“สนามนบแห่งโชคชะตา!”
ไม่กี่นาทีต่อมา พวกเขาทั้งสี่ก็ยืนอยู่ใจกลางของร้านอาหารสามพัน พื้นถูกปกคลุมด้วยหยกขาว และมีผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่รอบพวกเขา ตรงกลางมีเสาหินสีเขียวที่ทอดตรงไปบนท้องฟ้า นอกจากนี้แสงสีเหลืองสว่างจำนวนมากที่เป็นตัวแทนของพลังแห่งโชคชะตาของมนุษย์ลอยอยู่รอบขอบของอาคารทรงกลม
“ที่นี่มีชื่อว่าอะไร?”
หลู่จือเซินผู้ที่ยังคงมีใบหน้าซีดเซียวและไร้หนวดเคราก็ได้ส่งเสียงออกมาด้วยความสับสน
“ตามชื่อสนามรบแห่งโชคชะตา มันน่าจะเป็นสถานที่ที่ต่อสู้เพื่อแสงจากโชคชะตา”
“อย่างไรก็ตามพูดตามตรงเลย นอกเหนือจากฟังก์ชั่น ‘สนามรบ’ หนึ่งในเป้าหมายของมันก็คือการอำนวยความสะดวกในการสื่อสารระหว่างอารยธรรมที่แตกต่างกันของมนุษย์”
เสียงที่ชัดเจนราวกับเสียงในฤดูใบไม้ผลิบนภูเขาก็ดังขึ้นในหูของจีเย่ทำให้เขาดำดิ่งสู่ความคิด
เมื่อหันไปรอบๆ เขาก็เห็นหญิงสาวร่างผอมเพรียวชุดม่วงที่ยาวถึงพื้น รูปลักษณ์ของเธอไม่สามารถอธิบายได้ว่างดงามยังไง แต่เธอก็มีกลิ่นอายของความเป็นอมตะ
“ผู้จัดการ!”
บริกรที่อยู่ข้างหลังจีเย่และหลู่จือเซินก็โค้งคำนับในทันทีเมื่อเห็นหญิงสาวชุดม่วง
หลังจากนั้นพวกเขาก็รู้ตัวตนของหญิงสาวจากการแนะนำของเขา เธอคือ ‘ผู้จัดการ’ ของร้านอาหารสามพัน!
ระดับสูงสุดของร้านอาหารสามพันก็คือ ‘เจ้านาย’ ที่บริกรกล่าวถึงก่อนหน้านี้ แน่นอนอาจเรียกว่า ‘เจ้าของร้านอาหาร’ ก็ได้
ถัดมาก็คือ ‘ผู้จัดการ’ บางคนที่จัดการร้านอาหารสามพันในเมืองแห่งมนุษย์แห่งอื่น
“เจ้านายกล่าวว่าที่นี่มีแขกผู้มีเกียรติอสองคนอยู่ที่นี่ แต่ฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีถึงสามคน ขอโทษสำหรับการต้อนรับที่ไม่ดีของฉัน!”
ผู้จัดการสาวชุดม่วงยิ้มและกล่าวออกมา ท่าทางของเธอดูคล้ายกับของคนที่เป็นอมตะ
มันจะทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับเทพธิดาจากสวรรค์หลุดลงมายังโลกมนุษย์ซึ่งทำให้ผู้เล่นเมืองหยางบางคนที่แอบดูรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
“พี่สาวผู้จัดการสวยมาก!”
“คุณหมายความว่าอะไรในตอนที่คุณกล่าววว่าสนามรบแห่งโชคชะตาสามารถอำนวยความสะดวกในการสื่อสารระหว่างอารยธรรมของมนุษย์?”
หนิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มในขณะที่เธอยิ้ม
เธอเรียกตัวเองว่า ‘หยูหลง’ เธออธิบายว่า “นี่เป็นเพราะสนามรบแห่งโชคชะตาแตกต่างจากสนามรบทั่วไป”
“อันที่จริงแล้วสนามรบถูกเรียกว่าโลกขนาดเล็กที่ก่อตัวขึ้นจากพลังแห่งโชคชะตา”
“ภูมิหลังของสนามรบแต่ละแห่งก่อตัวขึ้นจากกหลอมรวมของพลังแห่งโชคชะตาจากอารยธรรทื่กำลังต่อสู้”
“ดังนั้นในโลกสนามรบเหล่านี้ มนุษย์จากอารยธรรมที่แตกต่างกันจะสามารถเข้าใจวีรบุรุษและการกระทำของแต่ละฝ่ายได้…”
“วีรบุรุษในอารยธรรมมีร่างกายที่แท้จริงงของพวกเขามั้ย?”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าของจีเย่ก็เปลี่ยนไป
หากเป็นแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับวีรบุรุษที่มีชื่อเสียงบางคนล่วงหน้าหรอกเหรอ?
