อย่างไรก็ตามยังมีศิษย์นิกายง้อไบ๊สองคนที่มีชื่อเสียงซึ่งมีสกุลโจว
ยิ่งไปกว่านั้นในทางทฤษฏีแล้ว ไม่มีใครควรถูกอัญเชิญลงมาในระดับวิสามัญ!
จีเย่รู้สึกงงงวย
นี่เป็นเพราะศิษย์ของนิกายง้อไบ๊ซึ่งมีสกุลโจงและควรค่าแก่การยกย่องของเด็กสาวหมากฝรั่งก็จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโจวชิงอวิ๋นจากศึกเทพยุทธภูผาซู หรือโจวจี้เยียกจ้าวนิกายง้อไบ๊ผู้ที่ต่อมารู้จักกันในนาม ‘ผู้ฝึกศึลปะการต่อสู้อันดับหนึ่งของโลก’!
อย่างไรก็ตามสองคนนี้มีพลังมากในตอนที่พวกเขาอายุเยอะ นอกจากนี้พวกเขาก็ยังได้รับความนิยมอย่างมาก
ในทางทฤษฏีแล้วมีเพียงคำอธิบายเดียวสำหรับการถูกอัญเชิญมาถิ่นฐานในระดับปัจจุบันก็คือการอัญเชิญผ่านการ ‘ลดระดับ’!
ตามข้อมูลที่เขาได้รับจากสำนักงานสมาพันธ์ วีรบุรุษบางคนเลือกที่จะลงไปถิ่นฐานของคนรักของพวกเขาที่ตกอยู่ในสถานการณ์ ‘คับขัน’ เช่นในตอนที่คนรักของพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของมนุษย์ต่างดาว
อย่างไรก็ตามหากพวกเขาทำแบบนั้น พวกเขาจะถูกลงโทษเหมือนลุงเก้า
ข้อแรก พวกเขาจะสูญเสียความทรงจำส่วนใหญ่ของพวกเขา เช่น สกิลและเทคนิคระดับสูง
ข้อสอง เนื่องจากวิญญาณแห่งอารยธรรมนั้นขาดแคลนพลังงานในการอัญเชิญพวกเขาลงมา มันจึงสางผลต่อความแข็งแกร่งและแม้กระทั่งศักยภาพของพวกเขา
เป็นผลให้สถานการณ์ดังกล่าวแทบจะไม่เกิดขึ้น
แต่ในตอนนี้จีเย่คาดเดาว่าเขาพบเจอกับตัวอย่างดังกล่าว
“พี่สาวโจว เราจะแลกเปลี่ยนอะไรเหรอ?”
เด็กสาวชุดเหลืองที่แนะนำตัวเองว่า ‘หนิงหลิง’ มองไปที่ทรัพยากรของภูเขามังกรคู่บนโต๊ะและเอ่ยถามหญิงสาวชุดเขียวด้วยความสงสัย
“ผลเมล็ดสีชาด นมศิลา ของเหลววิญญาณ!”
ศิษย์นิกายง้อไบ๊ที่ถูกเรียกว่า ‘พี่สาวโจว’ กล่าวออกมา
“ทั้งสามอย่างเลยเหรอ?”
จีเย่มองไปที่หญิงสาวชุดเขียว
ทรัพยากรทั้งสามของภูเขามังกรคู่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในแต่ละด้าน คนธรรมดาหรือแม้กระทั่งวีรบุรุษจะมุ่งเน้นไปด้านใดด้านหนึ่ง มีเพียงวีรบุรุษชั้นนำที่มีความทะเยอทะยานเท่านั้นที่จะต้องการไอเทมทั้งสามชิ้น
“หากคุณอยากได้ทั้งสามเลยก็ไม่เป็นไร คุณมีอะไรมาแลกเปลี่ยนล่ะ?” จีเย่เอ่ยถาม
“นี่น่าจะพอนะ!”
