“ชื่อ?”
“อู่เฉี่ยว!”
“อาชีพบนโลกของคุณ?”
“ฉันเป็นนักกายกรรม!”
“คุณมาจากกลุ่มที่สอง?”
“กลุ่มแรก ฉัน… ฉันผ่านบทสอบครั้งแรก!”
ในขณะที่หมอกแสงสีเหลืองสว่างแห่งโชคชะตาจางหายไปต่อหน้าเขา จีเย่ก็ได้ยินเสียงหารพูดคุย
“เอ๊ะ!”
“ท่านกลับมาแล้วเหรอ?”
เมื่อการมองเห็นของเขาฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ สิ่งที่เขาเห็นเป็นอย่างแรกก็คือซูนงอิ๋งผู้ที่ดูเหมือนจะค่อนข้างดีใจ
เนื่องจากหนังสือทะเบียนซึ่งเป็นอุปกรณ์เริ่มต้นของเธอ เธอจึงต้องอยู่รอบวัดแห่งโชคชะตา ซูนงอิ๋งจึงได้ย้ายมาทำงานที่นี่ซึ่งเธอจะได้ตรวจสอบและลงทะเบียนคนที่เพิ่งเข้ามาในถิ่นฐาน!
“อืมมม ท่านหัวหน้า?”
ในขณะนี้ ผู้เล่นหญิงคนใหม่ที่มีหุ่นเซ็กซี่กำลังอยู่ในระหว่างการลงทะเบียน
“อุปกรณ์เยอะมาก คุณไปที่สนามรบแห่งโชคชะตาและชนะงั้นเหรอ?”
เมื่อมองไปที่ไอเทมระดับวิสามัญที่เห็นได้ชัดเจน รวมถึงซองดาบหยกขาว น้ำเต้าพิษ ดาบงูดำ และกระบี่ภูเขาทมิฬซึ่งถูกเคลื่อนย้ายกลับมายังถิ่นฐานพร้อมกับจีเย่ นัยน์ตาของผู้เล่นหญิงก็หดลง
“เธอเป็นผู้ทดสอบเบต้างั้นเหรอ?”
จีเย่อดไม่ได้ที่จะสังเกตผู้เล่นหญิงด้วยเช่นกัน
นักกายกรรมเป็นอาชีพที่มีหมวดหมู่ย่อยมากมาย อย่างไรก็ตามหากเธออยู่ในบรรดากลุ่มแรก ก็หมายความว่าอย่างน้อยเธอก็เป็นหนึ่งในคนที่เก่งที่สุดในหมวดหมู่ย่อยเหล่านั้น อย่างน้อยหนึ่งหมวดหมู่!
นอกจากนี้เนื่องจากเธอผ่านบททดสอบเบต้าก็หมายความว่าจิตใตของเธอนั้นอยู่ในระดับที่ดีที่สุดเช่นกัน
บุคคลเช่นนี้ถูกสังหารในการต่อสู้ด้วยเหรอ?
แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกเท่าไหร่
แม้ว่าเวลาจะไหลเร็วขึ้นในสนามรบแห่งโชคชะตา แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกโลกจะไหลเร็วกว่าหลายสิบเท่า
เมื่อนับเวลา เขาก็ตระหนักว่าเป็นเวลาเกือบสามวันแล้วนับตั้งแต่ที่เขาออกจากภูเขามังกรคู่!
เมืองแห่งมนุษย์ต่างดาวและเมืองแห่งมนุษย์นั้นเปิดในเวลาเดียวกัน ดังนั้นมนุษย์ต่างดาวจำนวนมากที่ไม่ได้เข้าสู่สนามรบแห่งโชคชะตาจึงเริ่มโจมตีอย่างรุนแรงหลังจากที่พวกมันแลกเปลี่ยนทรัพยากรเสร็จ
ถิ่นฐานซึ่งยังไม่ถึงอันดับ 2 แทบจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีของพวกมันได้
จีเย่มีคำถามบางอย่างที่เขาอยากจะถามผู้มาใหม่ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามหลังจากครุ่นคิดสักพักหนึ่ง
ตอนนี้เขาก็ได้มอบอำนาจให้กับซูนงอิ๋ง เขาต้องเชื่อมั่นว่าเธอจะสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นจีเย่จึงพยักหน้าให้กับซูนงอิ๋งและกล่าวคำใบ้กับเธอ จากนั้นเขาก็หันกลับไปที่ห่องของเขาพร้อมกับไอเทมทั้งหมด
[คุณได้รับผ้าคลุ่มหน้า(ของที่ระลึกของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน) ยันต์บ่มเพาะดาบ (ของที่ระลึกของหยานซีเซีย) และ…]
หลังจากเก็บไอเทมอื่นทั้งหมด จีเย่ก็หยิบไอเทมพิเศษสามชิ้นขึ้นมา
“ปรมจารย์หนุ่ม หากมีชาติหน้าฉันอยากจะเป็นคนรับใช้ของคุณและรับใช้คุณไปชั่วชีวิต!”
