด แต่มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไหนฉันขอลองบ้าง อย่าบอกนะว่าทางออกตั้งอยู่ใกล้ๆ”
การหนีออกจากเขาวงกตไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ยากสําหรับพวกเขาคือกับดักและมอนสเตอร์ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเขาวงกตต่างหาก การที่ซูฮยอนค้นพบทางออกได้รวดเร็ว หมายความว่าทางออกอาจตั้งอยู่ใกล้กว่าที่พวกเขาคิดไว้
พวกเขาทาบมือลงบนกําแพงแล้วปล่อยพลังเวทย์ออกไปเพื่อหาตําแหน่งทางออก ผ่านไปได้สักพักพวกเขาก็ชักมือกลับและขมวดคิ้วจ้องมองซูฮยอน
“โครงสร้างเขาวงกตไม่เห็นเหมือนที่นายพูดเลย”
“นายกล้าหลอกลวงพวกเราเหรอ..”
เพราะคําพูดของซูฮยอนทําให้พวกเขาคิดว่าเขาวงกตน่าจะมีขนาดเล็ก แต่พอทดสอบปล่อยพลังเวทย์ไปตามกําแพง ปรากฏว่าเขาวงกตใหญ่กว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก หากต้องการทราบโครงสร้างของเขาวงกตได้อย่างรวดเร็วและรู้ทุกซอกทุกมุม จําเป็นต้องสูญเสียพลังเวทย์ในร่างกายมหาศาล
อย่างไรก็ตามเขาวงกตมีขนาดใหญ่โตปานนี้ การล่วงรู้โครงสร้างทั้งหมดของเขาวงกตภายในระยะเวลาอันสั้นแทบเป็นไปไม่ได้ การทดสอบเมื่อครู่ทําให้พวกเขารู้คําตอบอยู่แก่ใจ ท่าทางมั่นใจเหลือล้นของซูฮยอน เป็นผลให้พวกเขาคิดไปในทางเดียวกันนั้นก็คืออีกฝ่ายกําลังพูดโกหก
“แล้วแต่พวกนายจะคิด…” ซูฮยอนเมินเฉยต่อทัศนคติของทั้ง 4 คนและเริ่มก้าวไปข้างหน้า
“งั้น ฉันขอไปตามทางของตัวเองละกัน”
“อะไรของแกวะ น่าหมั่นไส้เป็นบ้า”
“ทุกคนสงบอารมณ์ก่อน”
เมื่อเห็นเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงเตรียมเปิดฉากสู้รบตบมือ มิราลด์ผู้ตื่นขึ้นสตรีเพศเพียงคนเดียวในทีมรีบกล่าวปราม ก่อนเรื่องจะลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้
“อย่าพึ่งขุ่นข้องหมองใจกันเลย เดี๋ยวจะพาบรรยากาศในทีมหมองหม่นเอาเปล่าๆ ทุกคนเอางี้เป็นไง พวกเราไม่รู้เส้นทางในเขาวงกตใช่ไหมล่ะ ติดตามเขาไปก่อน ก็ไม่เสียหายอะไร”
“อืม…ที่เธอพูดมาก็ถูก”
“ระหว่างติดตามเขาไป พวกเราสามารถเสาะหาทางออกที่แท้จริงได้ด้วย เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”
ตามความเป็นจริงพวกเขาไม่เต็มใจติดตามซูฮยอนมากนัก ทว่าผลสรุปสุดท้ายพวกเขาก็ต้องตามหาทางออกอย่างที่ภารกิจกําหนดไว้อยู่ดี ในสถานการณ์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ คําแนะนําของมิราลด์จึงเป็นตัวเลือกที่เข้าเค้ามากที่สุด
<<ที่สําคัญ หากชายคนนั้นเจอทางออกก่อน อาจเป็นปัญหา>>
พวกเขา 4 คนต่างคิดไปในทางเดียวกัน..
เมื่อได้ยินเสียงย่ําเท้าของทั้ง 4 คนที่กําลังเดินตามมาด้านหลัง ซูฮยอนอดสายหัวอย่างระอมระอาออกมาไม่ได้
<<การทํางานร่วมกันเป็นทีมเหรอ? หึ..ทีมจอมปลอมล่ะสิไม่ว่า>>
ซูฮยอนตระหนักถึงจุดประสงค์ที่แท้จริง ทําไมจอห์นนี่แบรดถึงคิดค้นภารกิจรูปแบบนี้ออกมา
ทํางานเป็นทีม 5 คน แต่มีแค่ 2 คนเท่านั้น ที่สามารถฝ่าฟันไปยังรอบต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ควรเรียกว่าทํางานเป็นทีม ควรเรียกว่าเป็นการแข่งขันกันเองภายใน จุดประสงค์เพื่อแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันและกัน
<<ห้ามเข่นฆ่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่น>>
คือกฎข้อบังคับที่ระบุออกมาชัดเจนและทุกคนสามารถทําความเข้าใจได้ง่ายๆ
<<ยกเว้นการเข่นฆ่า ผู้เข้าแข่งขันสามารถใช้ยุทธวิธีได้หมดทุกอย่าง เพื่อดันตัวเองให้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป>>
อีกแง่หนึ่งหมายความว่า การแข่งขันไม่มีกฏกติการะบุไว้ตายตัว ต่อให้มีกฎห้ามผู้เข้า แข่งขันฆ่ากันเองแต่กฏข้อนั้นยังมีช่องโหวใหญ่หลวงอยู่