หนังสือปกสีน้ำเงินถูกโยนลงบนโต๊ะ
[ศิลปะเก้าหยาง]
[ระดับ : วิสามัญ]
[ขั้น : เหนือชั้น]
[รายละเอียด : วิธีการบ่มเพาะพลังภายในของนิกายง้อไบ๊ มันเป็นความรู้ความเข้าใจของผู้ก่อตั้งจากเทคนิคการต่อสู้ระดับวิสามัญขั้นสมบูรณ์ มันสามารถทำให้พลังภายในที่บ่มเพาะได้รับคุณสมบัติหยาง หนังสือเล่มนี้มีเฉพาะในระดับวิสามัญเท่านั้น แต่มันก็มีบันทึกของผู้เขียน]
เป็นโจวจี้เยียกตามที่คาดไว้!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ จีเย่ก็มั่นใจตัวตนของหญิงสาว
ท้ายที่สุดแล้วคนเดียวที่สามารถโยนเทคนิคบ่มเพาะพลังภายในของนิกายง้อไบ๊ก็คือพี่สาวโจวจ้าวนิกายง้อไบ๊
นี่เป็นเพราะเทคนิคการบ่มเพาะในดินแดนแห่งมรดกไม่สามารถมอบให้ได้
ตามที่ลุงเก้ากล่าว หากเขาไม่ทำตามเงื่อนไขบางอย่าง การให้เทคนิคการบ่มเพาะแก่ผู้อื่นจะทำให้เขาต้องเสียค่าประสบการณ์ไปจำนวนหนึ่งและแม้กระทั่งความก้าวหน้าของเทคนิคการบ่มเพาะ
ยิ่งไปกว่านั้นความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับเทคนิคการบ่มเพาะก็ต้องถึงระดับที่เหมาะสมก่อนที่เขาจะสามารถเขียนเทคนิคการบ่มเพาะที่ได้รับการยอมรับจากดินแดนแห่งมรดก
“แน่นอน!”
“แล้วผลเมล็ดสีชาด ขวดนมศิลา และขวดของเหลววิญญารเท่าไหร่ล่ะ?
จีเย่พยักหน้าให้กับใบหน้าที่แสนธรรมดาของหญิงสาวชุดเขียว
จีเย่รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้
ท้ายที่สุดแล้วในผลงานต้นฉบับ คนคนนี้ได้ถูกอธิบายไว้ว่า ‘บริสุทธิ์ราวกับเทพธิดา ขาวราวกับหิมะ เทพธิดาที่จุติลงมายังโลกมนุษย์ในขณะที่ยังคงความเย็นชาและห่างเหิน’
นอกเหนือจากนั้นจีเย่ก็รู้สึกว่าน่าเสียดายเล็กน้อย
เทคนิคศิลปะการต่อสู้ที่ ‘ปรมจารย์นักศิลปะการต่อสู้อันดับหนึ่ง’ เชี่ยวชาญในเวลาต่อมาก็คือ ‘ดาบสวรรค์’ นั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในนิยายศิลปะการต่อสู้ มีโอกาสมากที่เธอจะจำมันไม่ได้เนื่องจากการ ‘ถูกลดระดับ’
ไม่อย่างนั้นเขาคงสามารถได้รับส่วนแรกของเทคนิคการบ่มเพาะขั้นสมบูรณ์ผ่านการแลกเปลี่ยน!
“มันไม่เพียงพอ!”
โจวจี้เยียกส่ายหัวของเธอ
เทคนิคการบ่มเพาะระดับวิสามัญนั้นหายากมาก เทคนิคการบ่มเพาะนี้ยังมีแม้กระทั่งข้อมูลเชิงลึกส่วนหนึ่งของเธอด้วย ไอเทมจากภูเขามังกรคู่นั้นไม่มีค่าพอที่จะแลกเปลี่ยน
“ถ้าอย่างนั้นลองดูสิ่งนี้ในขณะที่ส่วนที่เหลือจะแลกเปลี่ยนกับบางสิ่งตกลงมั้ย?”
จีเย่เอาผลเมล็ดสีชาดที่ที่สีเข้มยิ่งกว่าผลเมล็ดสีชาดบนโต๊ะออกมา นอกจากนี้มันยังส่งกลิ่นหอมสดชื่นที่ทำให้ทุกคนที่ได้กลิ่นสดชื่น
[ผลไม้สีชาด (เทียม)]
[ระดับ : วิสามัญอันดับ 3]
[ขั้น : เหนือชั้น (หายาก)]
[รายละเอียด : ผลไม้ที่กลั่นจากแก่นแท้ของต้นเมล็ดสีชาด มันมีส่วนหนึ่งของลักษณะชองผลไม้สีชาด หลังจากกินมัน ผู้กินจะได้รับภูมิคุ้มกันต่อสารพิษบางชนิดอย่างถาวร]
หลังจากใช้คริสตัลต้นเถาวัลย์วิญญาณกระหายเลือดร้อยปี ต้นเมล็ดสีชาดก็เพิ่มระดับ หลังจากที่มันพัฒนาขึ้น นอกเหนือจากผลเมล็ดสีชาด มันยังผลิตผลไม้สีชาด (เทียม) ระดับสูงกว่าผลเมล็ดสีชาดอีกจำนวนหนึ่ง หลังจากกินพวกมันจะสามารถได้รับภูมิคุ้มกันต่อสารพิษอย่างถาวร
“ตกลง!”