“มันเป็นเพียง ‘ภาพฉาย’ ที่ใช้พลังแห่งโชคชะตาเพื่อย่อรูปแบบและพรสวรรค์ของพวกเขา มันไม่ใช่ร่างกายที่แท้จริงของพวกเขา อย่างไรก็ตามพวกเขายังมีความสามารถบางอย่างของพวกเขา อันที่จริงในบางกรณีพวกเขาอาจแม้กระทั่งแข็งแกร่งกว่าร่างกายที่แท้จริง”
ผู้จัดการชุดม่วงหยูหลงส่ายหัว
“เนื่องจากมันถูกเรียกว่า ‘สนามรบ’ จึงต้องมีผู้ชนะ ผู้แพ้และรางวัลใช่มั้ย?” จีเย่เอ่ยถาม
“แขกผู้มีเกียรติ คุณเป็นคนที่ฉลาดจริงๆ!”
“ถูกต้อง หลังจากที่เข้าไปในสนามรบแห่งโชคชะตา เมื่อมีคนตาย พวกเขาก็จะออกจากเมืองแห่งมนุษย์ มีเพียงการได้รับอนุญาตให้เข้าอีกครั้งถึงจะสามารถเข้าเมืองแห่งมนุษย์ได้ ไอเทมทั้งหมดที่นำมาจะเป็นของผู้ชนะ ที่สำคัญก็คือถิ่นฐานของผู้แพ้และแม้กระทั่งพลังแห้งโชคชะตาจากอารยธรรมก็จะลอยไปหาผู้ชนะ”
ผู้จัดการสาวชุดม่วงอธิบาย
“ฉันเข้าใจแล้ว มันหมายความว่านี่คือสนามรบที่เราสามารถต่อสู้กับมนุษย์ต่างเพื่อพลังแห่งโชคชะตา!”
หนิงหลิงเบิกตากว้างหลังจากที่ตระหนักถึงเรื่องนี้
“พูดตามตรง ส่วนใหญ่เป็นการต่อสู้ระหว่างมนุษย์!”
อย่างไรก็ตามคำกล่าวของผู้จัดการสาวชุดม่วงก็ทำให้ทุกคนตกตะลึง
“ระหว่างมนุษย์งั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าสร้างเมืองแห่งมนุษย์ขึ้นมาเพื่อกระจายทรัพยากรมนุษย์และให้มนุษย์ได้พัฒนาอย่างสมเหตุสมผลหรอกขึ้น? การต่อสู้แบบบนี้จะไม่ทำให้ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของมนุษย์ลดลงเหรอ?” จีเย่เอ่ยถามด้วยความสับสน
“เหตุผลแรก การแข่งขันและแม้กระทั่งความเกลียดชังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในทุกสายพันธุ์ การมีช่องทางที่สามารถอนุญาตให้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันนั้นเป็นเรื่องดีกว่าการจำกัดพวกเขา”
“เหตุผลข้อสอง การสูญเสียโชคชะตาที่เกิดจากสงครามระหว่างสายพันธุ์เดียวกันไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ดีกว่าเสียให้กับมนุษย์ต่างดาว”
“เหตุผลข้อสาม สนามรบแห่งโชคชะตานี้ก็เหมือนกับเหรียญอารยธรรม มันไม่ได้ถูกควบคุมโดยสายพันธุ์ไหนเลย มันมีกฏการทำงานของมัน”
“การแข่งขันภายในก็เป็นการต่อสู้ประเภทหนึ่งเช่นกัน หลังจากการแข่งขันบางครั้ง การจะเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวบนสนามรบแห่งโชคชะตาก็เป็นเรื่องธรรมดา”
“เมื่อคุณได้รับชัยชนะ คุณก็จะได้รับแสงจากโชคชะตาของถิ่นฐานมนุษย์ต่างดาวที่มีศักยภาพมากที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นการต่อสู้ที่แท้จริงระหว่างสายพันธุ์ การต่อสู้ระหว่างผู้ที่มีศักยภาพมากที่สุด!”