เมื่อเขาคว้าผ้าคลุมหน้าสีขาว คำพูดที่เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนทิ้งไปก่อนเข้าประตูการเกิดใหม่ เขาก็ได้ยินคำพูดนั้นในหูของเขา
ในทางทฤษฏี เขาสามารถนำเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนมาภูเขามังกรคู่ได้โดยไม่ต้องมีเครื่องบูชายัญที่หายากตราบใดที่เขามีสิ่งนี้
อย่างไรก็ตามของที่ระลึกก็เป็นเพียงของที่ละรึก
ในทางทฤษฏี เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนอาจจะไปถิ่นฐานบางแห่งที่เหมาะกับระดับของเธอ
นอกจากนี้แม้ว่าเธอจะถูกนำทางมาที่นี่โดยตรง และเธอก็ฟื้นฟูความทรงจำของตัวเองขึ้นมา คนที่เธอหลงรักก็น่าจะเป็นหนิงไฉ่เฉินนักวิชาการผู้โชคร้าย
ดังนั้นของที่ระลึกจึงสามารถเก็บไว้เป็นสิ่งเตือนใจเธอเท่านั้น
จีเย่วางผ้าคลุมหน้าลง จากนั้นก็หยิบยันต์ที่หยานซีเซียมอบให้กับเขาขึ้นมา และเขาก็ได้ยินบางสิ่งเช่นกัน
“ฉันเคยเห็นหมาป่าพวกนั้นมาก่อนและรู้ว่าพวกมันเคลื่อนไหวอยู่ที่รอบวัดหลานรั่ว ฉันไม่รู้ว่าทำไมพวกมันถึงแข็งแกร่งขึ้น แต่พวกมันก็ไม่สามารถถูกทำให้เชื่องได้”
“สารเลวน้อย ฝึกศิลปะดาบให้หนักนะ หากฉันได้พบนายอีกครั้ง และนายยังคงห่วย ฉันจะสอนบทเรียนที่น่าจดจำให้กับนาย”
“อ่าา…”
ในตอนนี้จีเย่รู่สึกประทับใจอย่างแท้จริง
ในฐานะนักสืบที่มีชื่อเสียงใน 24 จังหวัด หยานซีเซียจะถูกหลอกได้อย่างง่ายดายได้ยังไง?
เห็นได้ชัดว่าเขาแค่แสร้งทำเป็นว่าเขาไม่รู้
ในขณะที่ถือยันต์ซึ่งค่อนข้าวเก่า จีเย่ก็ลอบตัดสินใจอย่างลับๆ
หลังจากที่เขามาถึงขั้นเหนือธรรมชาติ เขาก็จะนำหยานซีเซียมายังถิ่นฐานของเขาไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง
นอกเหนือจากพวกเขา ยังมีของที่ระลึกชิ้นที่สาม
มันคือขนหมาป่าเทา!
เขาจำได้ว่า ‘ฮัสกี้’ มักจะถูตัวกับขาของเขาเป็นประจำเมื่อเขารักษาบาดแผลของมัน
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะมีเส้นขนของมันติดมาด้วย
สิ่งที่ทำให้เขาสับสนก็คือข้อมูลในของที่ระลึก
“บรูววว! โฮ่ง! โฮ่ง”
ใครมันจะไปเข้าใจกัน?
อย่างไรก็ตามอาจมีใครบางคนจากภูเขามังกรคู่สามารถเข้าใจได้
ชายคนนั้นคือผู้อาวุโสเมิ่งซึ่งมีอุปกรณ์เริ่มต้นคือ ‘เครื่องแปลภาษา’ ในทางทฤษฏีเขาสามารถแปลสิ่งที่หมาป่าพูดได้
อย่างไรก็ตาม ขนหมาป่าเส้นนี้ก็ไม่คุ้มค่าซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง
ถึงอย่างนั้นของที่ระลึกที่ ‘ฮัสกี้’ ทิ้งไว้ก็ทำให้เขามีข้อมูลสำคัญชิ้นหนึ่ง
เขาตระหนักว่านอกเหนือจากมนุษย์แล้ว สิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นก็สามารถถูกอัญเชิญไปยังถิ่นฐานในลักษณะเดียวกันได้เช่นกัน
ท้ายที่สุด วิญญาณแห่งอารยธรรมสามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตหลายชนิดไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้น
“ใช่แล้ว ผู้นำหลู่และผู้นำอู่อยู่ไหน?”
หลังจากเก๋บไอเทมจนหมด จีเย่ก็เดินออกจากห้องไปถามทหารที่เฝ้าประตู
“ผู้นำหลู่กำลังแบตเตอรี่ปืนใหญ่และโรงสีข้าวพร้อมกับผู้อาวุโสเจี้ยว และผู้นำอู่กำลังลาดตระเวนหุบเขาวิญญาณร่วมกับคนบางคน!”