สีหน้าของโจวจี้เยียกเปลี่ยนไปในขณะที่เธอพยักหน้า
หลังจากแลกเปลี่ยนหนิงหลิงและโจวจี้เยียกก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่บนโต๊ะของภูเขามังกรคู่แล้ว
นี่เป็นเพราะเจ้าอ้วนจูได้เข้ามาแล้ว และเป็นตัวแทนของคาตาร์รีน่าเพื่อยอมรับเงื่อนไขก่อนหน้านี้ของจีเย่ เขาเอาทรัพยากรส่วนใหญ่ไป
“ยังไงก็ตามพี่ชายจี เราสามารถเพิ่มเพื่อนกันได้มั้ย?”
หลังจากทำธุรกรรมเสร็จสิ้น หนิงหลิงชุดเหลืองก็นึกถึงบางอย่างและยิ้มให้กับจีเย่
“เพื่อน?”
จีเย่ตกตะลึง
“นี่คือบัตรของเมืองแห่งมนุษย์!”
“ทั้งสองฝ่ายสามารถลงทะเบียนกันและกันผ่านบัตร บันทึกอีกฝ่าย ตราบใดที่พี่อยู่ในเมืองแห่งมนุษย์ พี่จะสามารถได้รับความสามารถในการสื่อสารกับอีกฝ่ายได้โดยการใช้เหรียญอารยธรรม!”
“ยิ่งไปกว่านั้นครั้งต่อไปที่เราเข้าสู่เมืองแห่งมนุษย์ ก็มีโอกาสสูงที่เราจะถูกกำหนดให้อยู่เมืองเดียวกัน”
หนิงหลิงโบก ‘บัตร’ เงินในมือของเธออย่างใจจดใจจ่อ!
“ได้เลย!”
จีเย่ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธเรื่องนี้
นี่เป็นเพราะตัวตนของโจวจี้เยียก วีรบุรุษที่มาไวเกินกว่าที่คาด แม้ว่าเด็กสาวชุดเหลือง หนิงหลิงจะดูไม่น่าเชื่อถือ แต่โอกาสที่พวกเขาจะชนะในการแข่งขันสิบสายพันธุ์ก็สูงมาก
เป็นไปได้มากที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ทำงานด้วยกันต่อในอนาคต
“ว้าววว มันคือบัตรทองเหมือนกับพี่สาวโจว!”
“ของฉันเป็นแค่บัตรเงินเอง!”
หนิงหลิงกล่าวอย่างอิจฉาเมื่อเธอเห็รบัตรของจีเย่
แม้แต่สีหน้าที่ซ่อนอยู่ของโจวจี้เยียกก็เปลี่ยนไป
เธอเข้าใจความสำคัญของบัตรทองเป็นอย่างดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นบัตรทองในมือของผู้ถูกเลือก!
อย่างไรก็ตามเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ การตั้งค่าของบัตรทองแดง เงิน และทองในเมืองแห่งมนุษย์ดูเหมือนจะจงใจสร้าง ‘ความแตกต่างของลำดับชั้น’ ที่กระตุ้นความสามารถในการแข่งขันของผู้คน
ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ไม่ได้รับบัตรทองจะไม่สามารถได้รับอีกในอนาคต!
“ใช่แล้ว!
“พี่ชายจี เราเพิ่งเห็นสนามรบแห่งโชคชะตาที่น่าสนุกมากที่นั่น”
“พี่ได้แลกเปลี่ยนทรัพยากรทั้งหมดแล้ว ทำไมเราไม่ลองไปดูล่ะ?”
หลังจากทั้งสองฝ่ายเพิ่ม ‘เพื่อน’ กันแล้ว ทันใดนั้นหนิงหลิงก็นึกถึงบางสิ่งและยิ้มกว้างให้กับจีเย่