ผู้จัดการสาวชุดม่วงอธิบายอีกครั้ง
“ฉันเข้าใจแล้ว!”
พวกเขาพยักหน้า
อย่างไรก็ตามจีเย่รู้ว่าเมืองแห่งมนุษย์สนับสนุน ‘การแข่งขันภายใน’ เช่นนี้
นี่เป็นเพราะถิ่นฐานของมนุษย์ส่วนหนึ่งจะต้องพ่ายแพ้ในการแข่งขันกับมนุษย์ต่างดาว
แทนที่จะปล่อยให้โชคชะตาส่วนหนึ่งลอยออกไปและเป็นประโยชน์ต่อสายพันธุ์อื่น มันเป็นเรื่องดีกว่าที่จะถ่ายโอนแสงจากโชคชะตาและทรัพยากรบางส่วนในถิ่นฐานที่ค่อนข้างอ่อนแอไปให้ถิ่นฐานมนุษย์ที่มีศักยภาพมากกว่า!
ถิ่นฐานไหนมี ‘ศักยภาพ’ มากกว่ากันล่ะ?
ถ้าอย่างนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับผู้ถูกเลือกและวีรบุรุษที่เป็นตัวแืนของอารยธรรมมนุษย์ที่เข้าสู่สนามรบแห่งโชคชะตา
ผู้ชนะย่อมมีศักยภาพและมีประโยชน์มากกว่า
นี่เป็นเพราะสำหรับถิ่นฐาน เมื่อพวกเขาได้รับพลังแห่งโชคชะตามากขึ้น พวกเขาก็จะสามารถพัฒนาได้เร็วยิ่งขึ้นและปราบปรามมนุษย์ต่างดาวในการแข่งขันสิบสายพันธุ์!
สำหรับผู้คนในถิ่นฐาน พวกเขาจะสามารถได้รับอาวุธและทรัพยากรที่ยอดเยี่ยมจำนวนมาก
ในอีกด้านหนึ่ง ประโยชน์ของการสังหารผู้เล่นและสังหารมอนเตอร์นั้นแตกต่างกัน!
และสำหรับผู้แพ้ มันก็ไม่ได้โหดร้ายเกินไป
นี่เป็นเพราะสิ่งที่เข้ามาในเมืองแห่งมนุษย์ก็คือร่างกายที่เปลี่ยนจากพลังแห่งโชคชะตาของถิ่นฐาน ร่างกายที่แท้จริงยังคงอยู่ภายในถิ่นฐาน ดังนั้นพวกเขาจะไม่ตายอย่างแท้จริง มีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาอีกครั้ง!
“ยังไงก็ตามยังมีข้อดีอีกอย่างหนึ่ง การไหลเวียนของเวลาที่นี่นั้นแตกต่างจากภายนอก แม้ว่าที่นี่จะผ่านไปหลายเดือน แต่ภายนอกก็จะผ่านไปเพียงครึ่งวัน”
“เรื่องนี้คล้ายกับการบ่มเพาะด้วยค่าประสบการณ์ แต่มันมีประโยชน์ยิ่งกว่าค่าประสบการณ์ นี่เป็นเพราะในสนามรบแห่งโชคชะตา มีตำนานมากมายและแม้กระทั่งภาพฉายของวีรบุรุษในตำนานจากอารยธรรมมนุษย์ แม้ว่าความแข็งแกร่งและระดับของพวกเขาจะไม่ทรงพลังเท่ากับร่างกายที่แท้จริงของพวกเขา แต่หากคุณได้รับคำแนะนำจากพวกเขา มันก็จะเป็นสิ่งที่บางคนต้องการ!” ผู้จัดการสาวชุดม่วงกล่าวด้วยเสียงที่ราวกับสวรรค์
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามสิ่งที่ฉันรู้ มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับไอเทมพิเศษบางชิ้นจากวีรบุรุษเหล่านี้ ถิ่นฐานของคุณก็จะกลายเป็นตัวเลือกที่พวกเขาจะลงมาในอนาคต!”