ก่อนที่เขาจะจากไป ภูเขามังกรคู่ก็ได้ประดิษฐ์ ‘ปืนใหญ่’ ไว้แล้ว
‘โรงสีข้าว’ เป็นโรงงานที่มีความซับซ้อนซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานน้ำจากน้ำตก
มันควรจะใช้พลังงานไฟฟ้า แต่น่าเสียดายที่ไฟฟ้าเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ มากมายซึ่งมากกว่าการผลิตแบบธรรมดา
การสื่อสารและแอปพลิเคชันมีความสำคัญมาก ไม่ต้องกล่าวถึงปัญหาหากศัตรูตัดกระแสฟ้าในระหว่างการต่อสู้
ดังนั้นโครงการไฟฟ้าจึงถูกระงับชั่วคราว
หลังจากถึงอันดับ 4 หลู่จือเซินแข็งแกร่งกว่าเดิมและสามารถยกสิ่งของที่มีน้ำหนักหลายพันกิโลกรัมได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานก่อสร้างที่ต้องใช้แรงงาน
ในขณะเดียวกัน อู่ซงก็กำลังลาดตระเวนหุบเขาวิญญาณพร้อมกับทหารสิบห้าคนที่มีระดับมากกว่าอันดับ 7 และมีขั้นชั้นยอด
นั่นเป็นเพราะแสงแดดในตอนเที่ยงสามารถส่องสว่างบริเวณที่มีหมอกได้ ทำให้สามารถเก็บเกี่ยวทรัพยากรในอาณาเขตของเผ่าวิญญาณได้เช่นหยกวิญญาณ
เขาพาคนจำนวนมากไปด้วยเพราะเขาพบมอนเตอร์โคลนซึ่งดูเหมือนว่าจะวางแผนที่จะยึดครองดินแดนของเผ่าวิญญาณ
“ข่าวดี! ข่าวดี!”
ทันใดนั้นทหารคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในหมู่บ้านและตะโกนด้วยความดีใจ
“ห้ะ? ข่าวดีคืออะไร?”
จีเย่หยุดเขา
“ห้ะ? ท่านหัวหน้ากลับมาแล้วเหรอ?”
“ตอบคำถามของท่านครับหัวหน้า ผู้นำอู่เพิ่งฆ่าหัวหน้ามนุษย์ต่างดาวและมนุษย์ต่างดาว 10 ตัว พวกเขากำลังเดินทางกลับมาพร้อมกับชัยชนะ!”
ทหารให้ความเคารพและพูดคุยด้วยความตื่นเต้นหลังจากที่ได้เห็นจีเย่
เมือ่เขาออกไป อู่ซงก็วิ่งเข้าไปหามอนเตอร์โคลนระหว่างการลาดตระเวนของเขา พวกมันถูกนำทีมโดย ‘วีรบุรุษ’ ฝ่ายของพวกมัน
หมอกเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการซ่อนตัวสำหรับมอนเตอร์โคลน และพวกมันก็ค้นพบมนุษย์ในไม่ช้า
อย่างไรก็ตามเนื่องจากปีกเสือในกระบี่วิญญาณเสือขั้นสมบูรณ์ของอู่ซงนั้นเป็นผู้ครอบครองที่เติบโตในพื้นที่แห่งนี้ เขาจึงสามารถค้นพบศัตรูก่อนที่พวกมันจะสังเกตเห็นได้
เขาสั่งให้กองทหารของเขาหมอบลงกับพื้น หลังจากที่มอนเตอร์โคลนเข้าใกล้ เขาก็พุ่งเข้าไปหาพวกมัน
เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น อู่ซงผู้ที่เป็นผู้ที่พุ่งเข้าไปเป็นคนแรกก็ผ่าวีรบุรุษศัตรูออกเป็นสองส่วนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว การจู่โจมที่กระทันหันนี้สามารถพิสูจน์ชื่อเสียงของ ‘อู่ซงหนึ่งกระบี่’ ได้เป็นอย่างดี!
ความสงสัยของการต่อสู้หมดไปหลังจากที่วีรบุรุษเสียชีวิต
ทหารของอู่ซงนั้นอยู่ในอันดับเดียวกับศัตรู และพวกเขาก็ได้เปรียบด้านจำนวน นอกจากนี้เปลวไฟผียมโลกบนกระบี่วิญญาณเสือก็ยังสามารถแผดเผามอนเตอร์โคลน และหยุดพวกมันจากการรักษาตัวเองแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำให้วิญญาณของมอนเตอร์แตกสลายได้
ในตอนท้าย หินแห่งอารยธรรมนั้นถูกทำลายก็ดร็อปหินแห่งอารยธรรมอันดับ 7 และอันดับ 8 อย่างละชิ้น สองหินแห่งอารยธรรม และสินสงครามบางส่วน!
แน่นอนว่ารางวัลที่สำคัญที่สุดของทั้งหมดก็คือหินแห่งอารยธรรมขั้นผู้บัญชาการจากวีรบุรุษศัตรู
หมายความว่าภูเขามังกรคู่จะต้อนรับวีรบุรุษคนที่ใส่ในไม่ช้า!